|
เปิดฐานผลิต BMW ซีรีส์ 7 ใหม่
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( พฤศจิกายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ท่ามกลางความรู้สึกรื่นรมย์กับประสบการณ์ขับรถจากกรุงเทพฯ ด้วย BMW ซีรีส์ 7 ใหม่ (740 Li และ 730 Ld) ที่เปิดตัวด้วยธีมของโสตสัมผัสระดับเทพ "mystery of the 7 SENSE" สื่อมวลชนก็ได้พบกับสัมผัสที่แปด เมื่อย่างเท้าเข้าโรงงาน BMW ประเทศไทยที่ระยอง รู้สึกว่าที่นี่สะอาดปลอดภัยมาก เครื่องมืออุปกรณ์ทันสมัย ไม่มีกลิ่น ไม่มีคราบน้ำมันสักหยดเดียวบนพื้นโรงงาน สมกับเป็นโรงงานประกอบรถแบรนด์หรูระดับพรีเมียมอย่าง BMW ที่ยกมาตรฐานการบริหารการผลิตของเยอรมนีมาไว้ที่นี่
ภายใต้ความรับผิดชอบของ Mr.Ronald Gentsch กรรมการผู้จัดการโรงงาน BMW Manufacturing Thailand ที่ขึ้นตรงต่อสำนักงานใหญ่ที่เยอรมนี ซึ่งสนับสนุนเงินทุนและเทคโนโลยี พัฒนาบุคลากร และเครือข่ายผู้ผลิตชิ้นส่วน
ตั้งแต่ปี 2543 โรงงาน BMW แห่งนี้ลงทุน 1,800 ล้านบาท (35 ล้านยูโร) เพื่อยุทธศาสตร์ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต CKD Plant แห่งแรกในเอเชียและส่งออกตลาดอาเซียน (ASEAN Region) ที่มีนโยบายเปิดเขตการค้าเสรี AFTA โดยสามารถเชื่อมโยงกับเครือ ข่ายโรงงาน BMW แถบเอเชีย เช่น อินเดีย จีน อินโดนีเซียและมาเลเซีย และโรงงาน BMW ทั่วโลกใน 13 ประเทศ
สิบปีที่ผ่านมากับรถ BMW ที่ผลิตกว่าสองหมื่นกว่าคัน จุดเด่นที่เป็น Benchmark ของโรงงาน BMW ประเทศไทยแห่งนี้ อยู่ที่กระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูงมาก (Efficient flexible small-production) เพราะสามารถผลิตรถ BMW 4 รุ่นพร้อมๆ กันในสายการผลิตเดียวกัน (One Assembly Plant) ไม่ว่าจะเป็นรถ BMW ซีรีส์ 3 ซีรีส์ 5 ซีรีส์ 7 และ X3 ซึ่งแต่ละซีรีส์ยังแตกไลน์เป็นรุ่นย่อยๆ ถึง 19 รุ่นและเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันถึง 12 แบบกับสีตัวรถถึง 10 สีให้เลือก รวมทั้งยังตกแต่งภายในด้วยเฉดสีเบาะและบุภายในรถให้เลือกได้ถึง 4 สี เช่น น้ำตาล เบจ เทา และดำที่ตอบสนองความต้องการหลากหลาย
ลองดูรายละเอียดของเทคโนโลยีและระบบขับเคลื่อน อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกและภายในและระบบความปลอดภัยของรถหรูซีรีส์ 7 รุ่นใหม่ทั้งเครื่องเบนซินและดีเซลรุ่น 740 Li และ 730 Ld ที่ประกอบจากที่นี่
สำหรับรถหรู BMW 740 Li คันที่ขับไปราคาคันละ 9 ล้าน บาท เครื่องยนต์แถวเรียงหกสูบ 24 วาล์ว ขนาด 2,979 ซีซี. มีเทอร์โบ 2 ตัว เวลากดคันเร่งแรงม้ามีกำลังสูงสุด 326/5,800 รอบ วิ่งได้เร็วสูงสุด 250 กม./ชั่วโมง ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเครื่องยนต์และขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ โดยซดน้ำมันเบนซิน 10 กม./ลิตร ขณะที่อุปกรณ์ตกแต่งภายนอกที่โดดเด่นคือระบบบังคับเลี้ยวล้อทั้งสี่ที่เป็นนวัตกรรมที่ช่วยวงเลี้ยวแคบ และหมุนพวงมาลัยน้อย และมีระบบขับขี่แบบ DDC dynamic driving control 4 แบบ ไฟหน้าแบบ Bi-Xenon มีระบบเซนเซอร์ ระยะจอดรถหน้าหลังผ่านมอนิเตอร์ ระบบ BMW Night Vision ช่วยจับภาพคนและวัตถุข้างหน้าได้ มีเซนเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝนและแสงสว่างขณะขับ มีระบบปิดประตูได้นุ่มนวลอัตโนมัติ
ส่วนอุปกรณ์ตกแต่งภายในก็หรูเลิศและส่วนตัวมากๆ แต่ละที่นั่งสามารถตั้งแอร์และปรับเอนที่นั่งได้ตามความพอใจ มีระบบฮาร์ดดิสก์ 80 GB และมีจอดูหนังฟังเพลงเฉพาะตัว โดยมีระบบเสียงแบบ Home Theatre ที่ออกจากลำโพง 16 ตัวขนาด 600 วัตต์ ส่วนอื่นก็เชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย ระบบแผนที่นำทาง ซึ่งฉายบนหน้าจอมอนิเตอร์ด้านหน้า ตรงหน้ากระจกของคนขับก็จะเห็นข้อมูลเพื่อการขับขี่ ยางรถยนต์เป็น runflat ที่แม้ยางแตก ก็ยังวิ่งได้อีก 150-200 กม. ทำให้ไม่จำเป็นต้องมียางอะไหล่ให้เกะกะ ทั้งนี้ BMW เน้นระบบ top class safety
สำหรับ BMW 730 Ld คันละ 7.6 ล้านบาท เครื่องยนต์ดีเซลหกสูบเป็นเทอร์โบแปรผัน ขนาด 2,993 ซีซี. เวลากดคันเร่ง ม้าทั้งฝูง 218 แรงม้าออกมาทำให้วิ่งได้เร็วถึง 233 กม./ชม. เวลาออกตัวดีมากและกินน้ำมันน้อยเพียง 13.7 ลิตร/กม. เพราะน้ำมันถูกฉีดละเอียดและกระจาย ทำให้การเผาไหม้หมดจด
ภายในพื้นที่โรงงาน 75,000 ตร.ม. ออกแบบรองรับการใช้งานตามกระบวนการผลิตที่บริหารแบบ VPS (Value-oriented Production System) กับเทคโนโลยีขั้นสูง Efficiential Dynamics ที่มืออาชีพอย่าง Mr.Gentsch สามารถสอนคนของเขาให้มีความเข้าใจคอนเซ็ปต์ทำงานและมีทักษะประสบการณ์ระดับสูงในเรื่องนี้
"คนของเราคนหนึ่งที่นี่มีทักษะทำงานหลากหลายได้เทียบเท่ากับคน 7 คนที่โรงงาน เยอรมนีและเรามีผู้หญิงทำงานที่นี่ในสัดส่วน 20% เพราะเธอสามารถทำงานละเอียดและซับซ้อนได้ดีมาก ทำให้คุณภาพรถที่ผลิตจาก BMW ที่ระยอง สูงกว่าโรงงานแห่งอื่นๆ เพราะคนของเราใส่ใจและประณีตสำหรับรถระดับพรีเมียมนี้" Mr.Gentsch เล่าให้ฟังระหว่างนำชมโรงงานซึ่งปัจจุบันมีคนงานอยู่ 180 คน
พิมลซึ่งเป็นผู้จัดการสาวไทยในตำแหน่ง Logistic Director ผู้ควบคุมคลังสินค้าบนเนื้อที่ 7,200 ตารางเมตร เล่าให้ฟังว่าชิ้นส่วนนับหมื่นชิ้นที่นำมาประกอบรถยนต์ BMW จะนำเข้าจากเยอรมนี 60% และของไทย 40% ตามข้อกำหนด ทุกชิ้นจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด มีระบบการจัดวาง ส่งชิ้นส่วนรถยนต์เข้าสู่ไลน์การผลิต จนถึงการจัดส่งรถ BMW จากโรงงานสู่ดีลเลอร์ทั่วประเทศ รวมถึงงานคัดแยกขยะลังไม้และกล่องที่แต่ละเดือนจะมีจำนวน 20-30 ตัน
เมื่อเดินมาถึงสายงานประกอบรถ BMW ซึ่งมี มร.คอร์ ผู้บริหารชาวดัตช์ที่พูดไทยได้ดี เขาได้เล่าให้ฟังถึงสายงานหลักๆ คือสายงานประกอบภายใน เช่น เบาะ คอนโซล สายงานประกอบ ภายนอกใต้ท้องรถที่ต้องยกรถลอยด้วยอุปกรณ์สมัยใหม่เพื่อใส่สายไฟ ท่อไอเสีย หม้อน้ำ และสายงานเติมน้ำยาแอร์ น้ำมันเบรก ต่อจากนั้นก็นำมาประกอบประตู (Door Assembly) หลังจากนั้น รถที่ประกอบเป็นคันแล้วจะถูกลำเลียงตามรางเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญที่เรียกว่า "Marriage" โดยนำระบบขับเคลื่อนช่วงล่างเช่น ระบบเกียร์และชุดเพลามาประกอบเข้ากับตัวถังรถที่ประกอบสำเร็จแล้ว และท้ายสุดคือการประกอบล้อ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่รถคันนั้นยืนอยู่บนล้อตัวเอง ซึ่งต้องผ่านระบบการทดสอบครั้งใหญ่อีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนทำสีรถ BMW ในห้องอบสีและจุดสุดท้ายที่ต้องผ่านคือหน่วยควบคุมวิเคราะห์คุณภาพรถ BMW ทุกคันโดย Total Quality Management & Planning ที่มีมร.มาร์คุสเป็นผู้อำนวยการที่มีหน้าที่บันทึกการตรวจสอบคุณภาพ และค้นหาสาเหตุของความผิดพลาดให้เจอและป้องกัน
"สำหรับรถ BMW ซีรีส์ 7 จะต้องใช้เวลา 3 วันต่อคันเพื่อประกอบอย่างประณีตพิถีพิถันมาก พอเสร็จแล้วจะต้องผ่านระบบการทดสอบทุกระบบอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วยมาตรฐานระดับ โลก ก่อนจะติดโลโก BMW เราถือว่าการประกอบรถยนต์ BMW ซีรีส์ 7 รุ่นใหม่นี้เป็นก้าวสำคัญที่เป็น milestone และ real challenge ของโรงงานแห่งนี้ เพราะทุกขั้นตอนต้องอาศัยทักษะประสบการณ์ที่ High Sophistiscated มากๆ" กรรมการผู้จัดการมืออาชีพอย่าง Mr.Gentsch เอ่ยอย่างภูมิใจ ดุจแสงวาววับจับใจที่เปล่งประกายออกมาจากรถ BMW คันใหม่เอี่ยมที่ออกมา จากโรงงานแห่งนี้
"With premium people, premium car and premium quality for our premium customers"
ปัจจุบัน BMW Manufacturing Thailand ผลิตรถ BMW ซีรีส์ 7 ไปแล้ว 2,015 คัน ขณะที่ซีรีส์ 5 ผลิตไปแล้วจำนวน 4,761 คัน ส่วนซีรีส์ 3 จำนวน 13,559 คัน และ BMW โมเดล X 3 จำนวน 1,067 คัน โดยตลาดส่งออกหลักอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย
จึงเป็นที่น่าจับตาว่า แนวโน้มในอนาคตของการเป็น ASEAN Production Hub ที่มีฐานโรงงาน BMW ในประเทศไทย จะสามารถก้าวไปสู่เป้าหมายตามที่บริษัทแม่คาดหวังได้อย่างไร? ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจและพลังงานที่เปลี่ยนไป!!
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|