อำพลฟูดส์ปรับทิศโฟกัสเครื่องดื่ม


ASTVผู้จัดการรายวัน(26 ตุลาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

อำพลฟูดส์ ทุ่ม 40 ล้านบาท เร่งโฟกัสกลุ่มเครื่องดื่มธัญพืช รับกระแสสุขภาพบูม ปัดฝุ่นฟิท-ซี ลุยตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ เท 20 ล้าน แตกโปรดักส์ไลน์กะทิอบควันเทียน เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมทำขนม หวัง 5 ปี รายได้ 4,000 ล้านบาท กลุ่มเครื่องดื่มมีรายได้ 50% เครื่องครัว 50%

นายกฤษฎา โสภา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อำพลฟูดส์ โพรเซสซิ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกะทิชาวเกาะ และเครื่องดื่มธัญพืชวีฟิท เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทในช่วง 5 ปีนี้ มุ่งทำตลาดกลุ่มเครื่องดื่มในเชิงรุกมากขึ้น โดยต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 15% เป็น 50% จากปัจจุบันมีเครื่องดื่มธัญพืชน้ำข้าวกล้องวี-ฟิท น้ำลูกเดือยโปร-ฟิท และเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ฟิท-ซี ส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้หลักมาจากกลุ่มเครื่องครัวกะทิชาวเกาะ มีสัดส่วนรายได้ 80% และอีก 5% เป็นเครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพกู๊ดไลฟ์

สำหรับกลยุทธ์กลุ่มเครื่องดื่มจากนี้ บริษัทเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ เพื่อขยายความถี่ในการดื่ม ล่าสุดได้รีลอนช์ ฟิท-ซี ใหม่ เพื่อรองรับกับตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ที่กำลังมาแรง ส่วนกลุ่มวี-ฟิท น้ำข้าวกล้อง และโปร-ฟิท น้ำลูกเดือย บริษัทจะเปิดตัวรสชาติใหม่ เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับผู้บริโภค โดยปีนี้ใช้งบการตลาด 40 ล้านบาท

ขณะที่ช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด 70% และอีก 30% เป็นเทรดิชันนัลเทรด จากปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มธัญพืชมูลค่า 300-400 ล้านบาท

“พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีการศึกษาดีขึ้นและสภาวะแวดล้อมที่มีมลพิษ ทำให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ดังนั้นการดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม ต้องปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของผู้บริโภค”

ส่วนกลุ่มเครื่องครัว บริษัทได้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท แตกโปรดักส์ไลน์กะทิชาวเกาะสำเร็จรูปใหม่ โดยเป็นกะทิอบควันเทียน เจาะกลุ่มอุตสาหกรรมสำหรับใช้กะทิสำเร็จรูปผลิตขนม จากปัจจุบันกะทิสำเร็จรูปดั้งเดิม เจาะอุตสาหกรรมประกอบอาหาร ซึ่งด้านการจัดจำหน่ายผ่านเทรดิชันนัลเทรด 70% และอีก 30% เป็นโมเดิร์นเทรด นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพกู๊ดไลฟ์ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใส่ใจสุขภาพ

สำหรับตลาดกะทิสำเร็จรูปมูลค่า 4,000 ล้านบาท เติบโต 20-30% โดยปัจจุบันกะทิชาวเกาะเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 75% ที่เหลืออีก 20% เป็นกะทิอร่อยดี และอีก 5% เป็นอื่นๆ อย่างไรก็ตามการเปิดตัวกะทิอบควันเทียน เพื่อสร้างตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคในรูปแบบการใช้สินค้าตามการใช้งานมากยิ่งขึ้น

นายกฤษฎา กล่าวว่า บริษัทยังมุ่งเน้นตลาดส่งออกในเชิงรุกมากขึ้น โดยล่าสุดได้จัดตั้งทีมขายให้ครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก เนื่องจากบริษัทวางเป้าหมายสัดส่วนจาก 20% เป็น 50% ส่วนภายในประเทศจาก 80% เหลือเป็น 50% และจากนโยบายในเชิงรุก 5 ปี บริษัทตั้งเป้าผลประกอบการ 4,000 ล้านบาท จากปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้ 1,600 ล้านบาท เติบโต 30%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.