วสันต์ โพธิพิมพานนท์ 'เอาเงิน 4 ล้านมายัดใต้โต๊ะใช่ไหม'?


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

วสันต์ โพธิพิมพานนท์เป็นเจ้าของรถเบนซ์แวนคันแรกที่นำไปตรวจสภาพ จดทะเบียนแล้วก็มีปัญหา…

วสันต์ก็เหมือนักธุรกิจทั่วไปที่ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเท่าใดนัก ถ้าไม่จำเป็นยิ่งยวดอย่างเบนซ์แวนแล้วนั้นเขาคงไม่จัดการด้วยตนเอง

วันหนึ่งวสันต์ไปติดต่อเรื่องจดทะเบียนเบนซ์แวนที่กองทะเบียน ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเขามักจะใช้ลูกน้องเสียมากกว่า การปรากฏตัวของเขาครั้งนี้สร้างความฉงนสนเท่ห์แก่ใคร ๆ ในกองทะเบียนไม่น้อยเลย

"เฮ้ย มึงจะเอาเงิน 4 ล้านมายัดใต้โต๊ะใช่ไหม" เพื่อนคนหนึ่งของวสันต์ที่เป็นนายตำรวจอยู่ที่นั่นยังไม่วายอดสงสัย และเสียงกระซิบที่ไม่ค่อยเงียบเช่นนี้เลยถูกส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักความฉ้อฉลของการจดทะเบียนเบนซ์แวนว่าต้องมีนอกมีในให้ดูเป็นจริงมากยิ่งขึ้น

ถ้าวสันต์จะเป็นนักธุรกิจที่ทำการค้าอะไรก็ได้ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ปมปริศนาที่พูดกันกระหึ่มช้างต้นอาจดูเป็นเรื่องลม ๆ แล้ง ๆ ที่หยิบหาสาระอะไรไม่ได้

แต่ช่วยไม่ได้ที่วสันต์มาเป็นพ่อค้ารถยนต์ เกือบล่มจมมาครั้งหนึ่งก็เพราะรถยนต์ แล้วร่ำรวยสามารถส่งเมียไปเรียนปริญญาโทที่อเมริกาได้อย่างสบาย ๆ มีเงินมีทองที่จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของหลายบริษัทหลายธุรกิจได้ ก็เพราะรถยนต์ หนำซ้ำรถยนต์ที่ทำให้เขาโชคดีในวันนี้ได้นั้นดันผ่ามาเป็น "รถเบนซ์" เข้าไปอีก

วสันต์เลยต้องตกอยู่ในข่ายต้องสงสัยอย่างช่วยไม่ได้ (อีกที)!!!

วสันต์เป็นเจ้าของบริษัทยงวัฒนาธุรกิจ จำกัด หรือ "เบนซ์ทองหล่อ" ซึ่งเป็นดีลเลอร์รายใหญ่ระดับท๊อปไฟว์ของธนบุรีพานิช ยอดขายเบนซ์ของวสันต์เทียบเคียงกับโค้วยู่ฮะของเสี่ยวิญญู คุวานนท์ได้อย่างสบาย ๆ

สำหรับกรณีเบนซ์แวน วสันต์ก็เป็นคนแรกที่แทบจะกล่าวได้ว่า เขาสามารถมองเห็นหนทางของการ "ฟัน" กำไรได้โดยไม่ลำบากยากเย็น ดังนั้นวสันต์จึงเป็นผู้สั่งจองรถคันแรกและอีก 80 คันเพื่อนำมาขาย

วสันต์นั้นคำนวณคร่าวๆ แล้วว่าถ้าเบนซ์แวนสามารถขายเป็นรถบรรทุกได้โดยไม่ต้องเสียภาษีแล้วจะทำให้ขายได้เร็วขึ้น มีเงินมาใช้มากขึ้น และไม่ต้องเสียดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็นอีกด้วย เมื่อมีการนำรถไปตรวจสภาพครั้งแล้วครั้งเล่า วสันต์จึงลุ้นจนตัวโก่งให้รถเบนซ์แวนอยู่ในข่ายไม่ต้องเสียภาษี

ที่สุดความคิดใฝ่ฝันของวสันต์ก็เป็นจริง!!

ข้อสงสัยที่ว่าเขาเป็นคนวิ่งเต้นจึง "พุ่ง" เข้าสู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!!!

"แหม ก็ขายรถเนซ์แวนเที่ยวนี้เขากำไรไม่รู้กี่สิบล้าน ชื่อเสียงฟู่ฟ่าทันตาเห็นมันก็น่าอยู่หรอกที่ชวนให้สงสัย" แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าว ขณะที่วสันต์ปฏิเสธเสียงเดียวว่า

"ผมไม่เคยทำอย่างที่ถูกกล่าวหาเลย จริง ๆ แล้วขายก็ไม่ได้กำไรนัก อย่างดีก็ได้เงินมาใช้จ่ายหมุนเวียนโดยที่ไม่ต้องไปกู้แบงก์เท่านั้นเอง อย่างที่บอกว่าผมสนิทกับ พ.ต.อ. อัมรินทร์ เนียมสกุล ก็ไม่ได้รู้จักกันเลย พ่อเขาคุณประหยัด เป็นคนขายรถเก่าแต่เราก็เพิ่งมารู้จักกัน ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของยงวัฒนาธุรกิจแต่อย่างไร"

"ผมไม่สบายใจนัก" วสันต์สรุปสั้น ๆ กับ "ผู้จัดการ"

เขาจะกำไรมากน้อยเท่าไรนั้น ก็ลองคิดกันเองเองว่ารถเบนซ์แวนคันหนึ่งขายในราคาเจ็ดแสนห้าหมื่นบาท ดีลเลอร์ตัดราคามาจากบริษัทตัวแทนที่ต่ำกว่านี้ไม่น้อย คันหนึ่ง ๆ เฉลี่ยแล้วกำไรหนีไม่พ้นหนึ่งแสนบาท

แค่นี้ดีลเลอร์ก็กำไรเป็นปื้นแล้ว… ส่วนวสันต์จะเป็นหัวหอกวิ่งเต้นให้ขายคล่องหรือเปล่านั้น ก็คงไม่มีใครบอกได้อย่างแน่ชัดนอกเสียจากหลักฐานที่ผู้กระทำแต่ละรายรู้อยู่แก่ใจของตัวเองดี!?

วสันต์หรือ "ฮะ" หรือ "เก๋ง" เป็นคนกาญจนบุรี เขากับพี่ชายเป็นตัวแทนขายรถยนต์โตโยต้าอยู่ที่เมืองกาญจน์ แม้ว่าเตี่ยจะเป็นคนจีนที่หอบเสื่อผืนหมอนใบมาทำมาหากินในเมืองไทย ทว่าครอบครัวของเขาก็ได้ชื่อว่า เป็นเจ้าที่ดินรายใหญ่คนหนึ่งของจังหวัด "ตระกูลนี้เขาค้าขายอย่างเฉียบขาดจริง ๆ ตัวฮะเองนั้นเด็ก ๆ ไม่ค่อยเอาถ่านนัก ที่ไปเรียนเมืองนอกไม่รู้ว่ามันจบจริงหรือเปล่า ชื่อเดิมของมันคือ ฮะ ชื่อเก๋งนั้นเพื่อนที่เรียนเมืองนอกเรียกทีหลัง" คนเมืองกาญจน์ที่รู้จักครอบครัวนี้ดีบอกกับ "ผู้จัดการ"

วสันต์เคยเกือบพลิกคว่ำมาแล้วคราวที่ตลาดรถยนต์ญี่ปุ่นประสบปัญหา ดีที่ว่าพื้นฐานของครอบครัวเขาและพี่ชายค่อนข้างจะแน่นเลยรอดพ้นมรสุมมาได้ ตอนหลัง ๆ ตัววสันต์เองเลยเร่หาที่ทำกินแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ โดยเป็นเอเย่นต์ขายโตโยต้าและเบนซ์ในนามบริษัทยงวัฒนาธุรกิจ

คนในวงการบอกว่า "เขารวยขึ้นมาเที่ยวนี้เพราะเบนซ์แท้ ๆ เทียว"

ในอดีตวสันต์เป็นรายแรกที่ทำธุรกิจรถแท็กซี่ลีมูซีนในการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ก่อนที่สัญญาจะหมดลงและถูกพระพิราพขนส่งยึดหัวหาดไปครอง (ปัจจุบันกิจการประเภทนี้อยู่ในกำมือบริษัทปิยะอนันต์ของปิยะ อังกินันท์ คนโตเมืองเพชรบุรี)

กิจการรถลีมูซีนนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นบรรทัดฐานของการก่อร่างสร้างตัวอีกทางหนึ่งของวสันต์เท่านั้น หากยังเป็นข้อต่อที่ทำให้เขาสนิทสนมกับพ่อค้าเพชรที่รวยแบบเงียบ ๆ ของเมืองไทยอีกหายคน ซึ่งข้อต่อนั้นกำลังจะส่งผลทางธุรกิจแก่วสันต์ในอนาคตไม่ช้านี้แล้ว!!!

ปี 2531 เป็นปีที่วสันต์บอกกับคนใกล้ชิดว่า เขาจะรุกหนักทางธุรกิจโดยขณะนี้ได้เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนิวส์เน็ทเวอร์ค จำกัด ที่ประมูลผลิตรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ได้ งานมีเดียนี้วสันต์เชื่อมั่นมากว่าจะมีประโยชน์ต่อเขามากในอนาคต "คิดดูเถอะแม้แต่คุณชาตรีแกยังลงเล่นเลย" เขากล่าวพร้อมกับท่าทีขึงขังเอาจริงเอาจัง

การลงทุนโครงการใหญ่อีกโรงการหนึ่งของเขาก็คือ การร่วมกับเลย์แลนด์บัสของอังกฤษเปิดบริการเดินรถเมล์สองชั้นในกรุงเทพฯ ซึ่งโครงการนี้จะต้องจ่ายเงินกินเปล่าเป็นค่าสัมปทานให้กับ ขสมก. 900 ล้านบาท และต้องใช้จ่ายเงินขั้นแรกไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านสำหรับการต่อรถไม่น้อยกว่า 600 คัน ซึ่งจะเริ่มต้นอย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า

โครงการนี้นอกจากตัววสันต์แล้วยังมีพ่อค้าเพชรร่วมด้วยส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็คือลูกค้ารถเบนซ์ของเขานั่นเอง

แต่ละโครงการที่เขาก้าวเข้าไปจับล้วนปึ้ก ๆ ทั้งนั้น

จับตานักธุรกิจโนเนมรายนี้ไว้ให้มากเถอะ อีกไม่ช้าข้อสงสัยต่าง ๆ ก็จะคลี่คลายเอง ซึ่งบางทีวสันต์เองก็อยากจะให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ เพื่อพิสูจน์ให้รู้ว่า "ตัวเขา"นั้นสะอาดพอ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.