"ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม" ในเครือซิเมนต์ไทย ประเมินสถานการณ์ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในปี
47 เติบโตสูงขึ้นอีก 10% อยู่ที่ 25 ล้านตัน เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ แม้ว่ารัฐจะไม่ต่ออายุภาษีค่าธรรมเนียมโอนบ้านที่จะสิ้นสุดลงในปีนี้
เพราะภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังคงขยายตัวขึ้น รวมถึงโครงการบ้านเอื้ออาทร
และการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่เสริมทัพ รักษาเก้าอี้ผู้นำตลาด
ปูนซีเมนต์ของไทย
หลังจากกระทรวงการคลังออกมายืนยันจะไม่มีการต่ออายุลดภาษีและค่าธรรมเนียมโอนบ้านที่จะสิ้นสุดในปลายปีนี้
ตามคำเรียกร้องของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อลดความร้อนแรงของธุรกิจ หลังจากที่รัฐบาลได้มีการต่ออายุหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
นายอวิรุทธ์ วงศ์พุทธพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิเมนต์ไทยพร็อพเพอร์ตี้
จำกัด รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด
ใน เครือซิเมนต์ไทย( SCC) กล่าวถึงสถานการณ์ วัสดุก่อสร้างในปี 2547 ว่า แนวโน้มวัสดุก่อ
สร้าง โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ ยังขยายตัวต่อเนื่องสูงกว่าปีนี้ เพราะภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังเติบโตต่อเนื่อง
แม้ว่าภาษีค่าธรรมเนียมในการโอนบ้านจะสิ้นสุดลงก็ตาม
กอปรกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า รัฐบาลคาดว่าจะเติบโต 8% และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
ซึ่งในปีนี้คาดว่าการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรจะทำได้มากกว่าแสนยูนิต รวมทั้งการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ
เพิ่มสูงขึ้นจากปีนี้
ดังนั้นคาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศในปี 2547 จะเติบโตขึ้น 10%จากปีนี้
หรือประมาณ 25 ล้านตัน ขณะที่กำลังการผลิต ในประเทศอยู่ที่ 52 ล้านตัน ทำให้ปริมาณการส่งออกไปต่างประเทศมีแนวโน้มลดลงมาที่
13 ล้านตัน
โดยปีนี้ ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศอยู่ที่ 23 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% และส่งออก
ปูนซีเมนต์ 14 ล้านตัน ต่ำกว่าปีที่แล้ว 12% ยอด ส่งออกปูนซีเมนต์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา
10 ล้านตัน ปริมาณลดลงเนื่องจากเกิดโรคหวัดซาร์ส และความต้องการใช้ปูนในประเทศโตขึ้น
ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มีผลกระทบต่อการส่งออกบ้าง ทำให้เราอาจลดการส่งออกปูนซีเมนต์ในบางประเทศ
หากไม่สามารถปรับขึ้นราคาส่งออกได้ ดังนั้นบริษัทฯ จะมีการเจรจากับลูกค้าเพื่อขอปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ส่งออกใน
อัตราเดียวกับค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ ส่วนตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศจะไม่มีการ
ปรับราคาขึ้นแต่อย่างไร
"ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 39 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าผู้ประกอบการพอรับได้ แต่หากแข็ง
ค่ามากกว่านี้ก็ไม่คุ้มที่จะส่งออกแล้ว แต่เชื่อว่าค่าเงินบาทคงไม่แข็งค่ามากไปกว่านี้
เพราะได้ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว"
ปัจจุบัน ทั้งอุตสาหกรรมใช้กำลังการผลิตปูนซีเมนต์อยู่ที่ 75% ของกำลังการผลิตรวม
โดยในเครือซิเมนต์ไทยผลิตอยู่ที่ 78-80% ของกำลังการผลิต โดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ
40% ครองอันดับหนึ่ง เพื่อให้บริษัทฯสามารถรักษาตำแหน่งนี้ จึงวิจัยและพัฒนาจนได้ผลิต
ภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่ม
ออก 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่รักษาแชมป์
นายธนารักษ์ สีลวานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม
จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯจึงออกสินค้าใหม่ 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ปูนตราเสือพลัส ซึ่งเป็นปูนสำหรับงานก่อฉาบโดยเฉพาะ
,ปูนตราช้างทนน้ำเค็ม ดินเค็ม เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ปอซโซลาน สำหรับงานโครงสร้างที่สัมผัสดินเค็ม
น้ำเค็มและงานบำบัดน้ำเสีย
ปูนตราช้างขุดเจาะน้ำมัน เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดพิเศษสำหรับงานขุดเจาะโดยเฉพาะ
ซึ่งปัจจุบันเราส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง เช่น บรูไน, ปูนก่ออิฐมวลเบาตราเสือคู่
สำหรับงานก่อสร้างอิฐมวลเบาและกาวยาแนวทนกรด ใช้กับงานยาแนวกระเบื้องเซรามิกที่ทนการกัดกร่อนของน้ำ
ยาล้างทำความสะอาดคาดว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ผลการดำเนินงานของบริษัท ปูนซิเมนต์ ไทยอุตสาหกรรมในปีนี้ จะมีรายได้ประมาณ 3
หมื่นล้านบาท โตขึ้น 10% จากปีที่แล้ว โดยครึ่งปีแรกมียอดขายเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ภาคการก่อสร้างเติบโตตามไปจนถึงปีหน้า