SCCชี้ตลาดปูนปีหน้าโตอีก แม้รัฐไม่อุ้มลดภาษีโอนบ้าน


ผู้จัดการรายวัน(29 กันยายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

"ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม" ในเครือซิเมนต์ไทย ประเมินสถานการณ์ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในปี 47 เติบโตสูงขึ้นอีก 10% อยู่ที่ 25 ล้านตัน เติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ แม้ว่ารัฐจะไม่ต่ออายุภาษีค่าธรรมเนียมโอนบ้านที่จะสิ้นสุดลงในปีนี้ เพราะภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังคงขยายตัวขึ้น รวมถึงโครงการบ้านเอื้ออาทร และการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่เสริมทัพ รักษาเก้าอี้ผู้นำตลาด ปูนซีเมนต์ของไทย

หลังจากกระทรวงการคลังออกมายืนยันจะไม่มีการต่ออายุลดภาษีและค่าธรรมเนียมโอนบ้านที่จะสิ้นสุดในปลายปีนี้ ตามคำเรียกร้องของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เพื่อลดความร้อนแรงของธุรกิจ หลังจากที่รัฐบาลได้มีการต่ออายุหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา

นายอวิรุทธ์ วงศ์พุทธพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิเมนต์ไทยพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด ใน เครือซิเมนต์ไทย( SCC) กล่าวถึงสถานการณ์ วัสดุก่อสร้างในปี 2547 ว่า แนวโน้มวัสดุก่อ สร้าง โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ ยังขยายตัวต่อเนื่องสูงกว่าปีนี้ เพราะภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าภาษีค่าธรรมเนียมในการโอนบ้านจะสิ้นสุดลงก็ตาม

กอปรกับแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้า รัฐบาลคาดว่าจะเติบโต 8% และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งในปีนี้คาดว่าการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรจะทำได้มากกว่าแสนยูนิต รวมทั้งการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิทำให้ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เพิ่มสูงขึ้นจากปีนี้

ดังนั้นคาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ของประเทศในปี 2547 จะเติบโตขึ้น 10%จากปีนี้ หรือประมาณ 25 ล้านตัน ขณะที่กำลังการผลิต ในประเทศอยู่ที่ 52 ล้านตัน ทำให้ปริมาณการส่งออกไปต่างประเทศมีแนวโน้มลดลงมาที่ 13 ล้านตัน

โดยปีนี้ ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศอยู่ที่ 23 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% และส่งออก ปูนซีเมนต์ 14 ล้านตัน ต่ำกว่าปีที่แล้ว 12% ยอด ส่งออกปูนซีเมนต์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา 10 ล้านตัน ปริมาณลดลงเนื่องจากเกิดโรคหวัดซาร์ส และความต้องการใช้ปูนในประเทศโตขึ้น

ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มีผลกระทบต่อการส่งออกบ้าง ทำให้เราอาจลดการส่งออกปูนซีเมนต์ในบางประเทศ หากไม่สามารถปรับขึ้นราคาส่งออกได้ ดังนั้นบริษัทฯ จะมีการเจรจากับลูกค้าเพื่อขอปรับขึ้นราคาปูนซีเมนต์ส่งออกใน อัตราเดียวกับค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นในช่วงไตรมาส 4 นี้ ส่วนตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศจะไม่มีการ ปรับราคาขึ้นแต่อย่างไร

"ค่าเงินบาทแข็งค่าอยู่ที่ 39 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าผู้ประกอบการพอรับได้ แต่หากแข็ง ค่ามากกว่านี้ก็ไม่คุ้มที่จะส่งออกแล้ว แต่เชื่อว่าค่าเงินบาทคงไม่แข็งค่ามากไปกว่านี้ เพราะได้ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว"

ปัจจุบัน ทั้งอุตสาหกรรมใช้กำลังการผลิตปูนซีเมนต์อยู่ที่ 75% ของกำลังการผลิตรวม โดยในเครือซิเมนต์ไทยผลิตอยู่ที่ 78-80% ของกำลังการผลิต โดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 40% ครองอันดับหนึ่ง เพื่อให้บริษัทฯสามารถรักษาตำแหน่งนี้ จึงวิจัยและพัฒนาจนได้ผลิต ภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่ม

ออก 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่รักษาแชมป์

นายธนารักษ์ สีลวานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัทปูนซิเมนต์ไทยอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯจึงออกสินค้าใหม่ 5 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ปูนตราเสือพลัส ซึ่งเป็นปูนสำหรับงานก่อฉาบโดยเฉพาะ ,ปูนตราช้างทนน้ำเค็ม ดินเค็ม เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ปอซโซลาน สำหรับงานโครงสร้างที่สัมผัสดินเค็ม น้ำเค็มและงานบำบัดน้ำเสีย

ปูนตราช้างขุดเจาะน้ำมัน เป็นปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดพิเศษสำหรับงานขุดเจาะโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันเราส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ โดยเฉพาะตะวันออกกลาง เช่น บรูไน, ปูนก่ออิฐมวลเบาตราเสือคู่ สำหรับงานก่อสร้างอิฐมวลเบาและกาวยาแนวทนกรด ใช้กับงานยาแนวกระเบื้องเซรามิกที่ทนการกัดกร่อนของน้ำ ยาล้างทำความสะอาดคาดว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

ผลการดำเนินงานของบริษัท ปูนซิเมนต์ ไทยอุตสาหกรรมในปีนี้ จะมีรายได้ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โตขึ้น 10% จากปีที่แล้ว โดยครึ่งปีแรกมียอดขายเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ภาคการก่อสร้างเติบโตตามไปจนถึงปีหน้า



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.