จัดสรรดูดเงินฟาสต์แทร็ก


ASTVผู้จัดการรายวัน(9 กันยายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

จัดสรร ร่วมวงดูดเงินโครงการฟาสต์แทร็ก บิ๊กธอส.เผยมีกว่าหมื่นยูนิต มูลค่าสินเชื่อกว่า 4 หมื่นล้าน ยันถึงสิ้นปีไม่ขึ้นดอกเบี้ย ด้าน 5 สมาคมอสังหาฯ ชี้ตลาดคอนโดฯ ยังรุ่งตามดีมานด์ คนอยากมีบ้านในเมือง แต่อสังหาฯ เจาะต่างชาติ ยังทรุด ธุรกิจโรงแรมกระอัก ครึ่งปีรายได้จากการเข้าพักหดตัวรุนแรง 30% จับตาโครงการในเมืองท่องเที่ยวเร่ขาย-หยุดก่อสร้าง

วานนี้ (8 ก.ย.) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ จัดงานสัมมนาประจำปีเรื่อง “ อสังหาฯ ฝ่ากระแสเศรษฐกิจ ” โดยมีนากยกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จาก 5 สมาคม และผู้เชี่ยวชาญตลาดอสังหาฯร่วมสัมมนา

โดยนายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปล่อยสินเชื่อเร่งด่วน หรือ ฟาสต์แทร็ก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ว่า ธอส.ได้เริ่มปล่อยสินเชื่อดังกล่าวได้ 2 สัปดาห์ โดยมียอดปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 8,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ต้องปล่อย 15,000 ล้านบาท ซึ่งเหลือวงเงินให้ปล่อยสินเชื่ออีก 7,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่สนใจส่งลูกค้าเข้าร่วมโครงการสินเชื่อฟาสต์แทร็ก 20 บริษัท จำนวนที่อยู่อาศัยทั้งสิ้น 10,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อ 40,000 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าวงเงินของโครงการ แต่อย่างไรก็ตาม ธอส.ยังไม่มีนโยบายขยายวงเงินสินเชื่อฟาสต์แทร็กเพิ่ม แต่อาจพิจารณานำวงเงินของต่างจังหวัด หากยอดขอสินเชื่อไม่ได้ตามเป้าหมาย ก็จะนำมาปล่อยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลแทน

ทั้งนี้ หากสินเชื่อฟาสต์แทร็กปล่อยเต็มวงเงินแล้ว ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยปกติ คือ 4.5% ต่อปี โดยสินเชื่อฟาสต์แทร็กมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.5% คงที่ 3 เดือน ในเดือนที่ 4 อยู่ที่ 2.99% หลังจากนั้น คิด MRR ลบ 2% โดยปีที่ 4 ลูกค้าสวัสดิการคิดที่ MRR ลบ 1% ลูกค้าทั่วไป MRR ลบ 0.5%

สำหรับภาพรวมยอดปล่อยสินเชื่อ ณ ส.ค. 2552 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 72,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าหลังจากนี้ อัตราอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะยังทรงตัว เพราะต้องพิจารณาอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นหลัก ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วง 3 ครั้งที่ผ่านมา ธปท. ยังคงยืนอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรืออาร์พี อยู่ที่ 1.25% และเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยืนอยู่ระดับนี้ไม่ปรับเพิ่มขึ้นในระยะนี้

นอกจากนี้ สภาพคล่องในตลาดการเงินยังมีสูง แม้ว่าธปท. จะมีการออกพันธบัตรเพื่อดูดซับสภาพคล่องในระบบสถาบันการเงินไปถึงประมาณ 1 แสนล้านบาทก็ตาม ซึ่งทางธอส.จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือไม่ จะพิจารณาในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าอีกครั้ง

“ ประมาณ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ธอส.ได้ปรับดอกเบี้ยเงินฝากขึ้นไป และจัดแพ็คเกจพิเศษให้ลูกค้าเปิดบัญชีออมทรัพย์เพื่อรับเงินดอกเบี้ยได้ทุกเดือน ส่งผลให้มีเงินไหลเข้าธนาคารประมาณ 20,000 ล้านบาท ”

ส.อสังหาฯฟันธงปีหน้าฟื้น คอนโดฯยังรุ่งราคาปรับขึ้น 7%

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯถือว่าผ่านช่วงมรสุมมาแล้ว เชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือนับจากนี้ ตลาดอสังหาฯ จะมีแนวโน้มเป็นบวก โดยเฉพาะในตลาดคอนโดฯมีโอกาสที่จะได้เห็นตัวเลขการเติบโตในเชิงบวกแน่นอน

“ในปีหน้า ตลาดคอนโดฯจะการขยับราคาขายขึ้นในเชิงมูลค่าอย่างน้อย 7% ซึ่งมีหลายปัจจัย ทั้งจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนก่อสร้างปรับขึ้น และที่สำคัญหาก รัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษี จะทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอย่างแน่นอน 4.2% โดยรวมจะทำให้ต้นทุนเพิ่ม 7% ”

นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยก็น่าจับตามอง เพราะหากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายปีตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้จริง ย่อมส่งผลต่อความต้องการในเม็ดเงินลงทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับการใช้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ยิ่งกระตุ้นให้เกิดการใช้เงินในระบบมากขึ้น นั่นเป็นปัจจัยที่กระทบต่ออัตราดอกเบี้ยได้

ทาวน์เฮาส์ใกล้เมืองมาแรง

นายวิศิษฐ์ คุณาทรกุล นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าววา ตลาดทาวน์เฮาส์มือสองที่อยู่ในทำเลใกล้เมือง ขนาดประมาณ 160-200 ตร.ม. กำลังได้รับความนิยมจากผู้ซื้อมาก เพราะมีราคาใกล้เคียงกับคอนโดฯ มีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ใกล้เมืองราคาประมาณ 3-4 ล้านบาท หรือราคาเพียง 20,000- 30,000 บาท/ตร.ม. ขณะที่คอนโดฯมีราคา 50,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไป

สำหรับภาพรวมตลาดบ้านมือสองหลังจากนี้ เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้น แต่แนวโน้มตลาดบ้านมือสองในปีหน้า อาจมีคู่แข่งสำหรับจากบ้านบีโอไอ ราคาใกล้เคียงกันที่ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท แต่บ้านบีโอไอเป็นบ้านใหม่ ผู้บริโภคย่อมมีทางเลือกที่มากขึ้น โดยหลังจากที่รัฐบาลปรับเกณฑ์บ้านบีโอไอจาก 6 แสนบาทเป็น1.2 ล้านบาท กระตุ้นให้เจ้าของโครงการหลายแห่ง หันมาลงทุนในตลาดนี้มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการบ้านมือสองจะต้องปรับตัว หาจุดขายที่โดดเด่นกว่า เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า

ทั้งนี้ ปัจจัยการเติบโตของตลาดบ้านมือสอง อยู่ที่ความพยายามในการเร่งปล่อยสินเชื่อของธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)ตามนโยบายของรัฐที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงเชื่อว่าความเข้มในการปล่อยสินเชื่อจะผ่อนคลายลง เพราะผลของการเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อ ทำให้หลายสถาบันการเงินไม่สามารถ ปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้า นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่มีผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

อสังหาฯเจาะต่างชาติทรุดหนัก

ด้านนายกิตติพล ปราโมช นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ขณะที่ตลาดอสังหาฯประเภทอื่นๆ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่อสังหาฯ ที่เน้นตลาดต่างชาติอยู่ จะยังชะลอตัวต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ คอนโดฯหรู บ้านพักตากอากาศในเมืองท่องเที่ยว โดยสะท้อนได้จากตัวเลขของตลาดโรงแรมที่มีอัตราเข้าพักลดลงจากปีที่ผ่านมาเกือบ 50% รายได้จากการเข้าพักช่วงครึ่งปีแรกหดตัวลงสูงถึง 30% ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปีหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540

ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยเจาะกลุ่มต่างชาติ ก็ยังหดตัวลงเช่นเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้ ตลาดดังกล่าวเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก คาดว่าจะแตะ 8 แสนล้านบาท ยกตัวอย่างเฉพาะตลาดบ้านเจาะกลุ่มสแกนดิเนเวียที่เคยได้สำรวจมา มีผู้ประกอบการสร้างบ้านเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ เพียง 1 โครงการ มีมูลค่าอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งไม่นับรวมโครงการที่ตกสำรวจ

ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่กล่าวว่า จากการสำรวจตลาดอสังหาฯ พบว่า โครงการอสังหาฯ ที่พัฒนาเพื่อจับกลุ่มคนต่างชาติ ทั้งโครงการประเภทร่วมทุนกับคนไทย หรือต่างชาติเข้ามาลงทุนเองหลายโครงการ เริ่มขายทิ้ง หรือหยุดก่อสร้าง จากหลายปัจจัยที่กล่าวถึง เช่น ตลาดที่สมุย เชียงใหม่


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.