|
ประสบการณ์ของ Franchisee “7-11” รายแรกในเมืองไทย
โดย
ยงยุทธ สถานพงษ์
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( ธันวาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ข้อสงสัยถึงผลได้-ผลเสียของการซื้อแฟรนไชส์ "เซเว่นอีเลฟเว่น" คงต้องฟังคำตอบของผู้ที่เข้ามาเป็นแฟรนไชซี่รายแรกในประเทศไทยของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้เมื่อ 18 ปีก่อน
กลางซอยเพชรบุรี 5 คือที่ตั้งของร้านสะดวกซื้อ "เซเว่นอีเลฟเว่น" สาขาแรกในประเทศไทยที่เป็นลักษณะการขายแฟรนไชส์ โดยมีบุญมี บุญยิ่งสถิตย์ ที่คน ในย่านนั้นเรียกกันว่า "เฮียมิ้ง" เป็นคนที่กล้าตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์เซเว่นอีเลฟเว่น มาดำเนินกิจการเป็นคนแรกแทนร้านโชห่วย ซึ่งเป็นกิจการดั้งเดิมของเขา
ปัจจุบันเซเว่นอีเลฟเว่นสาขานี้มีอายุครบ 18 ปีเต็ม
"การทำกิจการร้านโชห่วยเป็นการทำงานที่เหนื่อย ไม่มีโอกาสได้ออกไปไหนไกลๆ" บุญมีเล่าและอธิบายเหตุผล ที่ตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ต่อไปว่า "การทำธุรกิจหรือประกอบกิจการไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ โดยเฉพาะการทำร้านโชห่วยไม่เพียงแต่จะต้องมีการวางรากฐานกิจการให้เข้มแข็งพอ นอกจากนี้หากไม่มีพันธมิตรและการสนับสนุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่โอกาสการอยู่รอด เติบโต ตลอดจนการขยายกิจการ คงต้องดำเนินไปด้วยความยากลำบาก"
สถานการณ์ในขณะนั้นย่านซอยเพชรบุรี เขตพญาไท เป็นทำเลทองของบรรดานักลงทุนและผู้ประกอบการหน้า ใหม่ ทำให้ร้านโชห่วยของบุญมีซึ่งอยู่ในพื้นที่มานานแล้ว ต้องเผชิญกับคู่แข่งที่รุกเข้ามาจับจองทำเลค้าขายรอบด้าน
รอบๆ ร้านของเขาแวดล้อมด้วย ร้านค้าสะดวกซื้อถึงสองแห่งที่ได้รับความนิยมของลูกค้าแถบนั้น ไม่เว้นแม้แต่ "ฮุย" สาธิต บุญยิ่งสถิตย์ ลูกชายของบุญมี ที่ขณะนั้นยังเป็นเพียงเด็กตัวน้อยๆ ก็ยังวิ่งเข้า-วิ่งออกร้านเหล่านี้เป็นว่าเล่นแทบทุกวัน เพราะติดใจรสชาติขนมหวานที่ขายอยู่ ในร้าน
จุดประกายในหัวเขาเริ่มเกิดขึ้นทันทีว่า "ทำไมร้านสะดวกซื้อที่อยู่ข้างๆร้านใหญ่กว่าเราของตั้งเยอะแยะมีเพียงคนดูแลเพียง 2-3 คน ถึงทำได้...แล้วทำไมเราจะทำไม่ได้"
เมื่อมีเจ้าหน้าที่ของเซเว่นอีเลฟเว่น มาอธิบายเพื่อขายแฟรนไชส์ให้กับเขา เขา จึงตกลงใจและตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์ของเซเว่นอีเลฟเว่นในที่สุด
เขามองว่าการเข้ามาสู่ระบบทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่จะประสบความสำเร็จ มีใจ มีความพร้อม มีเงินทุนสนับสนุน
"การค้าขายของโชห่วย ลักษณะเหมือน "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" ขายของทุกชิ้นต้องผ่านมือเจ้าของร้าน สินค้าทุกชิ้นเราต้อง รู้ชื่อ จดจำนวนรายการสินค้า ไม่ให้ขาด รวมทั้งมีสำรองในร้าน โอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามาหยิบสินค้าเองได้ตามใจไม่มีเลย" บุญมีกล่าว
แฟรนไชส์เซเว่นอีเลฟเว่นสาขาแรก ในไทย หากนับรวมกับสาขาอื่นที่เซเว่นอีเลฟเว่นมีทั้งหมดในขณะนั้นนับเป็นสาขาลำดับที่ 28
การซื้อแฟรนไชส์เซเว่นอีเลฟเว่น ทำให้บุญมีต้องเข้าอบรมการปฏิบัติงานในร้านที่สาขาพัฒนพงศ์ โดยเรียนรู้ด้านการบริหารพนักงาน พฤติกรรมลูกค้า การจัดเรียงสินค้า การนำเทคโนโลยีมาช่วยทำงาน ตลอดจนการนำระบบบัญชีซึ่งได้รับการดูแลและให้คำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ของเซเว่นอีเลฟเว่น และแปลงโฉมร้านค้าเดิมให้เป็นไปตามแบบของเซเว่นอีเลฟเว่นทำให้ ลูกค้าในแถบซอยเพชรบุรี 5 แปลกใจอยู่พักใหญ่ที่จู่ๆ บุญมีซึ่งกำลังขายของอยู่ดีๆ หายไปไหน?
บุญมีบอกว่าการลงทุนสำหรับสาขา แรกใช้เงินลงทุน 3 ล้านบาท เป็นเงินทุนส่วนตัวที่เก็บออมจากการทำร้านโชห่วยเดิม และกู้มาอีกบางส่วน
และเขาก็เริ่มมุ่งหน้าดำเนินกิจการอย่างสมบุกสมบัน โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนแรก ที่ดูเหมือนว่าเข้าขั้นอาบเหงื่อต่างน้ำ ถึงแม้จะทำงานในที่ร่มและมีทีมงานมาช่วยดูแลก็ตาม "มันเป็น 3 เดือนที่เหนื่อยที่สุด" บุญมีบอก
เมื่อเป้าหมายแรกของเขาก้าวผ่านไปด้วยการที่สามารถคืนทุนครบตามระยะเวลาที่กำหนดและสามารถเป็นเจ้าของในพื้นที่เดิมสำเร็จ เรียกว่าได้เปลี่ยนฐานะจากเจ้าของร้านมาเป็นผู้ประกอบการที่เข้ามาบริหารสาขาแรกให้กับเซเว่นอีเลฟเว่นอย่างเต็มตัว
ตลอดระยะเวลา 15 ปีตั้งแต่เริ่มซื้อแฟรนไชส์เซเว่นอีเลฟเว่นมาบริหาร บุญมีเริ่มมีความเข้าใจระบบและมองเห็นโอกาส ในปี 2548 เขาจึงตัดสินใจเปิดร้าน เซเว่นอีเลฟเว่นสาขาที่ 2 ในพื้นที่ใกล้เคียง กัน ชนิดที่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึง
ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นสาขาที่ 2 ของบุญมีก่อให้เกิดคำถามตามมาว่าเมื่อทำร้านติดๆ กัน แล้วจะขายสินค้าในร้านได้หรือในเมื่อบริเวณนั้นมีร้านขายของกินมากมาย รวมทั้งยังมีร้านสะดวกซื้อของคู่แข่ง ทำให้ผู้บริโภคน่าจะตัดสินใจรับประทานอาหารในร้านอาหารมากกว่าการเข้าร้านสะดวกซื้อ
ซึ่งเป็นการเข้าใจถูกต้องส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญ บุญมีบอกว่า "ส่วนใหญ่เป็นเพราะความเคยชินของผู้บริโภค ที่ชอบความสะดวกสบายและการบริการที่ลูกค้าสามารถหยิบจับเลือกซื้อสินค้าได้เองตามใจชอบ"
สาขานี้เป็นการเช่าพื้นที่ โดยมีสาธิต บุญยิ่งสถิตย์ ลูกชายเข้ามาช่วยดูแลกิจการ โดยเฉพาะในส่วนของการจัดเก็บข้อมูลและการทำบัญชี เพราะสาธิตสำเร็จการศึกษาจากคณะบริหารคอมพิวเตอร์
สาธิตบอกว่าได้นำความรู้ในเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ในการเก็บข้อมูลสารสนเทศ ในการบริหารจัดการร้าน ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อสินค้า จำนวน บัญชีและอื่นๆ ที่เกี่ยว ข้องกับการจัดการร้านที่ได้จากการเรียนมา บริหารจัดการร้านเพื่อจะได้ช่วยประหยัด ต้นทุน
เขาให้เหตุผลอีกว่าอยากมีร้านเป็นของตนเอง เห็นว่าทางบ้านเรามีกิจการเป็นของตัวเอง จึงน่าจะมาช่วยดูแลร้านให้กับครอบครัวเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระ
สาธิตบอกว่าสาขา 2 เป็นสาขาที่สร้างยอดขายมากที่สุด เมื่อเทียบกับสาขาแรกที่เปิดก่อน หากดูจากทำแลและปัจจัยหลายๆ อย่างซึ่งได้เปรียบกว่า
"อีกอย่างคงเป็นเพราะร้านเปิดใหม่"
สำหรับกลุ่มลูกค้าทั้งสาขาแรกและ สาขาที่ 2 เป็นกลุ่มลูกค้าหน้าเดิมที่เคยใช้บริการในสาขาแรกและลูกค้าทั่วไปย่านนั้น
ปี 2551 ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขา ที่ 3 ของตระกูลบุญยิ่งสถิตย์ก็เปิดขึ้น โดย สาธิตเป็นผู้ดูแลอย่างเต็มตัว หลังจากที่ได้เรียนรู้ระบบการจัดการภายในร้านสาขาที่ 2 มาแล้ว 3 ปี
สาขา 3 เป็นพื้นที่เช่าเช่นเดียวกับสาขาที่ 2 ทำเลที่ตั้งห่างจากสาขาแรกและ สาขาที่ 2 ออกไปด้านท้ายซอยเพชรบุรี 5 สามารถเดินเชื่อมต่อเข้าได้สบายแต่อยู่ลึกเข้าไปในโซนที่ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ ห้องเช่า ไม่ค่อยมีร้านค้าคู่แข่ง ถือว่าทำเลดีกว่า แม้พื้นที่จะมีขนาดเล็กกว่า สองสาขาแรกก็ตาม
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่มากวดวิชาในย่านนั้นและผู้คนที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว
สำหรับสินค้าภายในร้านต้องตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยเลือกประเภทเครื่องดื่มและอาหารพร้อมทาน ทำให้ในร้านมีตู้แช่อาหารเพิ่มเป็น 2 ตู้ จากที่มีเพียงตู้เดียวในสาขาทั่วไป เพื่อให้เพียงพอจำหน่ายแก่ลูกค้า
ที่สำคัญ ด้านหน้าสาขานี้มีตู้ถอนเงินสดติดตั้งอยู่ถึง 3 เครื่องจาก 3 ธนาคาร ขนาบกันที่หัวมุมร้าน ทำให้เห็นว่าที่นี่มีผู้มาใช้บริการหนาแน่น แม้จะอยู่ในซอกหลืบเล็กๆ
สาธิตมีความเชื่อมั่นว่าแนวโน้มธุรกิจแฟรนไชส์เซเว่นอีเลฟเว่นยังโตได้อีก
"ทำธุรกิจร้านเซเว่นอีเลฟเว่นมีสาขา 1 สาขา 2 และ 3 แล้วต้องมีสาขา 4, 5, 6 ซึ่งต้องให้ลูกชายดูแล ขณะที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้วการเคลื่อนไปข้างหน้าจะไม่ยาก" บุญมีกล่าวด้วยความมั่นใจ
หวังเพียงว่าผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์เซเว่น อีเลฟเว่นไปแล้วจะประสบความสำเร็จกันทุกรายเหมือนครอบครัวบุญมีและสาธิต
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|