|
โมโตโรล่า คัมแบ็ก ถึงเวลากู้ศรัทธาแบรนด์
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(28 กันยายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
"เจมาร์ท" ขอเป็นป๋าดันแบรนด์ "โมโตโรล่า" หวนคืนวงการมือถือไทยอีกครั้ง ส่งไฟติ้งโมเดล สเปกสูงราคาถูก เรียกความเชื่อมั่น ตั้งเป้าสิ้นปีขอแชร์ยอดขายต่อเดือน 5%
ห่างหายจากตลาดมือถือไทยไปนานเกือบปีสำหรับ "โมโตโรล่า" แบรนด์มือถือสัญชาติอเมริกันที่ขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมใหม่ๆ บนมือถือ รวมถึงความทนทาน
การกลับมาครั้งนี้ของโมโตโรล่ามีรูปแบบการทำตลาดแตกต่างไป จากเดิมที่เคยมีกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในโมโตโรล่า ประเทศไทย คอยสนับสนุนกิจกรรมการตลาด แต่มาวันนี้ กิจกรรมต่างๆ ของโมโตโรล่าจะมาจากทีมการตลาดของโมโตโรล่าที่สิงคโปร์แทน
"โมโตโรล่ายังคงดำเนินงานในประเทศไทยตลอดเวลาที่ผ่านมา กิจกรรมการตลาดที่เงียบไปเป็นเพราะการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และจำนวนบุคลากรในส่วนนี้ที่สำนักงานในประเทศไทยช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะนี้โมโตโรล่าพร้อมกลับเข้ามาบุกตลาดอีกครั้ง" โรเบิร์ต แวน ทิลเบอร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฝ่ายอุปกรณ์มือถือ โมโตโรล่า สิงคโปร์ กล่าว
สาเหตุที่ "โมโตโรล่า" กลับเข้ามาทำตลาดมือถืออีกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความพอใจในแบรนด์โมโตโรล่าในเมืองไทยยังมีอยู่ โดยเฉพาะความพอใจในเรื่องคุณภาพ การออกแบบและการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีอย่างต่อเนื่อง อีกสาเหตุหนึ่ง เป็นเรื่องของขนาดตลาดของประเทศไทยที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่ เมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย
การคัมแบ็กในครั้งนี้ของโมโตโรล่า ได้ตัดสินใจเลือกบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) ตัวแทนจำหน่ายคู่ทุกข์คู่ยากของโมโตโรล่ามานานนับสิบปี เป็นตัวแทนจำหน่ายหลัก
อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเป็นคู่ค้าของโมโตโรล่ามานับสิบปี แม้หลังปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจนี้ของโมโตโรล่า เจมาร์ท ก็ยังให้ความสำคัญและจัดสรรพื้นที่วางสินค้าให้กับมือถือแบรนด์นี้มาโดยตลอด
"ที่ผ่านมา มีเพียงแต่เจมาร์ทที่ยังคงขายมือถือโมโตโรล่าอย่างต่อเนื่อง นั่นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เมื่อโมโตโรล่าจะกลับมาทำตลาดอีกครั้งแล้วจะไม่เลือกเรา"
ส่วนรูปแบบการผลักดันตลาดมือถือที่ทางเจมาร์ทวางไว้นั้น อดิศักดิ์ เล่าให้ฟังว่า แนวทางการทำตลาดมีให้เลือก 2 วิธี วิธีแรก การทำตลาดแบบ Above the Line ใช้กิจกรรมการตลาดเต็มรูปแบบ ซึ่งวิธีนี้จะต้องใช้งบการตลาดสูงเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาด กับวิธีที่ 2 ทำการตลาดแบบ Below the Line ใช้งบการตลาดไม่สูงแต่สามารถเข้าถึงตลาดได้เร็ว ซึ่งผมเลือกวิธีที่ 2 โดยจะใช้การทำราคาอัดลงไปในตลาดเลยเพื่อให้มียอดขายกลับมา
"ต้องทำยอดขายให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาดูเรื่องภาพลักษณ์ของแบรนด์ ถ้าภาพลักษณ์ดีแต่ ยอดขายน้อยก็ไม่มีประโยชน์"
กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า แนวทางการทำตลาดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในแบรนด์โมโตโรล่าให้กลับมาโดยเร็วนั้น ในช่วงนี้บริษัทจะเน้นการใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อเรียกความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายในช่องทางต่างๆ ก่อน
เจมาร์ทได้นำเข้ามือถือรุ่นที่เป็นไฟติ้งโมเดลเข้ามา 2-3 รุ่น มาจำหน่ายในราคาต่ำมากเป็นพิเศษเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้า เช่น รุ่นแซดเอ็น5 จะเป็นรุ่นที่มีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล จำหน่ายในราคาแค่ 5,990 บาท จากปรกติราคาเฉลี่ยของมือถือที่มีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลในตลาดอยู่ที่ 9,000-10,000 บาท รวมทั้งรุ่นอีเอ็ม30 โทรศัพท์ที่มีฟังก์ชั่นของการฟังเพลงครบถ้วน ตั้งราคาเพียง 2,990 บาท จากราคาปรกติอยู่ที่ 7,900 บาท เป็นต้น
"โจทย์แรกคือทำอย่างไรให้ผู้บริโภคหันกลับมามองโมโตโรล่าอีกครั้ง การใช้ราคาเป็นตัวนำเป็นวิธีการที่จะดันให้แบรนด์นี้กลับมาอยู่ในตลาด"
หลังจากนั้น ทางเจมาร์ทก็จะปูพรมผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ของโมโตโรล่าเข้ามาทำตลาด โดยเฉพาะเครื่องระดับไฮเอนด์ที่เป็นตลาดหลักที่เจมาร์ทเน้นเป็นพิเศษ ดูได้จากการนำโมโตโรล่า ออร่า เป็นรุ่นลิมิเต็ด ราคา 69,900 บาท ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานสร้างสรรค์นาฬิกาสุดหรู หน้าจอคริสตัลเหลว ที่ครอบไว้ด้วยแซฟไฟร์คริสตัลเลนส์ 62 กะรัต หรือโมโต เซิร์ฟ เอ3100 เป็นสมาร์ทโฟน 3จี เป็นทัชโฟนที่เอาใจคนรุ่นใหม่ในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก อัปเดตเฟซบุ๊กได้ทันทีผ่านมือถือ
"ในปีนี้ จะมีโมโตโรล่ารุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดไทยมากกว่า 10 รุ่น โดยอีก 4-5 รุ่นจะทยอยเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าเมื่อผนวกกับแนวทางการตลาดที่วางไว้ จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งยอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในแต่ละเดือนอยู่ที่ 5% จากเดิมมียอดขายอยู่ที่ 2-3% ได้ภายในสิ้นปี"
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|