โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ประกาศแผนลงทุนปีหน้า ลุยผุดโครงการใหม่ 4-5 แห่ง ส่งผลให้มีโครงการอยู่ในมือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า
10,000 ล้านบาท เผยช่วงไตรมาสสุดท้ายได้ฤกษ์เปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว 4 แห่งรวด
มูลค่า 3,500 ล้านบาท หวังโกย ยอดขายกว่า 1,800 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ปีหน้า
เติบโตขึ้น 15-20% คิดเป็นมูลค่า 4,000 ล้านบาท ด้านแสนสิริรับรู้ยอดโอนปีนี้
5,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 300% ทบทวนแผนออกหุ้นกู้ 2,000 ล้าน เพราะต้นทุนกู้แบงก์อาจน้อยกว่า
นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิลดีเวลลอปเมนท์
จำกัด (NOBLE) เปิดเผยว่า ปีหน้าบริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนโครงการบ้านจัดสรรใหม่อย่างน้อย
4-5 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้านเดี่ยว เน้นลูกค้าเป้าหมายระดับกลางถึงบน และอาคารชุดพักอาศัยเน้นกลุ่มเป้า
หมายระดับบน ทั้งนี้ การลงทุนโครงการบ้านจัดสรรส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในทำเลไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักจะเน้นในทำเลใกล้ทางด่วนเป็นหลักส่วนโครงการประเภทอาคารชุดพักอาศัยจะเน้นลงทุนในเขตศูนย์กลางธุรกิจ
หรือซีบีดี เนื่องจากมีความต้องการที่พักอาศัยสูง
ที่ผ่านมาบริษัทได้ซื้อที่ดินไว้รองรับการลงทุนโครงการใหม่แล้ว โดยเฉลี่ยบริษัทตั้งงบสำหรับจัดซื้อที่ดินเฉลี่ยที่ปีละ
1,000-2,000 ล้านบาท โดยปีนี้ได้ซื้อที่ดินแล้วประมาณ 50% ของงบประมาณที่วางไว้
และในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ต่อเนื่องไตรมาสแรกปีหน้า มีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นอีก
ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของที่ดินหลายราย คาดว่าจะสรุปผลการเจรจาได้เร็ว
ๆ นี้
"ปัจจุบันบริษัทมีโครงการอยู่ดำเนินงานประมาณ 12-13 แห่ง และได้ปิดการขายไปแล้ว
2 แห่ง เช่น โครงการโนเบิลทารา เอกมัย-พระราม 9 เป็นต้น และหากรวมโครงการที่จะเปิดใหม่ในปีหน้า
จะทำให้บริษัทมีโครงการในมือรวม 14-15 แห่ง คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท
ซึ่งจะสามารถเปิดขายได้ไปถึงปีต่อไป" นายกิตติกล่าว
โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ 4 แห่งรวด ได้แก่
โครงการโนเบิล อนาวานา ปิ่นเกล้า,โนเบิล ทารางามวงศ์วาน, โนเบิล วานา วัชรพล และโนเบิล
จีโอ วัชรพลคิดเป็น มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น 581 ยูนิต
ทุกโครงการจะชูจุดเด่นในแง่ของเป็นบ้าน สร้างเสร็จพร้อมตกแต่งลูกค้าสามารถเข้าอยู่ได้เลย
ไม่ต้องตกแต่งอีก ซึ่งแตกต่างจากบ้านของคู่แข่งที่เป็นเพียงแค่บ้านพร้อมอยู่แต่ยังไม่ได้ตกแต่ง
ทั้งนี้ ราคาบ้านพร้อมตกแต่งราคาจะสูงขึ้นจากราคาปกติ 500,000-1 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับการเลือกแบบบ้านและวัสดุอุปกรณ์การตกแต่งของลูกค้า
สำหรับรายละเอียดโครงการโนเบิล อนาวา ปิ่นเกล้า เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 43 ยูนิต
ขนาด 100 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 7.4 ล้านบาท มูลค่า 370 ล้านบาท โครงการโนเบิล
ทารา งามวงศ์วาน เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 103 หลัง ขนาด 70 ตารางวาขึ้นไป ราคาเริ่มต้น
5.8 ล้านบาท มูลค่า 960 ล้านบาท โครงการโนเบิล วานา วัชรพล เป็นบ้านเดี่ยว อารมณ์
รีสอร์ต ตั้งอยู่ที่ถนนรามอินทรา-วัชรพล จำนวน 60 ยูนิต ราคา 5.5 ล้านบาทขึ้นไป
มูลค่ารวม 400 ล้านบาท และโครงการโนเบิล จีโอ วัชรพล เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 375
ยูนิต ขนาด 50 ตารางวา ราคา 3.6 ล้านบาท มูลค่า 1,770 ล้านบาท โดยทุกโครงการมียอดจองแล้วประมาณ
20%
"คาดว่าโครงการทุกแห่งทั้งของโนเบิลฯและผู้ประกอบการรายอื่นที่สร้างเสร็จพร้อมโอนจะขายได้จำนวนมากภายในปลายปีนี้เพราะมาตรการลดหย่อนภาษีที่กำลังจะหมดอายุลงในปลายปีและเชื่อภาครัฐจะไม่ต่ออายุมาตรการอีก
ดังนั้น ทั้งผู้ประกอบการและผู้บริโภคจะเร่งซื้อและขายบ้านในปีนี้เพื่อประหยัดค่าภาษีประมาณ
6% ของราคาขายซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย เช่น บ้านราคา 3 ล้านบาทสามารถประหยัดเงินได้มากถึง
180,000 บาท"
นายธงชัย บุศราพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกล่าวเสริมประธานกรรมการ อีกว่า
จากจำนวนยูนิตทั้งหมด 581 ยูนิต บริษัทสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในลูกค้าได้เพียง
300 ยูนิตเท่านั้น คิดเป็นมูลค่ารวม 1,800 ล้านบาทด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการขาดแคลนแรงงานและวัสดุก่อสร้างอย่างไรก็ดี
ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดรับรู้รายได้แล้ว 1,300 ล้านบาทเศษซึ่งจะทำ ให้ทั้งปีบริษัทมียอดรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 3,100
ล้านบาท และคาดว่าจะมีกำไรรวมประมาณ 550 ล้านบาท ตามประมาณการที่วางไว้
สำหรับความคืบหน้าเรื่องการออกหุ้นกู้จำนวน 1,000 ล้านบาทขณะนี้บริษัทได้ผ่านกระบวนการของกลต.ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วคาดว่าจะออกหุ้นกู้ได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปซื้อที่ดินและก่อสร้างโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีหน้า
รวมทั้งใช้หมุนเวียนการดำเนินงาน
แสนสิริรับยอดโอนปีนี้ 5,000 ล้านบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทแสนสิริ จำกัด(มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า
จากผลการตอบรับที่ดีของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำให้บริษัทคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้เกือบ
7,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ระหว่างปีนี้และปีหน้า โดยยอดรับรู้ปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ
5,000 ล้านบาท เป็นอย่างน้อย จากเดิมที่คาดว่าจะรับรู้ได้ 4,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
บริษัทมียอดขายและยอดโอน 1,500 ล้าน และ 1,300 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเห็นได้ว่าเติบโตขึ้น
300%
"แม้ว่าขณะนี้จะมีนักวิชาการออกมาให้ความเห็นว่าเริ่มมีสัญญาณของภาวะฟองสบู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนโดฯ ในฐานะผู้นำในตลาดนี้ยังเชื่อมั่นว่า ภาพรวมของธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่อง
ในระยะ 3 ปีข้างหน้า และหากเป็นคอนโดมีเนียมในเมืองทำเลสีลม สาทร ร่วมฤดี มีออกมาเท่าไหร่ก็จะขายได้หมด
แต่สินค้าเหล่านี้จะมีจำนวนอีกไม่มาก เพราะที่ดินมีจำกัด"
สำหรับแผนการออกหุ้นกู้เพื่อนำมาขยายธุรกิจ ในช่วงขาขึ้น ตามที่ได้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้
2,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ทริสได้จัดทำเรตติ้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะประกาศใน
1-2 สัปดาห์ข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ภายในปีนี้หรือไม่นั้น
อยู่ในประหว่างการพิจารณาทบทวน คาดว่าจะมีคำตอบไม่เกิน 2 เดือน เนื่องจากขณะนี้บริษัทสามารถกู้ธนาคารได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าต้นทุนการออกหุ้นกู้อยู่แล้ว
ประกอบกับต้องพิจารณาเรื่องระยะเวลาที่ต้องการใช้เงิน ให้เหมาะสม กับวิธีการระดมทุนแต่ละประเภทด้วย
อย่างไรก็ดี สำหรับโครงการบ้านสิริ เย็นอากาศ คอนโดฯโครงการล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป
ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 80% คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในระยะเวลาอันใกล้นี้