สหกรุ๊ปรื้อระบบขายจัดทัพลุยตลาดบะหมี่


ผู้จัดการรายวัน(23 กันยายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

สหกรุ๊ปปรับระบบจัดจำหน่ายกลุ่มสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หลังพบจุดอ่อน บริษัทในเครือถือ สินค้าหลายแบรนด์ จนทำให้ทุ่มตลาดได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ยอดขายและส่วนแบ่งตลาดหลายยี่ห้อที่กำอยู่มีปัญหายอดขายน้อย ขณะที่หลาย แบรนด์ที่ร่วมทุนต้องการให้เพิ่มยอดจำหน่ายมากกว่านี้ ส่งดีทแฮล์ม ประเดิมเข้าจัดจำหน่าย "เมียวโจ้" แทนสหพัฒน

สหกรุ๊ปเป็นกลุ่มที่ทำตลาดสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลายแบรนด์ และมากที่สุดในบรรดาผู้ประกอบการ ตลาดนี้ในเมืองไทย โดยมีมากถึง 9 ยี่ห้อ มีทั้งการเป็นเจ้าของสินค้าเองและการร่วมทุนผลิต โดยใช้บริษัทในเครือรับผิดชอบแตกต่างกันไปแต่บทบาทหนักจะตกอยู่ที่สหพัฒนพิบูลที่เป็นผู้รับจัดจำหน่ายเกือบทุกยี่ห้อ

อย่างไรก็ตาม จากการที่สินค้าหลายยี่ห้ออยู่ในตลาดเดียวกันและยังอยู่ในการจัดจำหน่ายของบริษัทเดียวกัน ย่อมทำให้การทุ่มเทหรือการให้ความสำคัญกับสินค้าทุกตัวเป็นไปได้ยากอยู่แล้ว การจัดจำหน่ายหรือการ ขายย่อมต้องเน้นไปที่ตัวสินค้าที่ขายได้ง่ายที่สุดและขายได้มากและมีมาร์จิ้นสูงที่สุด

แหล่งข่าวจากวงการ กล่าวกับ "ผู้จัดการรายวัน"ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับส่วนแบ่งการตลาดและยอดขายแต่ละยี่ห้อล้วนแต่เป็นตัวบ่งบอกได้ชัดเจนว่า มาม่าคือพระเอกของกรุ๊ปและของวงการด้วย ขณะที่ทุกยี่ห้อที่เหลือในมือสหกรุ๊ปเป็นเพียงตัวประกอบ ซึ่งเจ้าของยี่ห้อที่ร่วมทุนกับสหกรุ๊ปเองไม่ได้ต้องการเช่นนั้นด้วย เพราะมีเพียงมาม่าตัวเดียวที่มียอดขายสูงที่สุดและมีส่วนแบ่งในตลาดมากที่สุดประมาณ 50-51% จากมูลค่าตลาดรวม 9,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขรอบล่าสุดจากเอซีนีลสันเมื่อ เดือนมิถุนายน และคาดว่าจะโต 1-2% ในปีนี้

ที่ผ่านมา มาม่าจะเป็นธงนำของสหกรุ๊ปอยู่แล้วในกลุ่มธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป การจัดจำหน่าย จะเน้นไปที่ 2 รสชาติหลักคือ ต้มยำกุ้งกับหมูสับ โดยแยกทีมขายทีมหน่วยรถ 2 รสชาติ นี้ออกจากกันเป็นสองสายหลัก กลุ่มหนึ่งจะมีต้มยำกุ้งเป็นตัวนำพร้อมกับสินค้าอาหารที่เกี่ยวเนื่องกัน ส่วนอีกคันก็จะเป็นรสชาติหมูสับพร้อม กับสินค้าเกี่ยวเนื่องอาหารอื่นๆ ในลักษณะของการ ทำโปรดักต์มิกซ์ ซึ่งจะสามารถช่วยผลักดันสินค้าอื่นๆ ที่มียอดขายน้อยเข้าตลาดได้ง่ายด้วย ส่วนบะหมี่ยี่ห้ออื่นๆในเครือก็จะขายไปกับหน่วยรถเหล่านี้ด้วย

ขณะที่ยี่ห้ออื่นๆทั้ง ฟอร์มี นิสชิน เมียวโจ้ โคคา และอื่นๆ แทบจะไม่มีบทบาทในตลาดมากนัก โดยเฉลี่ยแล้วมีส่วนแบ่งตลาดเพียงแค่ 1-3% เท่านั้นในแต่ละยี่ห้อ ซึ่งหลายยี่ห้อเป็นการร่วมทุนกับญี่ปุ่น ที่เจ้าของแบรนด์ต้องการอยากให้มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่านี้ เพราะมองเห็นการเติบโตที่ดีของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทย และมีมูลค่าตลาดสูง แต่ทำไมมีส่วนแบ่งเพียงน้อยนิด

สหกรุ๊ปย่อมเข้าใจปัญหานี้ดี สิ่งที่ปรากฏขึ้นขณะนี้น่าจะเป็นการบ่งบอกถึงการปรับตัวเคลื่อน ไหวของสหกรุ๊ปในการจัดระบบการจัดจำหน่ายบะหมี่สำเร็จรูปหลายตัวในเครือได้ เนื่องจากล่าสุดนี้ สหกรุ๊ปได้ปรับระบบการจัดจำหน่ายใหม่โดยเริ่มต้นที่ บะหมี่ยี่ห้อเมียวโจ้ ซึ่งแต่เดิมทางบริษัท สหพัฒนเป็นผู้จัดจำหน่าย แต่ได้เปลี่ยนเป็น บริษัทดีทแฮล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามารับผิดชอบจัดจำหน่ายแทน ซึ่งดีทแฮล์มนี้ก็เคยจะเป็นผู้จัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ ฟอร์มี แล้ว แต่ก็เกิดการเปลี่ยน แปลงภายหลังยังไม่ทันได้ทำอะไรเป็นจริงเป็นจัง

ก่อนหน้านี้ บะหมี่ยี่ห้อฟอร์มีซึ่งเป็นการร่วมทุน ระหว่างกลุ่มสหกรุ๊ปกับเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่และนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ก็ให้ทางไทยเพรซิเดนท์ฟู้ด เป็นผู้ผลิตและให้ทางไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นผู้จัดจำหน่าย ได้ปรับยุทธศาสตร์ใหม่หลังจากที่นายไพบูลย์และกลุ่มแกรมมี่ได้ถอนหุ้นออกไป ซึ่งในที่สุดก็เปลี่ยนมาเป็นทางสหพัฒนพิบูลเป็นผู้จัดจำหน่ายส่วนทางไอ.ซี.ซีจะเป็นผู้ทำการตลาดให้

แหล่งข่าวกล่าวว่า การที่หลายยี่ห้อที่ร่วมทุนกับสหกรุ๊ปมีส่วนแบ่งตลาดเล็กน้อยน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยเฉพาะในระบบการจัดจำหน่าย ด้วยการแยกบริษัทใหม่รับผิดชอบที่ไม่ซ้ำกันกับสินค้าในเครือของสหกรุ๊ป และเชื่อว่าเมื่อมีรายแรกอย่างเมียวโจ้แล้วน่าจะมีรายต่อไปเกิดขึ้นอีก

กรณีของเมียวโจ้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะว่าเมียวโจ้ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างสหกรุ๊ปกับบริษัท เมียวโจ้ ฟู้ดส์ เจแปน ได้ยุบฐานการผลิตในต่างประเทศทั้งสิงคโปร์ และมาเลเซีย เพื่อย้ายฐานการผลิตมาที่ไทยให้เป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก ขณะที่ในญี่ปุ่นเป็นฐานผลิต ขายในประเทศญี่ปุ่นเป็นหลัก พร้อมกับการทุ่มเงินลงทุนในไทยอีกกว่า 100 ล้านบาท และเพิ่มสัดส่วน การถือหุ้นจากเดิม 20% เป็น 35% ที่ร่วมทุนกับกลุ่มสหกรุ๊ป เนื่องจากต้องการรุกตลาดในไทยมากขึ้น

จากการเปลี่ยนแปลงนี้เองทำให้เมียวโจ้ต้องการเปลี่ยนแปลงการจัดจำหน่าย โดยหาผู้ที่อยู่ ในวงการและมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ได้รับการยอมรับอย่างดีเข้ามารับผิดชอบแทน เพื่อที่จะได้รุกได้อย่างเต็มที่ จากเดิมที่สหพัฒนเป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งถือเป็นเกมแรกที่เกิดขึ้น

เมียวโจ้ที่ญี่ปุ่นต้องการส่วนแบ่งตลาดที่มาก กว่านี้ และเมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้จัดจำหน่ายใหม่แล้ว ความเคลื่อนไหวด้านกลยุทธ์อื่นจึงตามมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเพิ่มรสชาติใหม่ๆให้กับเมียวโจ้ซันมัยมากขึ้น ส่วนเมียวโจ้ราเมนนั้นก็จะเพิ่มรสชาติเช่นกัน ส่วนเมียวโจ้ตำรับไทยคงจะเลิกการทำตลาด และปล่อยให้ชื่อนี้หายไปเอง เนื่องจากไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร พร้อมกับการทุ่มเม็ดเงิน 20 ล้านบาทในการทำตลาดเต็มที่

เมียวโจ้น่าจะเป็นฉากแรกที่มีการรื้อระบบจัดจำหน่ายใหม่อย่างชัดเจนของสหกรุ๊ปในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งหากประสบผลสำเร็จด้วยดี เชื่อได้แน่ว่า สหกรุ๊ปต้องเปิดทางให้สหพัฒนเปลี่ยนเกมใหม่ แน่นอนด้วยการทยอยให้บริษัทอื่นรับผิดชอบแทน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.