"บัวหลวง"รับสินเชื่อปีนี้พลาดเป้า


ASTVผู้จัดการรายวัน(29 กันยายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์กรุงเทพยืดอกรับสินเชื่อปีนี้ไม่เข้าเป้าจากที่ตั้งไว้ 5% คาดโตได้แค่ 3-4% เหตุลูกค้าส่งออกฟุบ เอกชนแตะเบรกขยายการลงทุน แต่ยังมีลุ้นโค้งสุดท้ายของปีหวังขอมีเอี่ยวปล่อยกู้ 3 ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์"ฟอร์ด-ซูซูกิ-จีเอ็ม"ที่จะย้ายฐานมาลงทุนไทย ด้านการขายสินเอเซียยังไม่คืบรอคลังชี้ขาด

นายเดชา ตุลานันท์ รองประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เปิดเผยถึงการขยายตัวสินเชื่อรวมของธนาคารทั้งปี 2552 ว่า ไม่น่าจะได้ตามเป้าหมายที่ธนาคารวางไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาที่ตั้งไว้ 5% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่มีการชะลอตัวลง ส่งผลให้นักลงทุนทั้งคนไทยและต่างประเทศยังไม่มีขยายการลงทุนออกไป จึงไม่มีการขอหรือเบิกจ่ายสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ แม้ว่าธนาคารจะมีความต้องการที่จะปล่อยสินเชื่อ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดการปล่อยสินเชื่อจะเติบโตได้ประมาณ 3-4% โดยได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรประเภท ข้าว น้ำตาล ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้ามาช่วยให้ยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารได้ในระดับดังกล่าว

“ต้องยอมรับว่าสินเชื่อรวของธนาคารปีนี้ทั้งปีพลาดเป้าหมายแน่นอน เพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ ลูกค้าที่ทำธุรกิจส่งออกก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งยอดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารจนถึงขณะนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในอัตราที่น้อยอยู่แต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรงจนน่ากลัวอะไร แต่เราหวังว่าสิ้นปีนี้ยอดสินเชื่อน่าจะโตได้ 3-4% และธนาคารก็จะไม่มีการปรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อปีนี้” นายเดชา กล่าว

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 2553 นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนและยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ในการกำหนดเป้าหมายของธนาคารนั้น จะต้องมีการวางแผนว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรในการทำธุรกิจ และมองถึงภาพรวมในอนาคตด้วย ซึ่งประเมินว่าอุตสาหกรรมการเกษตรที่เกี่ยวกับอาหารแปรรูป และอุตสาหกรรมรถยนต์ประเภทชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ น่าจะมีการเติบโตได้ดีในปีหน้า

สำหรับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ธนาคารมองว่ายังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากการฟื้นตัวในปัจจุบันไม่ได้เกิดจากภาคเอกชน แต่เกิดจากการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งเงินส่วนนี้ไม่สามารถคงทนได้ตลอด ดังนั้น จึงต้องติดตามสถานการณ์ภายหลังจากหากมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง แต่ขณะนี้มองว่ารัฐบาลไทยพยายามอย่างเต็มที่อยู่แล้วที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี สิ้นปีนี้ภาวะเศรษฐกิจน่าดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ขนาดใหญ่ เช่น บริษัทฟอร์ด ซูซูกิ และจีเอ็มมอเตอร์ ที่มีแผนจะย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยและมีมูลค่าโครงการดังกล่าวประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยในส่วนของธนาคารก็มีความพร้อมในการสนับสนุนสินเชื่อให้อยู่แล้ว และเชื่อว่าจะมีส่วนแบ่งในการปล่อยสินเชื่อด้วย ซึ่งการที่กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ทั้งสามมีแผนเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ไปร่วมประชุมจี 20 ซึ่งสามารถเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้

ย้ำขายACLรอคลังชี้ขาด

นายเดชายังกล่าวถึงกล่าวถึงกรณีที่ประธานธนาคารอินดัสเตรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า หรือ ICBC เข้ามาเจรจาการซื้อหุ้นธนาคารสินเอเซีย จำกัด (มหาชน) (ACL)กับกระทรวงการคลัง ว่าทราบข่าวมาพอสมควรถึงการเข้ามาเจรจาของ ICBC แต่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ โดยเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจการตัดสินใจของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยธนาคารกรุงเทพก็พร้อมที่จะทำตามนโยบายที่กระทรวงการคลังตัดสินใจ

“ได้ยินว่าเขามาแต่เรายังไม่ได้คุยอะไร เพราะอยู่ที่กระทรวงการคลังว่าจะเอาอย่างไร ถ้ากระทรวงการคลังโอเค เราก็โอเค แล้วเราจึงค่อยโอเวอร์ดีล ซึ่งเข้าใจว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เขาอยากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ต้องการ 75% แต่ผมยังไม่แน่ใจ ส่วนจะดีลเสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะธนาคารกรุงเทพก็เป็นช้างเท้าหลัง” นายเดชากล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.