|
51 ปีเพื่อความพึงพอใจ
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กันยายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
หากเปรียบเทียบกับชีวิตของผู้คน องค์กรที่มีอายุรวม 51 ปี ก็ต้องถือว่าเป็นผู้ที่มีความอาวุโสและความมั่นคงเพียงพอที่จะเป็นหลักประกันให้กับผู้คนรอบข้างได้ไม่ยากนัก
การไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.ก็คงอยู่ในฐานะที่ไม่ต่างจากข้อความข้างต้นสักเท่าใด แม้จะเป็นองค์กรผู้ให้บริการที่มีลักษณะผูกขาดอยู่ก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ระบุย้ำว่า กฟน.จะดำเนินธุรกิจหลัก อย่างมั่นคง เน้นคุณภาพของระบบจำหน่ายและบริการที่เป็นเลิศ โดย กฟน.มีแผนลงทุนที่สำคัญในการพัฒนาระบบไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการพลังไฟฟ้า
"ในปี 2552 กฟน.มีแผนการจ่ายเงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท สำหรับแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า แผนพัฒนาและรักษาคุณภาพการให้บริการ แผนปรับปรุงสายส่ง 230 เควี บางกะปิ-ชิดลม แผนงานเปลี่ยนระบบสายป้อนอากาศเป็นสายป้อนใต้ดิน โครงการพหลโยธิน สุขุมวิท และพญาไท โครงการปทุมวัน จิตรลดา (เพิ่มเติม) พระราม 3 และนนทบุรี รัชดาภิเษก-อโศก และรัชดาภิเษก-พระราม 9"
ปัจจุบัน กฟน.มีผู้ใช้ไฟฟ้า 2.8 ล้านราย แบ่งพื้นที่ความรับผิดชอบออกเป็น 18 เขตและ 13 สาขาย่อย ทุกแห่งผ่านการรับรองมาตรฐานสากล พร้อมนำระบบ e-service เข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระค่าไฟฟ้ารวมถึงขอใช้ไฟฟ้าทางระบบอินเทอร์เน็ต มีการพัฒนาศูนย์ ข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า Call Center 1130 ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น ปัจจุบัน มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยเดือนละกว่า 1 แสนราย
"กฟน.ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพการบริการ เพื่อตอบสนองความคาดหวังและความพึงพอใจผู้ใช้ไฟฟ้า โดยนำระบบ CRM-CEM เข้ามาใช้โดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลางการให้ บริการ พร้อมนำระบบ GIS มาใช้ในงานบริการลูกค้าเพื่อความสะดวก รวดเร็วและถูกต้อง"
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2552 เปรียบเทียบกับห้วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา กฟน. มีรายได้รวม 69,700 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 66,100 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,600 ล้านบาท หน่วยจำหน่ายไฟฟ้า 20,300 ล้านหน่วย มีสินทรัพย์รวม 134,200 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากปี 2551 จำนวน 8,500 ล้านบาท โดยเป็นสินทรัพย์จากการลงทุนเพื่อรองรับความ ต้องการใช้ไฟฟ้าและเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้า
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 4,600 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ โดยหน่วยจำหน่ายไฟฟ้า ลดลงจากปีก่อนประมาณร้อยละ 4 ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้า สูงสุดในปี 2552 อยู่ที่ 7,500 เมกะวัตต์ (ต่ำกว่าในปี 2551 และ 2550 ที่มีค่าสูงสุดอยู่ที่ 7,600 เมกะวัตต์ และ 7,700 เมกะวัตต์ ตามลำดับ)
นอกเหนือจากหลักสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าแล้ว กฟน.ยังดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibility: CSR) ควบคู่ไปด้วย ซึ่งในปี 2551 กฟน. ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประเภทผลการดำเนินงานเพื่อสังคม และสิ่งแวดล้อมดีเด่นอีกด้วย
แต่จะมีผลให้ลูกค้าผู้ใช้ไฟฟ้าจดจำ กฟน.ได้อย่างพึงพอใจหรือไม่ อาจเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|