CIมั่นใจยอดรับรู้เติบโต5-10% เล็งซื้อที่ดินผุดโครงการต้นปี53


ASTVผู้จัดการรายวัน(28 กันยายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ชาญอิสสระฯเชื่อสิ้นปีอสังหาฯปรับตัวดีตามเศรษฐกิจ แต่ยังไม่วางใจจับตาสถานการณ์ใกล้ชิด ไตรมาส 1 ปีหน้าเตรียมซื้อที่ดินผุดโครงการใหม่ คาดปี 52 ยอดรับรู้รายได้เพิ่ม 5-10% จากสต๊อกบ้าน 4 โครงการ โอดกองทุนโรงแรมทำยาก คาดปีหน้าแล้วเสร็จพร้อมเสนอขายในตลาด

นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI กล่าวว่า ผลกระทบจากวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจโลกค่อนข้างมีผลมากกับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ ของบริษัท แม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่บริษัทยังต้องจับตาดูทิศทางตลาดและกลุ่มนักลงทุนรวมถึงดีมานด์ในตลาดว่ากลุ่มใดจะมีทิศทางการฟื้นตัวมากที่สุด เพื่อเป็นตัวกำหนดการพัฒนาสินค้าว่าจะเน้นตลาดและลูกค้ากลุ่มใดก่อน คาดว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ หากไม่มีเหตุการณ์ด้านการเมืองเข้ามาจะทำให้เศรษฐกิจและตลาดฟื้นตัวเร็วขึ้น หากสถานการณ์ต่างๆ เป็นไปตามที่คาดการไว้ใน ช่วงต้นปีหน้า บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีกหนึ่งโครงการเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เริ่มฟื้นกลับมา

ส่วนแผนการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ตลาด และอยู่ระหว่างการจัดทำกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (ฟันด์ดิ้ง)โดยจะนำโรงแรมในเครือบริษัทมาจัดตั้ง และเสนอต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์(กลต.) พิจารณา ซึ่งคาดว่าการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จและพร้อมที่จะนำออกเสนอขายได้ในช่วงต้นปี 53

“การตั้งกองทุนโรงแรมนั้นมีความซับซ้อน และยุ่งยากมากกว่าการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เนื่องจากจากต้องพิจารณาเรื่องภาวะ และตลาดท่องเที่ยวด้วย ซึ่งในช่วงเดือน สิงหาคม ที่ผ่านมา ตลาดท่องเที่ยวในภูเก็ตเริ่มกระเตื้อง และฟื้นตัวกลับมาบ้างแล้วในบางส่วน โดยมีชาวต่างชาติทยอยกลับมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในเดือน ก.ย.นี้ มีนักท่องเที่ยวคึกคักมากขึ้นและคาดว่าในช่วงต้นปีหน้าจะคึกคักมากกว่าขณะนี้” นายสงกรานต์กล่าว

สำหรับในช่วง 3 เดือนจากนี้ บริษัทยังเร่งงานด้านการก่อสร้างโครงการต่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถมอบโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าให้ได้ตามกำหนด โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Back-log) จาก 4 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมอยู่ 2 โครงการ คือ โครงการดิอิสสระคอนโดมิเนียมบริเวณถนนลาดพร้าวมูลค่า 2,700 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว60% หรือมียอดขายแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้จากยอดขายในปีนี้ประมาณ 500-600 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถปิดการขายโครงการได้ในช่วงปลายปี 53

ส่วนโครงการ อิสสระ@42 สุขุมวิท ซึ่งเป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมโอน ยังเหลือพื้นที่ขายอีกเพียง 10 ยูนิต ราคา 7-8 ล้านบาทบริเวณถนนสุขุมวิทซอย 42 มูลค่า 460 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถปิดการขายและรับรู้รายได้ทั้งหมดในสิ้นปีนี้ สำหรับโครงการรีสอร์ต 2 โครงการได้แก่โครงการบ้านชานทะเล ชะอำ คอนโดตากอากาศแบบโรว์ไรส์ สูง 4 ชั้น 7 อาคาร ราคาเริ่มต้นที่ 2-17 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่ 50-270 ตร.ม. จำนวน 114 ยูนิต มูลค่า 1,400 ล้านบาทนั้นขณะนี้มียอดขายแล้ว 20% คาดว่าจะสามารถรับรูรายได้ในปี53 ส่วนโครงการศรีพันวา ภูเก็ต มูลค่า 2,700 ล้านบาท ที่มีจำนวนทั้งหมด 4 เฟส ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งงานก่อสร้างในเฟสที่ 4 โดยในส่วนของธุรกิจโรงแรมนั้นขณะนี้สามารถดำเนินการได้ทั้ง100% แล้ว

“CI ประมาณการว่าในปีนี้จะสามารถทำยอดรับรู้รายได้เติบโตจากปีที่ผ่านมา5-10 % จากปีที่ผ่านมา จากการรับรู้รายได้ในโครงการที่ทยอยมอบอยู่ในปัจจุบันทั้ง4โครงการ”

สำหรับแผนการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ของบริษัทในย่านแนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์นั้น บริษัทยังต้องศึกษาตลาดและดูแนวโน้มความต้องการรวมถึงกลุ่มลูกค้าว่าจะพัฒนาสินค้ากลุ่มใดออกมาก่อน เนื่องจากมั่นใจว่าภายหลังการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายดังกล่าวในวันที่ 5 ธ.ค.52นี้ จะทำให้ศักยภาพของที่ดินในแนวรถไฟฟ้าดังกล่าวสูงขึ้น และจะมีดีมานด์ ส่วนหนึ่งที่รอหาซื้อที่อยู่อาศัยในแนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์อยู่แล้ว และหากเปิดดำเนินการจะทำให้ดีมานด์ขยายตัวขึ้นอีก โดยที่ดินแปลงดังกล่าวบริษัทมีแผนจะพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมประเภทโรว์ไรส์ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอยู่อาศัยในแนวรถไฟฟ้าเพื่อสะดวกในการเดินทางเข้าสู่แหล่งงาน แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสามารถพัฒนาโครงการในที่ดินแปลงดังกล่าวในช่วงใด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.