|
แบล็คแคนยอนขยายกลุ่มเด็กงัดโมเดลครีเอทีฟอีโคโนมีรุก
ASTVผู้จัดการรายวัน(4 พฤศจิกายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
แบล็คแคนยอนชูครีเอทีฟอีโคโนมีรุกธุรกิจ พร้อมชูไทน์อินสาขาปายหนาวกับหนังปายอินเลิฟ หวังขยายกลุ่มเด็ก17-18 ปี เร่งเครื่องดันยอดขายโตตามเป้าหมาย หลัง 9 เดือนแรกยังต่ำเป้า เตรียมเผยโฉมสาขาโมเดลใหม่ที่โคราชกลางธ.ค.นี้
นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเติบโตโดยรวมที่ 10% แต่ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ปรากฏว่ายอดขายมีอัตราเติบโตเพียง 5% เท่านั้นต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งบริษัทฯจะต้องทำตลาดเต็มที่เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตตามเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ในสิ้นปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากว่า ช่วงไตรมาสสุดท้ายถือเป็นหน้าขายของธุรกิจ โดยมีสัดส่วนยอดขายมากกว่า 35% มาจากไตรมาสสุดท้ายนี้ จึงยังมีโอกาสในการขายอีก
โดยยอดขายของบริษัทฯปีที่แล้วมีประมาณ 600 ล้านบาท ส่วนยอดขายรวมของแฟรนไชส์มีประมาณ 500 ล้านบาท เมื่อรวมทั้งหมดแล้วจะมียอดขายประมาณ 1,100 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯมีแผนที่จะนำแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Economy มาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาธุรกิจด้วย โดยแนวคิดนี้ได้นำมาผนวกใช้กับสาขาในรูปแบบใหม่ที่เปิดไปแล้วเมือ่ปีที่แล้วชื่อ “ปายหนาว บาย แบล็คแคนยอน” ที่ถนนชัยสงคราม อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และมีแผนที่จะเปิดสาขารูปแบบตามพื้นที่ท้องถิ่นที่ลงทุน อีกที่ โคราชในโครงการพาลิโอ แต่ยังไม่ได้ตั้งชื่อสาขาใหม่นี้ คาดว่าจะลงทุนประมาณ 3 ล้านบาทเปิดบริการกลางเดือนธันวาคมปีนี้
สำหรับร้านปายหนาวบายแบล็คแคนยอนนี้ตกแต่งและตั้งชื่อให้เข้ากับท้องถิ่นที่มีอากาศหนาวและเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ โครงสร้างของร้านเป็นไม้ที่มีอายุกว่า 80 ปี นำศิลปะของท้องถิ่นมาตกแต่ง ล่าสุดบริษัทฯได้นำกลยุทธ์การไทน์อินกับภาพยนตร์เรื่อง “ปาย อิน เลิฟ” ที่จะฉายในเดือนธันวาคมนี้ กับสาขาดังกล่าวนี้ โดยมีเป้าหมายที่ต้องการจะสร้างแบรนด์และขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังเด็กและวัยรุ่นอายุ 17-21 ปีมากขึ้น จากเดิมที่กลุ่มเป้าหมายจะเป็นครอบครัวและ ผู้ใหญ่ และอายุ 22 ปีขึ้นไป ซึ้งจะมีกิจกรรมและสินค้าอื่นตามมาต่อเนื่องด้วยสำหรับการร่วมมือกับหนังเรื่องนี้
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายยังมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาเปิดบริการในไทยแล้ว 203 สาขา ทั้งของบริษัทฯเองและของแฟรนไชส์ด้วย ส่วนแผนปีหน้าวางงบประมาณลงทุนไว้ 30 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่อีกประมาณ 12 แห่งเป็นของบริษัทฯทั้งหมด เน้นทำเลสแตนด์อโลน ปั๊มน้ำมัน เมืองท่องเที่ยว และสถาบันการศึกษา เป็นหลัก เนื่องจากว่าศูนย์การค้าใหม่เปิดตัวน้อยลง และตั้งเป้าหมายปีหน้ามียอดขายเติบโต 12%
ส่วนในตลาดต่างประเทศนั้น เปิดร้านแฟรนไชส์ไปแล้วรวม 34 สาขาใน 6 ประเทศคือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ พม่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกัมพูชา แต่จะมุ่งเน้นที่ 2 ประเทศแรกเป็นหลัก ส่วนที่อินเดียนั้นเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วแตยังไม่ได้เปิดสาขาเนื่องจากติดปัญหาบางประการ ส่วนที่จีนได้มีการเจรจากันบ้างแล้วแต่ยังไม่ได้สรุปผล นายประวิทย์กล่าวด้วยว่า ช่วงเทศกาลสิ้นปีนี้ บริษัทฯได้ร่วมมือกับทางค่ายเบียร์ไฮเนเก้นจัดทำลานเบียร์สด โดยที่บริษัทฯเปิดบริการ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|