|
บ้านประหยัดพลังงานคุณภาพชีวิตเลือกได้
โดย
นภาพร ไชยขันแก้ว
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( ตุลาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
หากต้องปลูกบ้านสักหลังด้วยค่าใช้จ่ายเท่ากัน โดยมีทางเลือก 2 ทาง ทางแรก บ้านที่ใช้วัสดุก่อสร้างแบบเดิมๆ ส่วนทางเลือกที่สอง บ้านที่ใช้วัสดุก่อสร้างประหยัดพลังงานช่วยลดค่าใช้จ่าย ค่าน้ำประปา ค่าไฟ และลดต้นทุนบำรุงรักษาต่ำลง ทางไหนดีกว่า?
บ้านประหยัดพลังงานกำลังถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากกระแสภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นทั่วโลก กลายเป็นปัญหาที่สังคมยังคงเป็นห่วง เพราะหมายถึงมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบโดยตรง
สมรัก พิศาลบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัทอีโค่เฮาส์บิลเดอร์ จำกัด เริ่มเห็นว่าภาวะกระแสโลกร้อนทำให้ผู้บริโภคมีความตื่นตัวสร้างบ้านประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้น เพราะคนรับรู้ข่าวสารข้อมูลหลากหลาย ทว่าบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านในปัจจุบันมีจำนวนน้อยมาก เขาจึงมีแนวคิดทำธุรกิจบ้านประหยัดพลังงาน และเริ่มจัดตั้งบริษัทเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
แนวคิดของบ้านประหยัดพลังงานจะเน้นการเลือกใช้วัสดุหลักๆ ของบ้าน เช่น หลังคา ผนังบ้าน พื้นบ้าน กำแพง เพราะวัสดุเหล่านี้ได้พัฒนาให้ใช้งานเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อน โดยเฉพาะประเทศไทยมีสภาพภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร
หลักการสร้างบ้านของสมรักเกิดจากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจก่อสร้างมา 20 ปี เริ่มบริหารงานภายใต้บริษัทที่ปรึกษา และวิศวกรรมสมรักพิศาลบุตร จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารสูง สำนักงานและคอนโดมิเนียม ล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่าหลายร้อยล้านบาท
สมรักเริ่มสนใจสร้างอาคารประหยัดพลังงานเมื่อปี 2549 หลังจากที่ได้ร่วมงานกับบริษัท I.D.T.S จากประเทศฝรั่งเศส ออกแบบก่อสร้างอาคาร Le Monaco เป็นอาคารประหยัดพลังงาน
แรงบันดาลใจและประสบการณ์ทำให้สมรักสร้างบ้านประหยัดพลังงานขึ้นมาจริงๆ ในซอยชินเขต 1 งามวงศ์วาน เขาและครอบครัวอาศัยอยู่ในปัจจุบัน หลังจากที่สร้างแล้วเสร็จเมื่อ 3-4 เดือนผ่านมา และบ้านประหยัดพลังงานที่เขาสร้างขึ้นมาอยู่ห่างจากบ้านเดิมที่อาศัยอยู่มานานหลายสิบปีออกไปอีก 2 หลัง
บ้านต้นแบบบ้านประหยัดพลังงานที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการให้ลูกค้ามาเยี่ยมชมและสัมผัสของจริง ทำให้สามารถอธิบายให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน
บ้านของสมรักเป็นบ้านกล่องสี่เหลี่ยม 3 ชั้น หลังคาหน้าจั่ว บนพื้นที่ 100 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอย 500 ตารางเมตร โดยมีสันติ พิศาลบุตร สถาปนิก น้องชายของสมรักเป็นผู้ออกแบบและสมรัก ดูแลการก่อสร้างด้วยตัวเอง
เริ่มจากการออกแบบบ้าน หน้าบ้าน จะหันไปทางทิศเหนือ บริเวณรอบบ้านจะเน้นออกแบบประตู หน้าต่างกว้างเพื่อรับอากาศให้ถ่ายเทตลอดเวลา เพราะการสร้างบ้านต้องคำนึงทิศทางลม และแดด ส่วนพื้นที่รับแสงแดดมากที่สุดจะเลือกไว้เป็นห้องเก็บของ
ผนังบ้านจะก่อด้วยอิฐมอญ 2 ชั้น เหมาะแก่การติดภาพหรือสิ่งของบนฝาผนัง ส่วนพื้นบ้านส่วนใหญ่จะปูด้วยไม้ที่เรียกว่า engineer floor เป็นไม้ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ที่มีส่วนผสมของไม้แตกต่างกัน ไม้ชั้นบนจะเป็นแผ่นหนาประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ด้านล่างเป็นไม้ชิ้น ที่วางสลับกันเพื่อไม่ให้ไม้เกิดการหดยืดตัว
ส่วนกระจกเลือกติดตั้งกระจกลามิเนตสีเขียว เพื่อช่วยป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตและตัดแสง ซึ่งกระจกลามิเนตเกิดจากการนำกระจกธรรมดาหรือกระจกนิรภัยตั้งแต่สองแผ่นขึ้นไปประกบด้วยฟิล์ม มีทั้งกระจกสีและกระจกใส
สมรักยอมรับว่าการเลือกใช้กระจกลามิเนตจะมีต้นทุนแพงกว่ากระจกธรรมดา แต่ในระยะยาวจะลดต้นทุนประหยัดค่าไฟฟ้า เพราะช่วยป้องกันแสงเข้ามาภายในบ้าน และบริเวณชั้น 1 ก่อสร้างสระน้ำขนาดเล็ก เมื่อลมพัดผ่านจะมีความเย็นเข้าไปในบ้าน
หลังคาสร้าง 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นหลังคาดาดฟ้า ปูด้วยซีเมนต์ และหลังคาชั้นบนสุดสร้างด้วย Metal Sheet สีขาวเป็นวัสดุที่ทำจากแผ่นเหล็ก มีรูปแบบเป็นหน้าจั่ว ทำให้ใต้หลังคามีลมพัดผ่านเข้าออกตลอดเวลา หลังคาจึงไม่เก็บความร้อนเหมือนบ้านในปัจจุบัน ที่ติดตั้งหลังคาแบบปิดกลายเป็นที่เก็บความร้อน
สีทาบ้านจะเลือกใช้สีเซรามิก (Ceramic Coating) สามารถสะท้อนความร้อนได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์และเลือกทาบ้านสีขาวช่วยป้องกันยุง เพราะโดยธรรมชาติของยุงไม่ชอบสีขาว
การเลือกใช้วัสดุที่ป้องกันแสงแดดเพื่อควบคุมความร้อนภายในบ้าน จะช่วยให้ใช้แอร์ขนาดเล็กลง
ส่วนคนที่อาศัยภายในบ้านมีหลากหลายอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ สมรักจึงเลือกชั้นหนึ่งให้เป็นห้องนอนของผู้สูงอายุและทำทางลาดสำหรับรถเข็น
"ผู้สร้างบางคนกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านประหยัดพลังงานว่าจะแพงกว่าบ้านในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกัน บ้านหลังที่สร้างและอยู่ในปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายประมาณตารางเมตรละ 10,000 บาท มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 500 ตารางเมตร"
สำหรับบ้านที่อยู่ในปัจจุบันไม่ได้เป็นที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ได้ตั้งเป็นสำนักงานขนาดเล็กที่สมรักจะดูแลเป็นหลัก ส่วนปัจจุบันมีพนักงาน 10 คน คือ วิศวกร สถาปนิก โฟร์แมน เป็นทีมงานที่ทำงานร่วมกันในการก่อสร้างอาคารสูงอยู่ในปัจจุบัน จุดเด่นของบริษัทอีโค่ เฮาส์บิลเดอร์ จำกัด จึงเป็นการนำประสบการณ์ การสร้างอาคารสูงมาปรับใช้กับบ้านประหยัดพลังงาน
ส่วนวิธีการทำงานของบริษัท พนักงานทำงานประจำอยู่ที่บ้านและเรียกมาประชุมเป็นครั้งคราว
การทำตลาดบริษัทยังไม่ได้เริ่มอย่างจริงจังในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่มีเป้าหมายที่จะสร้างบ้านในช่วงแรกให้มีจำนวน 5 หลังเพื่อใช้เป็นตัวอย่างให้กับลูกค้าและปัจจุบันกำลังอยู่ระหว่างการออกแบบและก่อสร้างให้กับลูกค้า 2 ราย ซึ่งเป็นลูกค้าที่รู้จักกันอยู่แล้วและใช้วิธีการสื่อสารกับลูกค้าผ่านเว็บไซต์ www.ecohousebuilder.co.th
สมรักเชื่อว่าบ้านประหยัดพลังงานกำลังเป็นแนวโน้มการสร้างบ้านในอนาคตอันใกล้นี้ และมีตลาดเพียงพอ เพราะปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านในแต่ละปีมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภาคการก่อสร้าง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|