สริยา สิวายุ เลือดที่เปลี่ยนสีได้


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

"เขาไปเมืองนอกเดี๋ยวก็กลับมา"

กระทั่งบัดนี้สริยายังไม่อาจทำใจเชื่อได้สนิทนักว่า "เขาจากเธอไปแล้ว จากไปแล้วจริง ๆ" เธอบอกกับตัวเองว่า เขาห่างเธอไป เพื่อติดต่อค้าขายต่างประเทศชั่วพักชั่วครู่ตามปกติวิสัยของนักธุรกิจที่ไม่ประหวั่นพรั่นพรึงกับหลักอายุ ถ้าตราบใดที่เขายังมองเห็น "เงินตรา" "ความสำเร็จ" และ "ชื่อเสียง" เป็นกำนัลชีวิตที่น่าเสพชิมลิ้มรส

ยี่สิบกว่าปีที่เป็นสามีภรรยากันมาบอกให้สริยาตระหนักดีว่าคนอย่างเขาไม่ว่าจะเป็น "การงาน" หรือ "ความรัก" เขาหยิ่งทระนงในเกียรติของความเป็นผู้ชายมากที่สุด ยากเพียงไหนเขาต้องไขว่คว้ามาให้ได้ จนแทบพูดได้ว่าถ้าขนคอเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นม้าเช่นเดียวกับที่มันช่วยทำให้สิงโตต่างกับแมว ปราศจากขนคอม้าก็ดูเหมือนลา แมวก็ไม่ผิดอะไรกับสิงโตแล้วไซร้ ราชสีห์อย่างเขาจะไม่มีวันยอมถูกกร้อนขนคอเป็นอันขาด

เขาเป็นคนอย่างนี้… และเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้สวาสวยรวยเสน่ห์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีคนรักมารุมล้อมอย่างฟุ่มเฟือยอย่างเธอยอมที่จะตัดสินใจเลือกชายชราที่วัยต่างกันเกือบสองรอบเช่นนาย "ซอฮกซิว" มาเป็นสามีอย่างไม่อินังขังขอบต่อสายตาและเสียงครหานินทา

สริยาปฏิเสธและเกลียดนักถ้าใครบางคนจะบอกว่า "ที่เธอยอมพลีกายถวายใจให้คนต่างวัยเชยชมเพียงเพราะเขาเป็นคนรวย"

"แม่…ปุกเกลียดที่สุดที่เขามองปุกอย่างนั้น" เธอเคยคุยเชิงหารือกับแม่ แม่ที่ยั่วยุและชี้ให้เห็นถึงข้อดีของชายต่างวัยคนที่แม่บอกกับเธอก่อนจะยกให้เป็นสมบัติของเขาว่า "ปุกเอ๋ยถ้าแกแต่งงานกับหนุ่มสามปีแกก็ต้องวิ่งตามเขา" แต่คนนี้เชื่อเถอะว่าเขาต้องวิ่งตามเราจนวันตาย"

ก็ไม่ผิดนักหรอกถ้าความซื่อสัตย์ ความจริงใจ บวกกับทรัพย์ศฤงคารที่จะทำให้ชีวิตนี้ทั้งชีวิตไม่เดือดร้อนที่เขามีอยู่นั้นจะบันดาลในให้สาวสวยอย่างสริยาที่เคยถูกเพื่อนล้อว่าอาทิตย์หนึ่งมี 7 วันแต่หล่อนมีแฟนได้ถึง 9 คน จะยอมให้วงแขนของชายต่างวัยกันมาก ๆ เป็นเรือนตาย มิใช่เป็นเพียงแค่เป็นที่พักพิงที่ร้อนรุ่มเมามันในอารมณ์ขึ้นมาก็เข้ามาแสวงหาความอบอุ่น สิ้นรักหายเหนื่อยเมื่อยล้าตักตวงอะไรไปได้หนำใจแล้วก็อำลาอกเหี่ยว ๆ ไปอิงอกใหม่ที่กระชุ่มกระชวยกว่า

สริยายืดอกพูดกับใคร ๆ ได้เต็มปากว่ายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอไม่เป็นผู้หญิงทำนองนั้นเด็ดขาด "ก็เขารักเขาหึงฉันแทบตาย งานไหนที่เขาไม่ได้ไปด้วยยังขอร้องฉันเลยว่ายูไม่ไปได้ไหม" เธอเคยนำเอารสหึงของสามีมาคุยกับเพื่อน ๆ เป็นประจำ

มันเป็นเรื่องจริงของความรักที่เธอเชื่อมั่นว่าปริ่มสุขยิ่งนัก เป็นความรักที่ทั้งเธอและเขาอยากให้มันเป็นอมตะ และมันก็น่าจะเป็นไปได้ในเมื่อเขามี "เงิน" ที่จะซื้อความสุขและยืดเยื้อภัยร้ายที่จะยังความตายให้กับชีวิตอย่างเพียงพอ

เพราะเป็นอย่างนี้สริยาจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า "เขาจากเธอไปแล้วจริง ๆ"!!??

"ความรักคืออะไร บางครั้งน่ากังขาใจนัก"

มันอาจเป็นคำสาปแช่งของปวงปีศาจหรือไม่อาจเป็นพรดีงามของพระเจ้า และถ้าชีวิตจะเป็น "เกม" มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ต่างมีโอกาสได้สัมผัสความหมายสองประการนี้โดยเท่าเทียมกัน บางทีอาจเกิดขึ้นอย่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่บางคราวก็เป็นไปอย่างง่าย ๆ เหมือนเรื่องราวของสริยา

ความทรงจำที่เธอไม่ลืมเลือน และกระตุกให้เธอต้องได้คิดในหลาย ๆ วินาทีของปัจจุบัน!?

ด้วยความเป็นลูกผู้มีอันจะกินแห่งลุ่มทะเลภาคตะวันออก (จ. ชลบุรี) พ่อของเธอนายสุธี แซ่โง้ว หรือศรีเจริญ เป็นถึงเอเย่นต์ใหญ่เหล้าแม่โขงของภาคนี้ ส่วนแม่สมจิตร จินตเศรณีนั่นเล่าก็สืบเชื่อสายผู้ลากมากดีมาจากในวัง ทั้งยังปรุงรสน้ำพริกได้เก่งจนผันมาเป็นการค้าที่ช่วยเกื้อหนุนฐานะครอบครัวให้อยู่แถวหน้าของจังหวัด ความสมบูรณ์พูนสุขที่พ่อแม่สร้างมาทำให้เธอและพี่น้องอีก 4 คนล้วนต่างได้รับการส่งเสียให้ร่ำเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นดีทั้งสิ้น

"มีอีปุกคนเดียวที่ไม่เป็นโล้เป็นพายกับเขานัก"สริยามักพูดทีเล่นทีจริงอย่างนี้กับคนที่รู้จัก แต่ถึงกระนั้นด้วยความงามของสรีระและใบหน้าที่เป็นทรัพย์สมบัติติดกายมาแต่เกิดกับชีวิตที่สามารถหาความสำเริงสำราญใจมาได้แต่เล็ก ๆ จึงทำให้เธอมักหลุดคำพูดเชื่อมั่นที่ค่อนข้างโผงผางออกมาเนือง ๆ ว่า "ชีวิตของฉันไม่ใช่ธรรมดา คนอย่างฉันต้อง ON THE TOP เสมอ"

"ก็หล่อนสวยเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียนที่ใคร ๆ ก็หลงรักมานานแล้วนี่" เพื่อนสนิท ๆ ในกลุ่มหยิกแกมหยอกที่เธอเองก็พอใจอยู่ไม่น้อย

จากชั้นมัธยมของโรงเรียนประจำจังหวัด (ชลกัลยาณุกูล) พ่อและแม่ก็ส่งเธอให้มาเรียนต่อด้านบัญชี-เลขานุการในโรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อมากในด้านนี้ กระทั่งจบระดับชั้นมัธยมปลาย เส้นทางแห่งความฝันของเธอและเพื่อน ๆ ในขณะนั้นก็คือ "มหาวิทยาลัย"

ทว่าเป็นด้วยระดับการเรียนที่พอไปได้แต่ไม่สวยหรูนัก สริยาเลยบอกตัวเองว่าถ้าหล่อนไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยคงเป็นการสูญเปล่า แม่ที่รู้จักลูกสาวดีเลยชักชวนให้ไปเป็นแม่ค้าน้ำพริกเพื่อก่อร่างสร้างตัวเสียแต่เล็ก ๆ เลย

"ต๊ายตายแม่จะให้ปุกไปเป็นแม่ค้าขายน้ำพริกเหรอ ปุกไม่เอาด้วยหรอกน่าเบื่อจะตายไป" เธอไม่ยินยอมในหนทางที่แม่เลือกให้ตามประสาลูกคนรวยที่ได้รับการฟูมฟักราวกับไข่ในหิน แล้วในที่สุดก็เป็นพ่อแม่ของเธอนั้นล่ะที่ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของเธอได้เมื่อเธอเรียกร้องว่า "ขอไปเรียนต่อในต่างประเทศ"

ปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นแดนดินต่างถิ่นแห่งแรกที่เธอไปศึกษาโดยเข้าเรียนในสถาบันแห่งหนึ่งมีเพื่อนร่วมรุ่นคนไทยที่กลายมาเป็นสาวไฮโซซิตี้ของโลก เช่น อาภัสรา หงสกุล (จิราธิวัฒน์) จากปีนังจึงลัดฟ้าไปเรียนต่อที่โปลี่ คอลเลจประเทศอังกฤษ

มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับคนต่างชาติภาคพื้นยุโรปที่ตัวเองเกลียดนักเกลียดหนา ถึงกับปวารณาไว้ในใจว่า "แม้หมอดูจะเคยทำนายว่าชีวิตนี้ต้องได้สามีเป็นคนต่างชาติ ก็จะดิ้นสุดชีวิตฝืนลิขิตคำทำนาย"

ปีกว่าในอังกฤษนอกจากประกาศนียบัตรหลักสูตรเลขานุการจากสถาบันที่มีชื่อ เช่น โปลี่ แล้วนั้นวัฒนธรรมประเพณี ความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปจากเมืองไทยได้หล่อหลอมความรู้สึกนึกคิดให้เธอกลายเป็นคนยุโรปไปกว่าค่อนตัว

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีคู่ควงในภายหลังถึง 7-8 คนในเวลาเดียวกัน!!!

แต่ก็ไม่มีใครสามารถพิจารณาความอาญาให้เธอต้องกลายเป็นจำเลยรักที่ "หลง" และ "ยอม" สิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไปทั้งชีวิต รอยยิ้มและกิริยาชักชวนที่หลายครั้ง เธอมีปฏิกิริยาโต้ตอบผิวเผินคือการยอมจำนนทว่าเบื้องลึกมิผิดกับปลาหมึกที่ปล่อยน้ำดำออกมาเพื่ออำพรางศัตรู

ผู้ชายสำหรับเธออาจไม่ใช่ลาโง่ แต่ก็พร้อมที่จะกลายเป็นเบี้ยบนกระดานที่ถูกจับให้เดินอย่างไร้ข้อกำหนด "ฉันอาจมีแฟนหลายคนแต่ก็ไม่เคยเสียกับใคร และเชื่อไหม ฉันมีวิธีที่จะทำให้เขาเหล่านั้นไม่โกรธด้วย" สริยาเคยคุยถึงกลยุทธ์ที่ทำให้ชายต้องศิโรราบ

แล้วเธอเก่งจริงอย่างนั้นหรือ!!

จริง ๆ แล้วภายหลังกลับจากอังกฤษ หากสริยาจะทำงานให้กัทางบ้านเธอก็กลับเลือกที่จะสมัครใจเป็นลูกจ้างโรงแรมแห่งหนึ่ง (โรงแรมเฟิสท์) ด้วยอัตราเงินเดือนเพียง 1,200 บาท

ค่าที่ได้รับการเอาใจมาแต่เล็ก ๆ ทำให้สริยาทำงานอยู่ที่ไหนไม่ได้นานก็มีอันต้องจรลี จากพนักงานโรงแรมเธอสมัครเป็นเลขานุการของนายจ้างฝรั่งที่บริษัทแห่งหนึ่ง (จัสแมกซ์) ดูเหมือนว่าที่นี่จะถูกโฉลกกับเธอไม่น้อยแม้ว่าจะมีความรังเกียจคนต่างชาติเป็นทุนเดิมก็ตาม

อีกนั่นล่ะแม้สริยาจะบอกว่า "นายจ้างชื่นชอบในตัวเธอนักหนา" แต่เมื่อเธอไม่พอใจก็หิ้วกระเป๋าลาออกในทันที

โลกชีวิตของสริยายังหมุนต่อไปด้วยความสนุกสนานและคลาคล่ำด้วยผู้ชายมากหน้าหลายตาที่รุมล้อมหมายปอง

"โธ่ ไอ้แก่" เธอคิดอยู่ในใจเมื่อนายจ้างที่ทำงานแห่งใหม่ (นมมะลิ) เข้ามาบอกว่า "เหมือนเคยเห็นยูมาก่อน ประทับใจยูจริงๆ"

ไม่รู้ว่าเทพเล่นตลกหรือกระไร เมื่อเธอถูกย้ายหน้าที่จากงานพนักงานรับโทรศัพท์ที่ได้ฉอเลาะกับแขก ๆ อันเป็นความชอบ ไปเป็นเลขาส่วนตัวของนายจ้างคนนั้น นายจ้างที่เปรยหูปรายตาทำท่าสิเน่หาในตัวเธอเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอเองแทบจะปลงเวทนากับสังขารที่ห่างกันเกือบยี่สิบปี

"ไอ้แก่เอ๋ยใครเขาจะไปชอบแกได้ลงคอ" สริยาเชื่อมั่นว่าไม่มีวันเสียหรอกที่จะกลายเป็นหญ้าอ่อนของโคแก่ และยิ่งเชื่อมั่นเป็นทวีคูณมากขึ้นตรงที่นายจ้างต่างวัยของเธอคนนี้เป็นคนต่างชาติ ซึ่งเธอปณิธานแล้วว่าจะไม่มีวันเป็นเมียคนต่างชาติเด็ดขาดไม่ว่าเขาจะมาดีอย่างไรก็ตาม

ซอฮกซิวหรือนายจ้างคนนั้นเป็นชาวมาเลเซีย เป็นลูกชายคนที่ 6 ของตระกูลซอที่มีกิจการป่าไม้ขนาดใหญ่ในกัวลาลัมเปอร์ แต่เขาไม่สู้พอใจที่จะทำธุรกิจในบ้านเกิดจึงออกแสวงหาแหล่งลงทุนใหม่แล้วก็มาติดใจเมืองไทย โดยเฉพาะลู่ทางสินค้าประเภทอาหารที่มองเห็นว่าประเทศไทยยังต้องนำเข้านมในปริมาณสูง ช่องทางจัดตั้งโรงงานนมจึงมีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่สุดบริษัทอุตสาหกรรมนมไทยก็เกิดขึ้นในปี 2505 โดยมีบริษัทออสเตรเลียน แดรี่ จากออสเตรเลียเข้าร่วมหุ้นด้วย ผลิตนมภายใต้ชื่อ "มะลิ" ดอกไม้ที่ซอฮกซิวประทับใจมากจากเด็กขายพวงมาลัยสี่แยกราชประสงค์

ชีวิตของซอฮกซิวถึงจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ทว่าเขาก็ใช่ว่าจะสุขสบายนัก สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเขาแทบเอาตัวไม่รอดเพราะเป็นโรคขาดแคลนอาหารอย่างหนัก จนทำให้ความฝันที่อยากจะเป็นนายแพทย์ต้องพังทลาย

ซออกซิวกับสริยาเลขาฯ สวยคนไทยมีความเหมือนกันตรงที่พื้นฐานครอบครัวดี แต่การดำเนินชีวิตแทบจะผิดแผกแตกต่างกันสิ้นเชิง ซอใช้ชีวิตอย่างสมถะเจียมถ่อม เขาเรียนเก่ง ข้ามชั้นถึง 3 ชั้น ส่วนสริยาไม่ผิดหรอกที่จะบอกว่า เธอมีชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับความฟุ้งเฟ้อ หะหรูหะหรา แวดล้อมด้วยคนคอยเอาใจปรนนิบัติ และเรียนก็ผ่านมาอย่างคาบลูกคาบดอก

แต่ทั้งคู่กลับกลายเป็นคู่รักของกันและกัน

ไม่มีใครคิดหรอกว่าผู้หญิงเฟี้ยวอย่างสริยาจะต้องมาเกยน้ำตื้นกับความจริงจังของชายที่มีอายุมากกว่าหล่อนถึงสองรอบ

"ไอก็ชักชอบยูแล้ว เพราะยูตั้งใจที่จะรอคอยไอจริง ๆ" นั่นเป็นคำกล่าวของวันวานที่ยังอบอวลหวานชื่นอยู่ในสติสัมปชัญญะของสริยา

ใครมองเธอด้วยสายตาแคลงใจ แต่สริยาคิดว่าเธอเลือกทางเดินไม่ผิดที่จะกลายเป็น "เมียคนที่สอง" แต่เป็น "เมียคนแรก" ที่ซอลกฮิวยินดีที่จะจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ความรัก ความหลงคลั่งไคล้ในเรือนร่างที่อวบอิ่มพริ้มพราย ประกายตาที่ซุกซ่อนความยั่วยวนรัญจวนใจในตัวสริยากระนั้นหรือ ที่ถึงกับทำให้ผู้ชายที่เดินทางมาแล้วกว่าครึ่งค่อนชีวิตอย่างซอฮกซิวพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเชื่อมั่น เพื่อมัดใจให้เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ

ทำไมนักรบที่ผ่านเกมธุรกิจมาอย่างโชกโชนอ่างเขาจะยอมลงจากอานในสนามรักอย่างสงบราบคาบและง่ายดายเพียงนี้

บางเหตุผลของคนบางคนย่อมมองว่าเป็นเพราะซออกซิวนั้นเป็น "โคแก่" แต่คงไม่มีใครนึกคิดหรอกว่า จริง ๆ แล้วผู้หญิงอย่างสริยาที่รู้เหลี่ยมเล่ห์ผู้ชายชนิดพลิกฝ่ามืออ่านเส้นลายมือได้อย่างลุ่มลึกคนนี้นั้น เธอคิดว่าผู้หญิงไม่ใช่ลูกมะนาวโปรยทานในงานศพ

"ON THE TOP" ในความเป็นภรรยามหาเศรษฐีของเธอเกิดขึ้นแล้วอย่างไม่คาดคิด เศรษฐินีพันล้านเป็นคำต่อท้ายชื่อของเธอ "สริยา สิวายุ" ไปในบัดดล!!!

รักลองสิงอยู่กับใจของใครแล้ว

โลกเหวย แม้ชีพจักดับสลาย ร่างรักก็ไม่รู้จักตาย

นั่นคงเป็นความจริงแท้ที่สุดที่ซอฮกซิวมีต่อเธอ เสน่ห์ที่เธอโปรยปรายมิเพียงทำให้ซอฮกซิวยอมจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเสียใหม่ว่า "ซอ สิวายุ" เขาให้ของขวัญการแต่งงานแก่เธอด้วยการเรมิตคฤหาสน์หลังงามที่มีราคาถึง 50 ล้านบาท ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่จะปรนเปรอชีวิตให้สุขสบาย การงานไม่ต้องทำเพียงทำหน้าที่เมียที่ดียามที่เขากลับมาถึงบ้านก็พอใจ

สริยาเองเหมือนล่วงรู้ความต้องการของผู้ชายที่เป็นสามีของเธอว่า เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความยกย่องจากยอดหญิงของเขา ด้วยกิริยาที่แสดงออก และไม่เหยียดหยามจนทำให้เขาเองกลายเป็นแมลงวันหัวเขียวเหมือนคู่รักบางคู่

ถ้าการอ่านคนเป็นกลศึกขั้นสุดยอดสริยาก็กลายเป็นผู้ชนะไปแล้ว ในสนามธุรกิจ ในองค์กรคนอย่างซออาจเป็นนัมเบอร์วันที่ทุกคนต้องฟังเขา หากแต่ในชีวิตจริงที่บ้านเขาอาจเป็นเพีงแค่ทารกเฝ้าวิงวอนขอนิยายรักประโลมหัวใจ

อะไร ๆ ที่เป็นของซอจึงดั่งตกอยู่กับสริยาทางอ้อมโดยปริยาย

ครั้นเมื่อถึงวันที่ไม่มีเขาซึ่งเป็นตัวตนจริง ๆ อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว ไม่มีทางที่สริยาจะได้เขากลับคืนมาออดอ้อนฉอเลาะในคฤหาสน์หลังงามทุกค่ำคืนอีกแล้วนั้น และมันเป็นความบังเอิญที่ค่อนข้างจะโชคร้ายในตัวเธอที่แม้ว่าจะมีความงามพร้อม ทว่าส่วนที่ให้ความเป็นชีวิตมนุษย์กลับบกพร่องจึงทำให้ไม่มีลูกกับเขาเลยสักคน

ในความเงียบเหงาสริยาจะทำอย่างไร?

ที่จริงการเป็น "ม่าย" สักหนหนึ่งในชีวิตจะด้วยเหตุผลใดนั้นอาจไม่ใช่เรื่องแปลก ในเมื่อบางทีมันก็เป็นกฎทางธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกหนีพ้น ทว่าสำหรับสริยาแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่!?

เพราะเจ้าหล่อนต้องมาตกพุ่มม่ายทั้ง ๆที่ความสาวสวยยังคงเปล่งปลั่งแม้วัยจะใกล้สี่สิบ ริ้วบนหน้าผากนูนของเธอยังงามเป็นเสน่ห์ด้วยความลาดกว้างได้ระดับ ลาดไหล่ไหปลาร้าหรือก็ไม่พร่องเป็นหลุมลึกจนน่าเกลียด รอยย่นที่ขอบตานั้นเล่าแทบไม่ปรากฏ เรือนผมยาวสลวยยังสีดำมะเมื่อมดุจสีนกดุเหว่า ผิวเนื้อก็ยังเต่งตึงมีน้ำมีนวลจนไร้รอยติ

แต่เธอก็เป็น "ม่าย" แล้วจริง ๆ และข้อที่แปลกแยกจากม่ายหลาย ๆ คนคือว่าเธอยังมีพร้อมทั้งความสาวสวย รวมไปถึงความ "ทรงเครื่อง" ที่รับผลมรดกเป็นพัน ๆ ล้านบาทจากสามี ครั้งหนึ่งใครเคยมองว่าเธอแต่งงานกับคนแก่เพราะเขารวย ครั้งนี้ที่จะพิสูจน์ความจริงนั้นได้มาถึงแล้ว

ว่าไปแล้วซอก็เป็นคนหนึ่งที่เตรียมพร้อมรับความตาย ทันทีที่รู้ความจริงจากหมอว่าชีวิตเขาพร่องลงทุกขณะ ก็จัดการโอนหุ้น-มรดกที่มีอยู่ให้กับคนที่เกี่ยวพันและคนที่รับผลพวงมากที่สุดก็ไม่พ้น "สริยา" ภรรยาสาวสวยคนเดียวที่เขามีอยู่

ในเมืองไทยซอมีธุรกิจหลักอยู่ 5 แห่งคือ บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย "นมมะลิ" บริษัทนาบิสโก้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปัง "นาบิสโก" จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปัง "นาบิสโก" บริษัทฮันตา จำกัด ที่ทำหน้าที่ด้านการเงินและเป็น HOLDING COMPANY ของเขา บริษัทซอเอนเตอร์ไพรส์ จำกัด ที่ลงทุนทำเหมืองแร่ที่ยะลากับพี่ชายซึ่งเป็นหมอ และบริษัทอินดัสเตรียล ชีลด์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายวาวล์ที่ใช้กับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากบริษัทเบิร์กแมน อินดัสตรี สตีล ของเยอรมัน หุ้นส่วนในบริษัทเหล่านี้โดยเฉพาะกับบริษัทฮันตาที่เป็นหัวใจ เป็น HOLDING COMPANY โดยตรงของเขาที่เข้าไปถือหุ้นในหลาย ๆ กิจการและเป็นหุ้นใหญ่ของนมมะลิด้วยนั้น เขาโอนให้กับสริยาทั้งหมด

นั่นเท่ากับว่าในทางพฤตินัยแล้วนั้น สริยาได้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้านตัวจริง ถึงจะมีบางส่วนที่แบ่งให้กับลูกสาวของซอที่เกิดกับเมียคนแรกไปบ้าง ยังไงเธอก็ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของมรดกของ ซอ สิวายุโดยแท้

ความละเอียดอ่อนของซอเป็นเรื่องที่ต้องมองกันอย่างลุ่มลึก เขารักและหวงเมียสาวจนไม่ให้ทำงานต่อที่นมมะลิก็จริงอยู่ ทว่าหลายครั้งที่เขาเดินทางไปติดต่องานในต่างประเทศเป็นต้องหนีบเอาเมียไปเรียนงานด้วย และการตั้งบริษัทขายวาวล์อย่างอินดัสเตียล สตีล ขึ้นมานั้นนัยหนึ่งเพื่อให้เป็นโรงเรียนสอนการปฏิบัติทางธุรกิจแก่เมีย

ซอทำทุกอย่างค่อนข้างเงียบเชียบ แต่เขาคิดไว้แล้วว่า วันหนึ่งถ้ามีอันต้องลาโรงก็เป็น "เมีย" ของเขานี่ล่ะที่จะขึ้นมารั้งแทน สริยาเองก็ได้ชื่อว่าถึงจะเป็นคนโผงผางแต่น้ำหนักคำพูดของเธอก็มีจังหวะจะโคนไม่เช่นนั้นแล้ววัยสาวคงไม่สามารถมัดใจชายให้ลุ่มหลงได้ถึง 7-8 คน

และเธอยังเฉียบขาดเข้มงวดนักในเรื่องการเงิน!!

ภายหลังการตายของซอเสียงกล่าวขวัญถึงเมียคนสวยของเขามักออกไปทำนองที่ว่า "จะไหวหรือสมบัติของนายซอจะปี้ป่นไหม ก็ในเมื่อเธอไม่เคยทำอะไรออกหน้าเลยสักอย่าง"

ในคฤหาสน์หลังงามราคา 50 ล้าน สริยายังเก็บตัวเงียบไว้อาลัยกับความตายของสามี แต่เธอก็มีการติดต่อข่าวคราวกับเส้นสายกลในบริษัทต่าง ๆ ของสามีอย่างเป็นปกติ

ผู้หญิงที่เคยอ่านราชสีห์อย่างซอจนสยบอย่างเธอกำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่นะ???

"ฉันคิดว่าต้องเข้าไปดูงานในบริษัทเหล่านั้นอย่างจริงจัง ขอเพียง TAKE TIME สักระยะหนึ่งก่อน"

"ดูสิผัวตายยังไม่ทันเท่าไร ในนมมะลิก็มี MOVEMENT กันแล้ว คนนั้นเส้นคนนี้จะขึ้นมากันบ้างล่ะ จะถีบจะกันคนนั้นออกไป ข้อสำคัญหุ้นของผัวเรา" สริยาบ่นเบา ๆ กับคนรู้จักหลังจับตาการเคลื่อนไหวภายในบริษัทโดยเฉพาะกับนมมะลิ

แล้วเธอก็รู้ว่าบางคนคิดไม่ซื่อเสียแล้ว!??

คนอย่างซอนั้นมีอีกข้อหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ "เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยไว้ใจใคร" ดังนั้นข้อมูลที่เขาเก็บเอาไว้สำหรับคนเป็นเมียอย่างสริยาแล้วไม่มากก็น้อยที่ต้องรับรู้บ้าง ซึ่งมันคงมีประโยชน์ต่อเธอไม่น้อยถ้าเธอตัดสินใจที่จะกระโจนลงไปในสนามธุรกิจ

"ฉันลงไปแน่ จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเอาไว้ เพราะฉันรู้จักเขาดีที่สุด จริงอยู่ฉันอาจไม่มีความสามารถในการบริหารมากนัก แต่เชื่อว่าเรียนรู้ได้เพราะมีพื้นฐานมาก่อน ยิ่งในนมมะลิฉันเคยอยู่มาแล้วด้วยคงง่ายขึ้น" สริยาเคยพูดให้สัญญาไว้กับเพื่อน

สัญญานี้คงไม่ใช่คำกล่าวเลื่อนลอยและเชื่อเถอะว่าคนรวยอย่าง ซอ สิวายุ คงไม่บ้าพอที่จะเลือกผู้หญิงสักคนหนึ่งมาเป็นเมียเพียงเพราะเจ้าหล่อนสวยและมีเสน่ห์บาดลึกกินใจเท่านั้น คุณค่าและความสามารถของเธอก็ต้องมีบ้าง เพียงรอวันปะทุออกมาเท่านั้น

สำหรับสริยาหากเธอคิดจะต่อสู้คงไม่โดดเดี่ยวลำพัง เพราะยังมีพี่ชายที่เป็นทนายความชื่อดัง ซึ่งพร้อมให้การช่วยเหลือน้องสาว (สิทธิโชค ศรีเจริญ) และยังมีน้องชายที่จบวิศวกรรม ซึ่งเป็นเขยของพ่อค้าคนหนึ่งที่มีเพื่อนเป็นนายทหารใหญ่อยู่หลายคน นอกจากนี้เธอยังสนิทชิดเชื้อกับตระกูลใหญ่ที่คุมแบงก์อย่าง "โสภณพนิช" ถึงขนาดที่ลูกสาวคนสุดท้อง (ชดช้อย โสภณพนิช) ยังยอมยกลูกชายให้เป็นลูกบุญธรรมของเธอคนหนึ่ง

กำลังหลักเหล่านี้พร้อมเสมอที่จะช่วยเธอ นอกจากนี้เธอยังเบนเข็มการเรียนของลูกสาวของซอสองคนที่อเมริกา ซึ่งหวังและตั้งใจที่จะศึกษาด้านเคมีอุตสาหการให้มาสนใจด้านบริการธุรกิจแทน โดยที่เธอบอกกับคนใกล้ชิดว่า

"เมื่อเขาเรียนจบจะได้ดึงมาทำงานร่วมกัน รักษาสมบัติของพ่อและผัวเอาไว้ร่วมกัน"

สัญญาข้อหนึ่งที่เธอได้ให้ไว้กับซอหลังจากที่เขาโอนหุ้นมาให้พร้อมกับคำบอกกล่าวที่ว่า "ยูรู้จักไอดีที่สุด ย่อมรู้นะสิ่งที่ไอสร้างมาไอต้องการให้มันเป็นอย่างไร"

วันนี้ เวลานี้ บางครั้งเธออยากแผดเสียงกลบกลืนความรู้สึกในใจให้จิตวิญาณของเขาได้รับรู้ว่า

"คนแก่ที่ฉันรักและเคารพ สัญญาที่ให้กับคุณไว้ เรื่องอะไรที่คุณทำได้ จะไม่มีวันให้ใครมาเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด เมื่อไม่มีคุณทุกอย่างคงเดิม ฉันจะรักษาสถานภาพเอาไว้ให้คงมั่น"

"และแน่นอนไม่มีคุณก็ฉันก็จะไม่มีใครเป็นอันขาด"

บนเส้นทางธุรกิจที่สับสนอลหม่าน มีผู้หญิงกล้าประทับย้ำความรุ่งโรจน์ของพวกเธอผ่านไปแล้วหลายคน สำหรับ สริยา สิวายุ ม่ายสาวทรงเครื่องคนล่าของสังคมผู้นี้เธอกำลังจะเริ่มต้นที่จะท้าทายอย่างเป็นจริงเป็นจัง

เลือดที่ย่อมเปลี่ยนสีได้ ความดำมืดย่อมต้องมาก่อนแสงสว่างอรุณไรทุก ๆ ครั้งมิใช่หรือ? และถ้าเธอโชคดี คิดว่าคงมีโอกาสได้เขียนถึงความสำเร็จเฉกเช่นสามีของเธอได้เคยกระทำให้เป็นจริงมาแล้วอีกครั้งหนึ่งในไม่ช้า??



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.