สนั่นอายุเพิ่งจะ 50 ปี เป็นถึงข้าราชการระดับซี 10 ซึ่งนับว่าขึ้นมาเร็วมาก
เทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นรัฐศาสตร์ จุฬาฯ รุ่นเก้าแล้วก็มีเพียง อารีย์ วงศ์อารยะ
ผู้ว่าสุพรรณบุรีคนปัจจุบันเท่านั้นที่ทัดเทียมกันในด้านตำแหน่งหน้าที่
เคล็ดลับแห่งความสำเร็จในชีวิตราชการของสนั่น คนที่รู้จักเขาดีบอกว่า บังเอิญสนั่นมีคุณสมบัติพิเศษที่จำเป็นต่อความก้าวหน้าของการเป็นข้าราชการไทยคือ
เข้าผู้ใหญ่เก่งและเลือกช่องทางเข้าได้ถูก
"เรื่องเข้าหลังบ้านนี่ผมรับรองได้ล้านเปอร์เซนต์ว่าแกเก่งโดยเฉพาะกับภรรยาของผู้ใหญ่สองคนในกระทรวงมหาดไทย"
แหล่งข่าวรายหนึ่งเล่า
แต่ถ้าไม่มีฝีมือในการทำงานแล้ว ลำพังวิ่งเข้าหลังบ้านเพียงอย่างเดียวคงจะมาได้ไม่ไกลเพียงนี้แน่!?!
สนั่นได้ชื่อว่าเป็นคนทำงานเร็ว ถูกต้องแม่นยำ มองอะไรได้ทะลุปรุโปร่ง
โดยเฉพาะฝีมือด้านการทำแผนเป็นเลิศจนเป็นที่โปรดปรานของรัฐมนตรีประจวบ "ท่านได้นิสัยนี้ติดตัวมาตอนที่ทำงานกับ
พ.อ. พระยาศรีวิสารวาจา พระยาศรีวิสารวาจาเป็นคนใจร้อน ชอบคนทำงานเร็ว ท่านเคยบอกกับคุณสนั่นว่า
คนที่ประสบความสำเร็จต้องทำงานเร็วและถูกต้อง ไม่ใช่ทำงานมาก" ลูกน้องคนสนิทของสนั่นค้าเป็นนัย
ๆ ว่า สนั่นเก่งงานไม่ใช่เข้าหลังบ้านเก่งอย่างที่ว่า ๆ กัน
หลังจากจบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แล้ว สนั่นได้ทุน กพ. ไปทำปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์ที่สหรัฐฯ
พอกลับมาก็เริ่มงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี ทำอยู่ได้ไม่นานก็เป็นหัวหน้ากองงานปลัดบัญชาการ
ตอนนั้น พ.อ. พระยาศรีวิสารวาจาเป็นปลัดบัญชาการสำนักนายกรัฐมนตรี (ระหว่างปี
2508-2511) นอกากนี้ พ.อ. พระยาศรีวิสารวาจา ยังรักษาการเลขาธิการสภาความมั่นคงอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
และเอาสนั่นมาเป็นเลขาประจำตัว สนั่นก็เลยย้ายสังกัดมาอยู่ที่ สมช. และได้เป็นหัวหน้ากอง
ๆ หนึ่งของ สมช.ระหว่างปี 2513-2518
ที่ สมช. สนั่นมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งชื่อ ประสงค์ สุ่นศิริ มีข่าวว่าสองคนนี้ไม่ค่อยชอบหน้ากันนัก
จะด้วยเหตุอันใดไม่เป็นที่เปิดเผย ช่วงที่ พลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา เป็นเลขา
สมช. อยู่ ประสงค์เป็นลูกน้องคนสนิทที่พลอากาศเอกสิทธิเรียกใช้งานบ่อย ๆ
จนสนั่นรู้สึกว่าอยู่ที่นี่ท่าจะไม่เหมาะเลยขอย้ายไปอยู่ที่สำนักนโยบายและแผน
กระทรวงมหาดไทย
ลูกน้องคนสนิทแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง "สองคนนี้ไม่มีเองอะไรกัน
คุณประสงค์อายุมากกว่าท่านตั้งเกือบรอบ พักหลังตอนที่ท่านถูกย้ายแล้ว เวลาเจอกัน
คุณประสงค์ยังเข้ามาตบไหล่และพูดว่า ตอนนี้หนักหน่อยนะ หนั่น"
แต่คนที่ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยสอบสวนนั่น ก็คือเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ
ประสงค์ สุ่นศิริ!?!
ชีวิตการทำงานที่สำนักนโยบายและแผนของสนั่นก้าวหน้ามาด้วยดี จนได้เป็นผู้อำนวยการเมื่อปี
2525 พอครบสี่ปี ตามระเบียบต้องย้าย แต่ก็ได้รับการต่ออายุอีก 1 ปี จนถึงเดือนกันยายน
2530 ก่อนจะย้ายมาเป็นเลข รพช.
"ทีแรกแกจะไปอยู่กรมที่ดิน แต่มีคนรู้แกว ผู้ใหญ่หลายคนคัดค้าน ก็เลยมาลงที่
รพช. อยู่ได้ไม่นานก็มีเรื่อง" ข้าราชการ รพช. หนึ่งใน 300 คนที่เซ็นชื่อขอย้ายตัวเองเปิดเผย
ลูกน้องคนสนิทคนเดิมแย้งเป็นครั้งที่สามว่าไม่จริงอีก "การแต่งตั้ง
โยกย้ายเป็นหน้าที่ของ อกพ. กระทรวง ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันเงียบ ๆ ได้ ที่ท่านมาอยู่
รพช. นี่เพราะว่าทางผู้ใหญ่ต้องการให้มาจัดการเรื่องการรั่วไหล"
สนั่นนั้นก่อนจะถูกย้ายเข้าประจำการกระทรวงก็ต้องใช้กำลังภายในกันพอสมควร
ถึงแม้ข้าราชการ 300 คนจะลงชื่อขอย้ายตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงราชการไทย
แต่ทางมหาดไทยยังสงสัยว่าจะเป็นลายเซ็นปลอม จนต้องมี "ฮอทไลน์"
จากทำเนียบเรื่องของสนั่นจึงได้จบลงด้วยคำสั่งย้ายที่ออกมาเมื่อวันที่ 3
มีนาคม 2531
"คำสั่งย้ายประจำกระทรวงร่างกันตั้งแต่วันที่ 1 แต่รัฐมนตรีไม่ยอมเซ็นเพราะมีคนไปบอกว่า
300 คนนั่นเป็นลายเซ็นปลอม ก็เลยจะให้มีการสอบสวนก่อนวันที่สามตอนบ่ายมีการประชุมกันอีกที
"ป๋า" โทรไปที่กระทรวงด้วยตัวเองเลย เพราะคนใกล้ชิดเข้าไปบอกกับป๋าว่า
ต้องย้าย ไม่เช่นนั้นตอนเปิดสภาจะยุ่ง เพราะ ส.ส. ที่เดินเรื่องนี้ซึ่งส่วนใหญ่อยู่พรรคกิจสังคม
จะเอาข้อมูลไปให้ฝ่ายค้าน" ข้าราชการคนเดิมกล่าว
สนั่นถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเหิมเกริม ชอบไปคุยเวลาออกตรวจงานว่า อีกสองปีข้างหน้าจะเป็นปลัดกระทรวง
โดยจะใช้เงิน 300 ล้านบาทที่รีดจากผู้รับเหมาซื้อตำแหน่ง ผู้กล่าวหาสนั่นในเรื่องนี้คือ
พิชิต ธีระรัชตานนท์ ส.ส. บุรีรัมย์ พรรคสหประชาธิปไตย โดยเขียนด้วยลายมือ
ลงชื่อจริงแล้วส่งไปให้ ประภัตร โพธสุธน รมช. กระทรวงการคลัง
แม้พิชิตจะยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเขียนจริงและท้าให้สนั่นไปฟ้อง แต่ความเห็นของนักปกครองผู้หนึ่งในกระทรวงมหาดไทยไม่เชื่อว่า
สนั่นจะพูดเช่นนั้น "ถึงแม้ว่าเขาจะมีเจตนาอย่างนั้นจริง ก็คงไม่พูดออกมาเพราะเป็นการฆ่าตัวตายชัด
ๆ ตำแหน่งปลัดกระทรวงถ้าไม่ใช่มาจากสายกรมการปกครองแล้วขึ้นยาก ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อได้
และที่สำคัญตำแหน่งนี้กลายเป็นตำแหน่งการเมืองไปแล้ว ใครจะได้เป็นอยู่ที่นายกฯ
ว่าจะเอาใคร"
ลูกน้องคนเดิมของสนั่นบอกกับผู้จัดการก่อนจากว่า "ท่านเปรยว่าตั้งแต่ทำงานมาช่วงนี้หนักที่สุด
ยิ่งพอถูกย้ายแล้ว ใคร ๆ ก็จ้องจะเล่นท่าน แต่ท่านก็เตรียมสู้เต็มที่ ผิดถูกไปว่ากันในกรรมการสอบสวน"