ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะแตกพาร์จาก 5
บาทเหลือ 1 บาท โดยจะเริ่มเทรดราคาใหม่ ต.ค. นี้ วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้น
และกระจายถึงนักลงทุนรายย่อย เพราะปัจจุบันสัดส่วนนักลงทุน สถาบันต่างประเทศถือหุ้นเพิ่มจาก
10% เป็น 14% เตรียมออกหุ้นกู้พันล้านบาท รีไฟแนนซ์หนี้ปัจจุบัน แถมเตรียมสร้างคอนโดฯ
ขาย หวังแย่งเค้กตลาดนี้ ที่กำลังฮอต
นายไพบูลย์ อุดมการกิจ กรรมการ บมจ. ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่าการที่นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นบริษัทเพิ่มขึ้น
ทำให้บริษัทเกรงว่า อนาคตสภาพคล่องหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์น้อยลง เพราะนักลงทุนสถาบันและต่างชาติจะถือหุ้นระยะยาว ทำให้ไม่มีการหมุนเวียนหุ้นเท่าใดนัก
จึงขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทแตกพาร์หุ้นจาก 5 บาท เหลือ 1 บาท และได้รับอนุมัติแล้ว
บริษัทจะเริ่มดำเนินการทันที
ปัจจุบัน บริษัทมีหุ้นที่หมุนเวียนจริงในตลาดหุ้น (ฟรีโฟลท) 32% การแตกพาร์ จะส่งผลดีบริษัท
เพราะจะทำให้กระจายหุ้นให้นักลงทุนได้ทุกรูปแบบ แม้ราคาหุ้นจะเหลือ 10 บาท จากขณะนี้
50 บาท แต่เชื่อว่าจะเป็นผลดีมากกว่า ที่ผ่านมา ศึกษาว่าบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่ม
ได้แก่ แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ก็ทำแบบเดียวกัน
เตรียมโรดโชว์ฮ่องกง-สิงคโปร์-ออกหุ้นกู้
บริษัทมีแผนจะเสนอข้อมูลนักลงทุนในฮ่องกง และสิงคโปร์ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติรู้จักบริษัท
ขณะนี้ หุ้นบริษัทมูลค่าตลาดรวม (มาร์เกตแคป) 8 พันล้านบาท เป็นขนาดที่กองทุนต่างชาติแถบตลาดเกิดใหม่
ลงทุนได้ แต่กองทุนใหญ่อาจยังไม่มาก แต่อนาคตเมื่อบริษัทใหญ่ขึ้น น่าจะได้รับความสนใจ
เขากล่าวว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทอนุมัติเสนอ ขายหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 1
พันบาท อยู่ระหว่างคัดเลือก ที่ปรึกษาการเงินเสนอขายครั้งนี้ ต้องพิจารณาแนวโน้ม
ดอกเบี้ยตลาดเงินก่อนว่าจะมีทิศทางอย่างไร บริษัทเชื่อว่าแนวโน้มน่าจะต่ำสุดแล้ว
แต่เกรงว่าจะมีความไม่แน่นอน จึงยังไม่กำหนดเวลาเสนอขายแน่นอน
อายุหุ้นกู้จะไม่เกิน 6 ปี ดอกเบี้ยคาดประมาณ 4% วัตถุประสงค์เสนอขายหุ้นกู้
บริษัทจะลดดอกเบี้ยจ่ายสร้างคอนโดมิเนียม และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ปัจจุบันบริษัทสัดส่วนหนี้สินต่อทุน
0.4 เท่า หลังเสนอขายหุ้นกู้ จะทำให้หนี้สินต่อทุนเพิ่มเป็น 0.8 เท่า นโยบายบริษัท
จะรักษาอัตราหนิ้สินต่อทุน 1 ต่อ 1 เท่า
สาเหตุที่บริษัทเลือกระดมทุนโดยเสนอขายหุ้นกู้ เพราะมองว่าเป็นแหล่งเงินทุนที่แน่นอน
โดยเฉพาะดอกเบี้ยจ่ายต่ำติดดิน น้อยกว่ากู้เงินสถาบันการเงิน
เขากล่าวว่าแผนทำธุรกิจปี2547 บริษัทยังมีรายได้หลักจากธุรกิจบ้านเดี่ยว 85%
และคอนโดมิเนียม 15% ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทจะเริ่มทำช่วงต้นปี บริษัทคาดว่าอัตราเติบโตรายได้
25% หรือมากกว่านั้น
เนื่องจากปีนี้ บริษัทคาดว่าจะเติบโตรายได้ 25% แต่บริษัทหวังทำได้สูงกว่าประมาณการ
จะเพิ่มเป็นประมาณ 38% อย่างน้อยปีหน้า จะมีบ้านเดี่ยวใหม่ 3 โครงการ มูลค่าขายรวมประมาณ
4-5 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียมอย่างน้อย 1 โครงการ
โครงการใหม่ยังเน้นบ้านราคาระดับกลางและให้บริการครบวงจร ส่วนคอนโดมิเนียม
เช่นกัน ซึ่งระดับราคาที่ขาย 2-6 ล้านบาทต่อยูนิต บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้น
30%