|
เปิดแผน'เจริญ สิริวัฒนภักดี' เดินทางลัดก้าวสู่บังลังก์ผู้นำตลาด
ASTVผู้จัดการรายสัปดาห์(14 กันยายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
*จับตา'เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี' กับแผนเหนือเมฆ ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
*เมื่อแผนแรกร่วมทุนกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ และเทคโอเวอร์ ยูนิเวนเจอร์ไม่ทำให้เจริญก้าวถึงฝั่ง
*เสี่ยเจริญลุยต่อแผนใหม่ทันที ส่งตัวแทนเจรจาซื้อหุ้น SIRI กรุยทางสู่เบอร์ 1 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ความพยายามของเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าพ่อน้ำเมา ที่จะเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรืออย่างน้อยในช่วงแรกของการเข้ามาดำเนินธุรกิจ ภายใต้บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด จะต้องก้าวขึ้นติดอันดับท็อปไฟว์ คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ หาก เจริญ จะทำธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการลงทุนโครงการใหม่ และขายออกไปในรูปแบบปกติ เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดีเวลลอปเปอร์ที่มีผลประกอบการติดอันดับ 1 ใน 5 ล้วนมีความแข็งแกร่งทั้งด้านการเงิน การตลาด งานก่อสร้าง และมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ ทำให้ในช่วงเวลากว่า 10 ปีทีผ่านมา ไม่มีดีเวลลอปเปอร์รายใหม่เข้ามาแย่งยอดขายจนมีผลประกอบการติดอันต้น ๆ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
รวมถึง เจริญ ซึ่งแม้จะมีทั้งเงินทุนจำนวนมหาศาล มีคอนเน็กชั่นทั่วทุกวงการ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงบารมีที่ใคร ๆ ก็หลีกทางให้ หากเจริญจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ก็ยังไม่สามารถเข้ามาสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับการทำธุรกิจอื่น
เจริญ รู้ดีว่าการก้าวสู่ผู้นำตลาดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ง่ายเหมือนธุรกิจ อื่นที่อาศัยเพียงเงินทุนที่หนากว่าคู่แข่ง ก็สามารถก้าวสู่ผู้นำได้ง่าย ๆ ในช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจ เจริญ จึงเลือกที่จะร่วมทุนกับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากสิงคโปร์ที่มีทั้งแหล่งเงินทุน ต้นทุนต่ำ เทคโนโลยีชั้นนำในงานก่อสร้าง โดยเฉพาะอาคารสูง โดยการตั้งบริษัททีซีซี แคปปิตอล แลนด์ จำกัด ร่วมทุนระหว่างกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ และทีซีซี แลนด์ ซึ่งส่งต่อให้ลูกสาวและลูกเขย คือ วัลลภา-โสมพัฒน์ ไตรโสรัส ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีซี แคปปิตอล แลนด์ ดูแล โดยมี เจริญ คุมเกมอยู่ห่าง ๆ
การร่วมทุนครั้งนั้น เจริญ มองเกมออกว่า ยังไม่สามารถทำให้ทีซีซีฯก้าวขึ้นติดอันดับท็อปไฟว์อย่างแน่นอน เจริญ จึงเลือกวิธีลัด ด้วยการเข้าลงทุนในบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) ของตระกูล ณ ระนอง ผ่านบริษัท อเดลฟอส จำกัด ของฐาปนและปณต สิริวัฒนภักดี ลูกชายของเจริญ คิดเป็นสัดส่วน 29.18% และหลังจากนั้นก็มีการเพิ่มทุนถึง 4 ครั้ง จนทำให้บริษัท อเดลฟอส ก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 56.4% ส่วนตระกูล ณ ระนอง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมถือในสัดส่วน 0.89% (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มี.ค. 52)
อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวทำให้ผลประกอบการของกลุ่มเจริญดีขึ้น แต่ยังไม่ติดอันดับต้น ๆ ตามเป้าหมายที่วางไว้ เจริญ จึงต้องหาแนวทางใหม่ๆ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายให้ได้และอย่างรวดเร็ว
โดยล่าสุดมีกระแสข่าวลือตลอดช่วงเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่มาว่า กลุ่มเจริญอยู่ระหว่างเจรจาเข้าร่วมทุนในบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เพราะแสนสิริถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพสูง มีผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายและยอดรับรู้รายได้ที่สูงขึ้นทุกปี และผลประกอบการในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา แสนสิริมียอดรับรู้รายได้ห่างผู้นำตลาดอย่างแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพียง 200-300 ล้านบาทเท่านั้น และถ้าไม่มีปัจจัยลบเกิดขึ้น คาดว่าอย่างช้าปีหน้า แสนสิริจะมียอดรับรู้รายได้มากกว่า แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ตามคำยืนยันของเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
แหล่งข่าวในธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ในช่วงก่อนหน้านี้กลุ่ม เจริญ มีการเจรจาเข้าร่วมทุนในบริษัท แสนสิริ แต่ยังไม่สามารถสรุปผลการเจรจาได้ เนื่องจากสไตล์การทำธุรกิจของเจริญ และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในแสนสิริ คืออภิชาติ จูตระกูล และเศรษฐา ทวีสิน คนละสไตล์ ซึ่งการเจรจาอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าจะสรุปผลได้
ขณะเดียวกัน ในระยะหลัง เจริญ เริ่มถอดใจกับการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพราะรู้ว่าสู้กับคู่แข่งไม่ได้ แต่ในส่วนของธุรกิจเพื่อเช่า เช่น โรงแรม ศูนย์การค้า และพลาซ่า เจริญ ยังให้ความสำคัญ และจะลงทุนโครงการใหม่เพิ่มขึ้น เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี และยั่งยืน จึงมีความเป็นไปได้ว่า เจริญ จะใช้วิธีเทคโอเวอร์บริษัทที่มีผลประกอบการดี เพื่อให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก้าวขึ้นติดอันดับท็อปไฟว์ หรือเป็นผู้นำตลาดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) ถึงเรื่องการเจรจากับกลุ่มเจริญ อภิชาติ ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว บอกเพียงว่า เป็นเพียงข่าวลือ และราคาหุ้น siri ที่พุ่งขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงมีวอลุ่มซื้อขายมากถึงถึง 2 เท่า อาจจะเป็นเพราะว่า นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการของ siri จะออกมาดีและมีการจ่ายเงินปันผลแน่นอนและค่อนข้างสูง อีกทั้งราคาหุ้นของ siri ยังต่ำกว่าราคาพื้นฐานมาก
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|