"เขาไปเมืองนอกเดี๋ยวก็กลับมา"
กระทั่งบัดนี้สริยายังไม่อาจทำใจเชื่อได้สนิทนักว่า "เขาจากเธอไปแล้ว
จากไปแล้วจริง ๆ" เธอบอกกับตัวเองว่า เขาห่างเธอไป เพื่อติดต่อค้าขายต่างประเทศชั่วพักชั่วครู่ตามปกติวิสัยของนักธุรกิจที่ไม่ประหวั่นพรั่นพรึงกับหลักอายุ
ถ้าตราบใดที่เขายังมองเห็น "เงินตรา" "ความสำเร็จ" และ
"ชื่อเสียง" เป็นกำนัลชีวิตที่น่าเสพชิมลิ้มรส
ยี่สิบกว่าปีที่เป็นสามีภรรยากันมาบอกให้สริยาตระหนักดีว่าคนอย่างเขาไม่ว่าจะเป็น
"การงาน" หรือ "ความรัก" เขาหยิ่งทระนงในเกียรติของความเป็นผู้ชายมากที่สุด
ยากเพียงไหนเขาต้องไขว่คว้ามาให้ได้ จนแทบพูดได้ว่าถ้าขนคอเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นม้าเช่นเดียวกับที่มันช่วยทำให้สิงโตต่างกับแมว
ปราศจากขนคอม้าก็ดูเหมือนลา แมวก็ไม่ผิดอะไรกับสิงโตแล้วไซร้ ราชสีห์อย่างเขาจะไม่มีวันยอมถูกกร้อนขนคอเป็นอันขาด
เขาเป็นคนอย่างนี้… และเป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้สวาสวยรวยเสน่ห์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีคนรักมารุมล้อมอย่างฟุ่มเฟือยอย่างเธอยอมที่จะตัดสินใจเลือกชายชราที่วัยต่างกันเกือบสองรอบเช่นนาย
"ซอฮกซิว" มาเป็นสามีอย่างไม่อินังขังขอบต่อสายตาและเสียงครหานินทา
สริยาปฏิเสธและเกลียดนักถ้าใครบางคนจะบอกว่า "ที่เธอยอมพลีกายถวายใจให้คนต่างวัยเชยชมเพียงเพราะเขาเป็นคนรวย"
"แม่…ปุกเกลียดที่สุดที่เขามองปุกอย่างนั้น" เธอเคยคุยเชิงหารือกับแม่
แม่ที่ยั่วยุและชี้ให้เห็นถึงข้อดีของชายต่างวัยคนที่แม่บอกกับเธอก่อนจะยกให้เป็นสมบัติของเขาว่า
"ปุกเอ๋ยถ้าแกแต่งงานกับหนุ่มสามปีแกก็ต้องวิ่งตามเขา" แต่คนนี้เชื่อเถอะว่าเขาต้องวิ่งตามเราจนวันตาย"
ก็ไม่ผิดนักหรอกถ้าความซื่อสัตย์ ความจริงใจ บวกกับทรัพย์ศฤงคารที่จะทำให้ชีวิตนี้ทั้งชีวิตไม่เดือดร้อนที่เขามีอยู่นั้นจะบันดาลในให้สาวสวยอย่างสริยาที่เคยถูกเพื่อนล้อว่าอาทิตย์หนึ่งมี
7 วันแต่หล่อนมีแฟนได้ถึง 9 คน จะยอมให้วงแขนของชายต่างวัยกันมาก ๆ เป็นเรือนตาย
มิใช่เป็นเพียงแค่เป็นที่พักพิงที่ร้อนรุ่มเมามันในอารมณ์ขึ้นมาก็เข้ามาแสวงหาความอบอุ่น
สิ้นรักหายเหนื่อยเมื่อยล้าตักตวงอะไรไปได้หนำใจแล้วก็อำลาอกเหี่ยว ๆ ไปอิงอกใหม่ที่กระชุ่มกระชวยกว่า
สริยายืดอกพูดกับใคร ๆ ได้เต็มปากว่ายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมาเธอไม่เป็นผู้หญิงทำนองนั้นเด็ดขาด
"ก็เขารักเขาหึงฉันแทบตาย งานไหนที่เขาไม่ได้ไปด้วยยังขอร้องฉันเลยว่ายูไม่ไปได้ไหม"
เธอเคยนำเอารสหึงของสามีมาคุยกับเพื่อน ๆ เป็นประจำ
มันเป็นเรื่องจริงของความรักที่เธอเชื่อมั่นว่าปริ่มสุขยิ่งนัก เป็นความรักที่ทั้งเธอและเขาอยากให้มันเป็นอมตะ
และมันก็น่าจะเป็นไปได้ในเมื่อเขามี "เงิน" ที่จะซื้อความสุขและยืดเยื้อภัยร้ายที่จะยังความตายให้กับชีวิตอย่างเพียงพอ
เพราะเป็นอย่างนี้สริยาจึงไม่อาจเชื่อได้ว่า "เขาจากเธอไปแล้วจริง
ๆ"!!??
"ความรักคืออะไร บางครั้งน่ากังขาใจนัก"
มันอาจเป็นคำสาปแช่งของปวงปีศาจหรือไม่อาจเป็นพรดีงามของพระเจ้า และถ้าชีวิตจะเป็น
"เกม" มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ต่างมีโอกาสได้สัมผัสความหมายสองประการนี้โดยเท่าเทียมกัน
บางทีอาจเกิดขึ้นอย่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่บางคราวก็เป็นไปอย่างง่าย ๆ เหมือนเรื่องราวของสริยา
ความทรงจำที่เธอไม่ลืมเลือน และกระตุกให้เธอต้องได้คิดในหลาย ๆ วินาทีของปัจจุบัน!?
ด้วยความเป็นลูกผู้มีอันจะกินแห่งลุ่มทะเลภาคตะวันออก (จ. ชลบุรี) พ่อของเธอนายสุธี
แซ่โง้ว หรือศรีเจริญ เป็นถึงเอเย่นต์ใหญ่เหล้าแม่โขงของภาคนี้ ส่วนแม่สมจิตร
จินตเศรณีนั่นเล่าก็สืบเชื่อสายผู้ลากมากดีมาจากในวัง ทั้งยังปรุงรสน้ำพริกได้เก่งจนผันมาเป็นการค้าที่ช่วยเกื้อหนุนฐานะครอบครัวให้อยู่แถวหน้าของจังหวัด
ความสมบูรณ์พูนสุขที่พ่อแม่สร้างมาทำให้เธอและพี่น้องอีก 4 คนล้วนต่างได้รับการส่งเสียให้ร่ำเรียนในสถาบันการศึกษาชั้นดีทั้งสิ้น
"มีอีปุกคนเดียวที่ไม่เป็นโล้เป็นพายกับเขานัก"สริยามักพูดทีเล่นทีจริงอย่างนี้กับคนที่รู้จัก
แต่ถึงกระนั้นด้วยความงามของสรีระและใบหน้าที่เป็นทรัพย์สมบัติติดกายมาแต่เกิดกับชีวิตที่สามารถหาความสำเริงสำราญใจมาได้แต่เล็ก
ๆ จึงทำให้เธอมักหลุดคำพูดเชื่อมั่นที่ค่อนข้างโผงผางออกมาเนือง ๆ ว่า "ชีวิตของฉันไม่ใช่ธรรมดา
คนอย่างฉันต้อง ON THE TOP เสมอ"
"ก็หล่อนสวยเป็นดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่งของโรงเรียนที่ใคร ๆ ก็หลงรักมานานแล้วนี่"
เพื่อนสนิท ๆ ในกลุ่มหยิกแกมหยอกที่เธอเองก็พอใจอยู่ไม่น้อย
จากชั้นมัธยมของโรงเรียนประจำจังหวัด (ชลกัลยาณุกูล) พ่อและแม่ก็ส่งเธอให้มาเรียนต่อด้านบัญชี-เลขานุการในโรงเรียนกรุงเทพการบัญชีวิทยาลัย
ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อมากในด้านนี้ กระทั่งจบระดับชั้นมัธยมปลาย เส้นทางแห่งความฝันของเธอและเพื่อน
ๆ ในขณะนั้นก็คือ "มหาวิทยาลัย"
ทว่าเป็นด้วยระดับการเรียนที่พอไปได้แต่ไม่สวยหรูนัก สริยาเลยบอกตัวเองว่าถ้าหล่อนไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยคงเป็นการสูญเปล่า
แม่ที่รู้จักลูกสาวดีเลยชักชวนให้ไปเป็นแม่ค้าน้ำพริกเพื่อก่อร่างสร้างตัวเสียแต่เล็ก
ๆ เลย
"ต๊ายตายแม่จะให้ปุกไปเป็นแม่ค้าขายน้ำพริกเหรอ ปุกไม่เอาด้วยหรอกน่าเบื่อจะตายไป"
เธอไม่ยินยอมในหนทางที่แม่เลือกให้ตามประสาลูกคนรวยที่ได้รับการฟูมฟักราวกับไข่ในหิน
แล้วในที่สุดก็เป็นพ่อแม่ของเธอนั้นล่ะที่ไม่อาจปฏิเสธความต้องการของเธอได้เมื่อเธอเรียกร้องว่า
"ขอไปเรียนต่อในต่างประเทศ"
ปีนัง ประเทศมาเลเซีย เป็นแดนดินต่างถิ่นแห่งแรกที่เธอไปศึกษาโดยเข้าเรียนในสถาบันแห่งหนึ่งมีเพื่อนร่วมรุ่นคนไทยที่กลายมาเป็นสาวไฮโซซิตี้ของโลก
เช่น อาภัสรา หงสกุล (จิราธิวัฒน์) จากปีนังจึงลัดฟ้าไปเรียนต่อที่โปลี่
คอลเลจประเทศอังกฤษ
มันเป็นครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับคนต่างชาติภาคพื้นยุโรปที่ตัวเองเกลียดนักเกลียดหนา
ถึงกับปวารณาไว้ในใจว่า "แม้หมอดูจะเคยทำนายว่าชีวิตนี้ต้องได้สามีเป็นคนต่างชาติ
ก็จะดิ้นสุดชีวิตฝืนลิขิตคำทำนาย"
ปีกว่าในอังกฤษนอกจากประกาศนียบัตรหลักสูตรเลขานุการจากสถาบันที่มีชื่อ
เช่น โปลี่ แล้วนั้นวัฒนธรรมประเพณี ความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปจากเมืองไทยได้หล่อหลอมความรู้สึกนึกคิดให้เธอกลายเป็นคนยุโรปไปกว่าค่อนตัว
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีคู่ควงในภายหลังถึง 7-8 คนในเวลาเดียวกัน!!!
แต่ก็ไม่มีใครสามารถพิจารณาความอาญาให้เธอต้องกลายเป็นจำเลยรักที่ "หลง"
และ "ยอม" สิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไปทั้งชีวิต รอยยิ้มและกิริยาชักชวนที่หลายครั้ง
เธอมีปฏิกิริยาโต้ตอบผิวเผินคือการยอมจำนนทว่าเบื้องลึกมิผิดกับปลาหมึกที่ปล่อยน้ำดำออกมาเพื่ออำพรางศัตรู
ผู้ชายสำหรับเธออาจไม่ใช่ลาโง่ แต่ก็พร้อมที่จะกลายเป็นเบี้ยบนกระดานที่ถูกจับให้เดินอย่างไร้ข้อกำหนด
"ฉันอาจมีแฟนหลายคนแต่ก็ไม่เคยเสียกับใคร และเชื่อไหม ฉันมีวิธีที่จะทำให้เขาเหล่านั้นไม่โกรธด้วย"
สริยาเคยคุยถึงกลยุทธ์ที่ทำให้ชายต้องศิโรราบ
แล้วเธอเก่งจริงอย่างนั้นหรือ!!
จริง ๆ แล้วภายหลังกลับจากอังกฤษ หากสริยาจะทำงานให้กัทางบ้านเธอก็กลับเลือกที่จะสมัครใจเป็นลูกจ้างโรงแรมแห่งหนึ่ง
(โรงแรมเฟิสท์) ด้วยอัตราเงินเดือนเพียง 1,200 บาท
ค่าที่ได้รับการเอาใจมาแต่เล็ก ๆ ทำให้สริยาทำงานอยู่ที่ไหนไม่ได้นานก็มีอันต้องจรลี
จากพนักงานโรงแรมเธอสมัครเป็นเลขานุการของนายจ้างฝรั่งที่บริษัทแห่งหนึ่ง
(จัสแมกซ์) ดูเหมือนว่าที่นี่จะถูกโฉลกกับเธอไม่น้อยแม้ว่าจะมีความรังเกียจคนต่างชาติเป็นทุนเดิมก็ตาม
อีกนั่นล่ะแม้สริยาจะบอกว่า "นายจ้างชื่นชอบในตัวเธอนักหนา"
แต่เมื่อเธอไม่พอใจก็หิ้วกระเป๋าลาออกในทันที
โลกชีวิตของสริยายังหมุนต่อไปด้วยความสนุกสนานและคลาคล่ำด้วยผู้ชายมากหน้าหลายตาที่รุมล้อมหมายปอง
"โธ่ ไอ้แก่" เธอคิดอยู่ในใจเมื่อนายจ้างที่ทำงานแห่งใหม่ (นมมะลิ)
เข้ามาบอกว่า "เหมือนเคยเห็นยูมาก่อน ประทับใจยูจริงๆ"
ไม่รู้ว่าเทพเล่นตลกหรือกระไร เมื่อเธอถูกย้ายหน้าที่จากงานพนักงานรับโทรศัพท์ที่ได้ฉอเลาะกับแขก
ๆ อันเป็นความชอบ ไปเป็นเลขาส่วนตัวของนายจ้างคนนั้น นายจ้างที่เปรยหูปรายตาทำท่าสิเน่หาในตัวเธอเหลือเกิน
ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอเองแทบจะปลงเวทนากับสังขารที่ห่างกันเกือบยี่สิบปี
"ไอ้แก่เอ๋ยใครเขาจะไปชอบแกได้ลงคอ" สริยาเชื่อมั่นว่าไม่มีวันเสียหรอกที่จะกลายเป็นหญ้าอ่อนของโคแก่
และยิ่งเชื่อมั่นเป็นทวีคูณมากขึ้นตรงที่นายจ้างต่างวัยของเธอคนนี้เป็นคนต่างชาติ
ซึ่งเธอปณิธานแล้วว่าจะไม่มีวันเป็นเมียคนต่างชาติเด็ดขาดไม่ว่าเขาจะมาดีอย่างไรก็ตาม
ซอฮกซิวหรือนายจ้างคนนั้นเป็นชาวมาเลเซีย เป็นลูกชายคนที่ 6 ของตระกูลซอที่มีกิจการป่าไม้ขนาดใหญ่ในกัวลาลัมเปอร์
แต่เขาไม่สู้พอใจที่จะทำธุรกิจในบ้านเกิดจึงออกแสวงหาแหล่งลงทุนใหม่แล้วก็มาติดใจเมืองไทย
โดยเฉพาะลู่ทางสินค้าประเภทอาหารที่มองเห็นว่าประเทศไทยยังต้องนำเข้านมในปริมาณสูง
ช่องทางจัดตั้งโรงงานนมจึงมีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่สุดบริษัทอุตสาหกรรมนมไทยก็เกิดขึ้นในปี
2505 โดยมีบริษัทออสเตรเลียน แดรี่ จากออสเตรเลียเข้าร่วมหุ้นด้วย ผลิตนมภายใต้ชื่อ
"มะลิ" ดอกไม้ที่ซอฮกซิวประทับใจมากจากเด็กขายพวงมาลัยสี่แยกราชประสงค์
ชีวิตของซอฮกซิวถึงจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ทว่าเขาก็ใช่ว่าจะสุขสบายนัก
สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเขาแทบเอาตัวไม่รอดเพราะเป็นโรคขาดแคลนอาหารอย่างหนัก
จนทำให้ความฝันที่อยากจะเป็นนายแพทย์ต้องพังทลาย
ซออกซิวกับสริยาเลขาฯ สวยคนไทยมีความเหมือนกันตรงที่พื้นฐานครอบครัวดี
แต่การดำเนินชีวิตแทบจะผิดแผกแตกต่างกันสิ้นเชิง ซอใช้ชีวิตอย่างสมถะเจียมถ่อม
เขาเรียนเก่ง ข้ามชั้นถึง 3 ชั้น ส่วนสริยาไม่ผิดหรอกที่จะบอกว่า เธอมีชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับความฟุ้งเฟ้อ
หะหรูหะหรา แวดล้อมด้วยคนคอยเอาใจปรนนิบัติ และเรียนก็ผ่านมาอย่างคาบลูกคาบดอก
แต่ทั้งคู่กลับกลายเป็นคู่รักของกันและกัน
ไม่มีใครคิดหรอกว่าผู้หญิงเฟี้ยวอย่างสริยาจะต้องมาเกยน้ำตื้นกับความจริงจังของชายที่มีอายุมากกว่าหล่อนถึงสองรอบ
"ไอก็ชักชอบยูแล้ว เพราะยูตั้งใจที่จะรอคอยไอจริง ๆ" นั่นเป็นคำกล่าวของวันวานที่ยังอบอวลหวานชื่นอยู่ในสติสัมปชัญญะของสริยา
ใครมองเธอด้วยสายตาแคลงใจ แต่สริยาคิดว่าเธอเลือกทางเดินไม่ผิดที่จะกลายเป็น
"เมียคนที่สอง" แต่เป็น "เมียคนแรก" ที่ซอลกฮิวยินดีที่จะจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ความรัก ความหลงคลั่งไคล้ในเรือนร่างที่อวบอิ่มพริ้มพราย ประกายตาที่ซุกซ่อนความยั่วยวนรัญจวนใจในตัวสริยากระนั้นหรือ
ที่ถึงกับทำให้ผู้ชายที่เดินทางมาแล้วกว่าครึ่งค่อนชีวิตอย่างซอฮกซิวพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเชื่อมั่น
เพื่อมัดใจให้เธอเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
ทำไมนักรบที่ผ่านเกมธุรกิจมาอย่างโชกโชนอ่างเขาจะยอมลงจากอานในสนามรักอย่างสงบราบคาบและง่ายดายเพียงนี้
บางเหตุผลของคนบางคนย่อมมองว่าเป็นเพราะซออกซิวนั้นเป็น "โคแก่"
แต่คงไม่มีใครนึกคิดหรอกว่า จริง ๆ แล้วผู้หญิงอย่างสริยาที่รู้เหลี่ยมเล่ห์ผู้ชายชนิดพลิกฝ่ามืออ่านเส้นลายมือได้อย่างลุ่มลึกคนนี้นั้น
เธอคิดว่าผู้หญิงไม่ใช่ลูกมะนาวโปรยทานในงานศพ
"ON THE TOP" ในความเป็นภรรยามหาเศรษฐีของเธอเกิดขึ้นแล้วอย่างไม่คาดคิด
เศรษฐินีพันล้านเป็นคำต่อท้ายชื่อของเธอ "สริยา สิวายุ" ไปในบัดดล!!!
รักลองสิงอยู่กับใจของใครแล้ว
โลกเหวย แม้ชีพจักดับสลาย ร่างรักก็ไม่รู้จักตาย
นั่นคงเป็นความจริงแท้ที่สุดที่ซอฮกซิวมีต่อเธอ เสน่ห์ที่เธอโปรยปรายมิเพียงทำให้ซอฮกซิวยอมจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามเสียใหม่ว่า
"ซอ สิวายุ" เขาให้ของขวัญการแต่งงานแก่เธอด้วยการเรมิตคฤหาสน์หลังงามที่มีราคาถึง
50 ล้านบาท ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่จะปรนเปรอชีวิตให้สุขสบาย การงานไม่ต้องทำเพียงทำหน้าที่เมียที่ดียามที่เขากลับมาถึงบ้านก็พอใจ
สริยาเองเหมือนล่วงรู้ความต้องการของผู้ชายที่เป็นสามีของเธอว่า เขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าความยกย่องจากยอดหญิงของเขา
ด้วยกิริยาที่แสดงออก และไม่เหยียดหยามจนทำให้เขาเองกลายเป็นแมลงวันหัวเขียวเหมือนคู่รักบางคู่
ถ้าการอ่านคนเป็นกลศึกขั้นสุดยอดสริยาก็กลายเป็นผู้ชนะไปแล้ว ในสนามธุรกิจ
ในองค์กรคนอย่างซออาจเป็นนัมเบอร์วันที่ทุกคนต้องฟังเขา หากแต่ในชีวิตจริงที่บ้านเขาอาจเป็นเพีงแค่ทารกเฝ้าวิงวอนขอนิยายรักประโลมหัวใจ
อะไร ๆ ที่เป็นของซอจึงดั่งตกอยู่กับสริยาทางอ้อมโดยปริยาย
ครั้นเมื่อถึงวันที่ไม่มีเขาซึ่งเป็นตัวตนจริง ๆ อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว ไม่มีทางที่สริยาจะได้เขากลับคืนมาออดอ้อนฉอเลาะในคฤหาสน์หลังงามทุกค่ำคืนอีกแล้วนั้น
และมันเป็นความบังเอิญที่ค่อนข้างจะโชคร้ายในตัวเธอที่แม้ว่าจะมีความงามพร้อม
ทว่าส่วนที่ให้ความเป็นชีวิตมนุษย์กลับบกพร่องจึงทำให้ไม่มีลูกกับเขาเลยสักคน
ในความเงียบเหงาสริยาจะทำอย่างไร?
ที่จริงการเป็น "ม่าย" สักหนหนึ่งในชีวิตจะด้วยเหตุผลใดนั้นอาจไม่ใช่เรื่องแปลก
ในเมื่อบางทีมันก็เป็นกฎทางธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกหนีพ้น ทว่าสำหรับสริยาแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่!?
เพราะเจ้าหล่อนต้องมาตกพุ่มม่ายทั้ง ๆที่ความสาวสวยยังคงเปล่งปลั่งแม้วัยจะใกล้สี่สิบ
ริ้วบนหน้าผากนูนของเธอยังงามเป็นเสน่ห์ด้วยความลาดกว้างได้ระดับ ลาดไหล่ไหปลาร้าหรือก็ไม่พร่องเป็นหลุมลึกจนน่าเกลียด
รอยย่นที่ขอบตานั้นเล่าแทบไม่ปรากฏ เรือนผมยาวสลวยยังสีดำมะเมื่อมดุจสีนกดุเหว่า
ผิวเนื้อก็ยังเต่งตึงมีน้ำมีนวลจนไร้รอยติ
แต่เธอก็เป็น "ม่าย" แล้วจริง ๆ และข้อที่แปลกแยกจากม่ายหลาย
ๆ คนคือว่าเธอยังมีพร้อมทั้งความสาวสวย รวมไปถึงความ "ทรงเครื่อง"
ที่รับผลมรดกเป็นพัน ๆ ล้านบาทจากสามี ครั้งหนึ่งใครเคยมองว่าเธอแต่งงานกับคนแก่เพราะเขารวย
ครั้งนี้ที่จะพิสูจน์ความจริงนั้นได้มาถึงแล้ว
ว่าไปแล้วซอก็เป็นคนหนึ่งที่เตรียมพร้อมรับความตาย ทันทีที่รู้ความจริงจากหมอว่าชีวิตเขาพร่องลงทุกขณะ
ก็จัดการโอนหุ้น-มรดกที่มีอยู่ให้กับคนที่เกี่ยวพันและคนที่รับผลพวงมากที่สุดก็ไม่พ้น
"สริยา" ภรรยาสาวสวยคนเดียวที่เขามีอยู่
ในเมืองไทยซอมีธุรกิจหลักอยู่ 5 แห่งคือ บริษัทอุตสาหกรรมนมไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย
"นมมะลิ" บริษัทนาบิสโก้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปัง "นาบิสโก"
จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมปัง "นาบิสโก" บริษัทฮันตา จำกัด ที่ทำหน้าที่ด้านการเงินและเป็น
HOLDING COMPANY ของเขา บริษัทซอเอนเตอร์ไพรส์ จำกัด ที่ลงทุนทำเหมืองแร่ที่ยะลากับพี่ชายซึ่งเป็นหมอ
และบริษัทอินดัสเตรียล ชีลด์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายวาวล์ที่ใช้กับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากบริษัทเบิร์กแมน
อินดัสตรี สตีล ของเยอรมัน หุ้นส่วนในบริษัทเหล่านี้โดยเฉพาะกับบริษัทฮันตาที่เป็นหัวใจ
เป็น HOLDING COMPANY โดยตรงของเขาที่เข้าไปถือหุ้นในหลาย ๆ กิจการและเป็นหุ้นใหญ่ของนมมะลิด้วยนั้น
เขาโอนให้กับสริยาทั้งหมด
นั่นเท่ากับว่าในทางพฤตินัยแล้วนั้น สริยาได้กลายเป็นเจ้าของธุรกิจพันล้านตัวจริง
ถึงจะมีบางส่วนที่แบ่งให้กับลูกสาวของซอที่เกิดกับเมียคนแรกไปบ้าง ยังไงเธอก็ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของมรดกของ
ซอ สิวายุโดยแท้
ความละเอียดอ่อนของซอเป็นเรื่องที่ต้องมองกันอย่างลุ่มลึก เขารักและหวงเมียสาวจนไม่ให้ทำงานต่อที่นมมะลิก็จริงอยู่
ทว่าหลายครั้งที่เขาเดินทางไปติดต่องานในต่างประเทศเป็นต้องหนีบเอาเมียไปเรียนงานด้วย
และการตั้งบริษัทขายวาวล์อย่างอินดัสเตียล สตีล ขึ้นมานั้นนัยหนึ่งเพื่อให้เป็นโรงเรียนสอนการปฏิบัติทางธุรกิจแก่เมีย
ซอทำทุกอย่างค่อนข้างเงียบเชียบ แต่เขาคิดไว้แล้วว่า วันหนึ่งถ้ามีอันต้องลาโรงก็เป็น
"เมีย" ของเขานี่ล่ะที่จะขึ้นมารั้งแทน สริยาเองก็ได้ชื่อว่าถึงจะเป็นคนโผงผางแต่น้ำหนักคำพูดของเธอก็มีจังหวะจะโคนไม่เช่นนั้นแล้ววัยสาวคงไม่สามารถมัดใจชายให้ลุ่มหลงได้ถึง
7-8 คน
และเธอยังเฉียบขาดเข้มงวดนักในเรื่องการเงิน!!
ภายหลังการตายของซอเสียงกล่าวขวัญถึงเมียคนสวยของเขามักออกไปทำนองที่ว่า
"จะไหวหรือสมบัติของนายซอจะปี้ป่นไหม ก็ในเมื่อเธอไม่เคยทำอะไรออกหน้าเลยสักอย่าง"
ในคฤหาสน์หลังงามราคา 50 ล้าน สริยายังเก็บตัวเงียบไว้อาลัยกับความตายของสามี
แต่เธอก็มีการติดต่อข่าวคราวกับเส้นสายกลในบริษัทต่าง ๆ ของสามีอย่างเป็นปกติ
ผู้หญิงที่เคยอ่านราชสีห์อย่างซอจนสยบอย่างเธอกำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่นะ???
"ฉันคิดว่าต้องเข้าไปดูงานในบริษัทเหล่านั้นอย่างจริงจัง ขอเพียง
TAKE TIME สักระยะหนึ่งก่อน"
"ดูสิผัวตายยังไม่ทันเท่าไร ในนมมะลิก็มี MOVEMENT กันแล้ว คนนั้นเส้นคนนี้จะขึ้นมากันบ้างล่ะ
จะถีบจะกันคนนั้นออกไป ข้อสำคัญหุ้นของผัวเรา" สริยาบ่นเบา ๆ กับคนรู้จักหลังจับตาการเคลื่อนไหวภายในบริษัทโดยเฉพาะกับนมมะลิ
แล้วเธอก็รู้ว่าบางคนคิดไม่ซื่อเสียแล้ว!??
คนอย่างซอนั้นมีอีกข้อหนึ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ "เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยไว้ใจใคร"
ดังนั้นข้อมูลที่เขาเก็บเอาไว้สำหรับคนเป็นเมียอย่างสริยาแล้วไม่มากก็น้อยที่ต้องรับรู้บ้าง
ซึ่งมันคงมีประโยชน์ต่อเธอไม่น้อยถ้าเธอตัดสินใจที่จะกระโจนลงไปในสนามธุรกิจ
"ฉันลงไปแน่ จะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเอาไว้ เพราะฉันรู้จักเขาดีที่สุด
จริงอยู่ฉันอาจไม่มีความสามารถในการบริหารมากนัก แต่เชื่อว่าเรียนรู้ได้เพราะมีพื้นฐานมาก่อน
ยิ่งในนมมะลิฉันเคยอยู่มาแล้วด้วยคงง่ายขึ้น" สริยาเคยพูดให้สัญญาไว้กับเพื่อน
สัญญานี้คงไม่ใช่คำกล่าวเลื่อนลอยและเชื่อเถอะว่าคนรวยอย่าง ซอ สิวายุ
คงไม่บ้าพอที่จะเลือกผู้หญิงสักคนหนึ่งมาเป็นเมียเพียงเพราะเจ้าหล่อนสวยและมีเสน่ห์บาดลึกกินใจเท่านั้น
คุณค่าและความสามารถของเธอก็ต้องมีบ้าง เพียงรอวันปะทุออกมาเท่านั้น
สำหรับสริยาหากเธอคิดจะต่อสู้คงไม่โดดเดี่ยวลำพัง เพราะยังมีพี่ชายที่เป็นทนายความชื่อดัง
ซึ่งพร้อมให้การช่วยเหลือน้องสาว (สิทธิโชค ศรีเจริญ) และยังมีน้องชายที่จบวิศวกรรม
ซึ่งเป็นเขยของพ่อค้าคนหนึ่งที่มีเพื่อนเป็นนายทหารใหญ่อยู่หลายคน นอกจากนี้เธอยังสนิทชิดเชื้อกับตระกูลใหญ่ที่คุมแบงก์อย่าง
"โสภณพนิช" ถึงขนาดที่ลูกสาวคนสุดท้อง (ชดช้อย โสภณพนิช) ยังยอมยกลูกชายให้เป็นลูกบุญธรรมของเธอคนหนึ่ง
กำลังหลักเหล่านี้พร้อมเสมอที่จะช่วยเธอ นอกจากนี้เธอยังเบนเข็มการเรียนของลูกสาวของซอสองคนที่อเมริกา
ซึ่งหวังและตั้งใจที่จะศึกษาด้านเคมีอุตสาหการให้มาสนใจด้านบริการธุรกิจแทน
โดยที่เธอบอกกับคนใกล้ชิดว่า
"เมื่อเขาเรียนจบจะได้ดึงมาทำงานร่วมกัน รักษาสมบัติของพ่อและผัวเอาไว้ร่วมกัน"
สัญญาข้อหนึ่งที่เธอได้ให้ไว้กับซอหลังจากที่เขาโอนหุ้นมาให้พร้อมกับคำบอกกล่าวที่ว่า
"ยูรู้จักไอดีที่สุด ย่อมรู้นะสิ่งที่ไอสร้างมาไอต้องการให้มันเป็นอย่างไร"
วันนี้ เวลานี้ บางครั้งเธออยากแผดเสียงกลบกลืนความรู้สึกในใจให้จิตวิญาณของเขาได้รับรู้ว่า
"คนแก่ที่ฉันรักและเคารพ สัญญาที่ให้กับคุณไว้ เรื่องอะไรที่คุณทำได้
จะไม่มีวันให้ใครมาเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด เมื่อไม่มีคุณทุกอย่างคงเดิม ฉันจะรักษาสถานภาพเอาไว้ให้คงมั่น"
"และแน่นอนไม่มีคุณก็ฉันก็จะไม่มีใครเป็นอันขาด"
บนเส้นทางธุรกิจที่สับสนอลหม่าน มีผู้หญิงกล้าประทับย้ำความรุ่งโรจน์ของพวกเธอผ่านไปแล้วหลายคน
สำหรับ สริยา สิวายุ ม่ายสาวทรงเครื่องคนล่าของสังคมผู้นี้เธอกำลังจะเริ่มต้นที่จะท้าทายอย่างเป็นจริงเป็นจัง
เลือดที่ย่อมเปลี่ยนสีได้ ความดำมืดย่อมต้องมาก่อนแสงสว่างอรุณไรทุก ๆ
ครั้งมิใช่หรือ? และถ้าเธอโชคดี คิดว่าคงมีโอกาสได้เขียนถึงความสำเร็จเฉกเช่นสามีของเธอได้เคยกระทำให้เป็นจริงมาแล้วอีกครั้งหนึ่งในไม่ช้า??