ถ้ามีใครสักคนมาบอกว่า "ฮอลลีวู้ด" โรงภาพยนต์ชั้นหนึ่งริมถนนเพชรบุรีกำลังจะถูกทุบทิ้ง
เพื่อสร้างเป็น "ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์" และอาคารพาณิชย์ขึ้นแทนที่
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงไม่เพียงรู้สึกประหลาดใจ แต่อาจยังรู้สึกเสียดายโรงภายนตร์เก่าแก่ที่นำความบันเทิงสนกสนานมาสู่ทุก
ๆ คนตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมาอยู่ไม่น้อย
เช่นเดียวกับการกล่าวถึง "สมชาย กิตติพราหมณ์" เจ้าของโครงการมูลค่าร้อยกว่าล้านนี้
ถึงแม้จะมีคนเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้างจากโครงการหลายโครงการ แต่ก็มีคนอีกมากหลายเช่นกันที่จะต้องคิดว่าคนนี้เป็นใครและกำลังจะทำอะไรกันแน่?
สมชายจบมัธยมศึกษาปีที่ 1 จากเซนต์คาเบรียล ไปศึกษาต่อชั้นมัธยมทั่วไปที่
MONTFORD HIGHSCHOOL ประเทศอินเดียจนจบไฮสกูล ต่อจากนั้นก็ไปศึกษาด้านการบริหารโรงแรมที่
ECOLE HOTELLIRIE ET DE GILON สวิตเซอร์แลนด์ ย้ายไปศึกษาต่อด้าน ENGINEER
ที่เยอรมัน ก่อนที่จะมาเรียนเพิ่มเติมอีกที่ OKLAHOMA เป็นเวลา 3 ปี
เริ่มงานครั้งแรกเมื่อครั้งที่เขาเรียนจบที่เยอรมัน ในโรงงาน RHIN KALT
FACTORY ทำอยู่ไม่ถึงปีก็เปลี่ยนงาน ไปทำด้านโรงแรม REGINA HOTEL ในสวิตเซอร์แลนด์อยู่ระยะหนึ่งก่อนกลับประเทศไทย
กับวงการธุรกิจในเมืองไทย สมชายเริ่มจับงานด้านโรงภาพยนตร์ทั้งฮอลลีวู้ด
พาราเม้าท์ และโคลีเซี่ยม เมื่อวิดีโอเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้กิจการด้านโรงภาพยนตร์ช่วงหนึ่งซบเซาลง
สมชายจึงต้องหาหนทางใหม่
คราวนี้เขาทำการศึกษาธุรกิจทางด้านห้างสรรพสินค้า เพราะเขามองว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและอนาคต
กิจการค้าเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้าน่าจะไปได้ดี สมชายเริ่มศึกษาด้วยการบินไปดูงานของห้างสรรพสินค้าจัสโก้ที่ญี่ปุ่น
สมชายใช้เวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นนานพอสมควร ยิ่งตอนนั้นห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้นมากมายราวดอกเห็ด
แต่สมชายก็ไม่กลัว เพราะเขานึกว่ายังไง ๆ เค้กก้อนนี้เขาตัดแบ่งมาสักชิ้นคงไม่เป็นไร
จึงตั้งห้างสรรพสินค้าของเขาเองชื่อ "สยามจัสโก้" ขึ้นย่านถนนรัชดาภิเษก
สยามจัสโก้ในระยะเริ่มแรกอาจกล่าวได้ว่า เป็นห้างสรรพสินค้าที่ "อหังการ"
ที่สุดในหมู่ห้างสรรพสินค้าที่เปิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เพราะขยายสาขาเกือบพร้อม
ๆ กัน ในระยะเวลาที่ไล่เลี่ยกันถึงสองสาขา ซึ่งตัวสมชายเองภูมิใจหนักหนาในช่วงเวลานั้น
"แต่เขาก็ต้องหันมาปรับตัวอีกมากเหมือนกัน ตั้งแต่มีข่าวว่าแถวสยามจัสโก้เป็นที่ที่จอดรถทิ้งไว้แล้วหายมากที่สุด"
แหล่งข่าวที่รู้เรื่องดีบอกกับ "ผู้จัดการ" ถึงปัญหาของสยามจัสโก้ที่ช่วงหนึ่งยอดขายตกลงฮวบฮาบ
ด้วยความที่เขายังเป็นคนหนุ่ม และไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ครั้งนี้เขาจึงคิดจะสร้าง
"ฮอลลีวู้ด สตรีท" ขึ้นมาอีกโครงการหนึ่งบนพื้นที่ที่เป็นโรงหนังฮอลลีวู้ดปัจจุบัน
"เขาต้องการให้โครงการของเขาเป็นเสมือนช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่งมารวมกันทั้ง
SAK FIFTH AVENUE ในอเมริกา CHAMPS ELYSEES ของฝรั่งเศส OXFORD STREET ในอังกฤษ
รวมทั้ง VIA VENETO ในอิตาลี และ HARAJUKU ในญี่ปุ่นด้วย"
ความคิดของเขาแม้จะเป็นที่ยอมรับว่า มันน่าเป็นไปได้ที่จะสร้างอาคารพาณิชย์และป้อปปิ้งเซ็นเตอร์ขึ้นมาแทนที่โรงภาพยนตร์ที่เขาคิดว่ากิจการนี้กำลังจะแย่ลง
แต่เอาเข้าจริง ๆ ความคิดของเขาเองก็ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยมากนัก
นั่นเนื่องจากในครั้งแรกที่สมชายเปิดตัวโครงการ "ฮอลลีวู้ด สตรีท"
ของเขาจะเป็น "ศูนย์ค้าผ้าและบูติก" เพื่อการส่งออกที่ทันสมัยและสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย
จะมีสำนักงานจัดซื้อของบริษัทต่างประเทศอยู่ในโครงการ มีสำนักข่าวสารสำหรับการส่งออกเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าภายในและต่างประเทศที่จะมารับซื้อ
ฯลฯ
ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าแตกต่างอย่างมากกับแผนงานโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่จัดขึ้นในงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า
และสื่อมวลชนที่โรงแรมเอเชีย เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
ที่ "ฮอลลีวู้ด สตรีท" ในงานนี้กลับกลายเป็น "ช้อปปิ้ง
สตรีท" เป็นศูนย์การค้าที่เป็นแหล่งรวมของสินค้าที่มีคุณภาพและเปิดทำการตลอด
24 ชั่วโมง
"ตอนนี้แผนที่จะทุบฮอลลีวู้ดทิ้งนี้ก็จะเริ่มกันจริงจังเร็ว ๆ นี้แต่ก็ยังมีการถกเถียงกันว่าโครงสร้างภายในจะทำยังไงกันแน่
เพราะถ้าจะเอาตามแบบที่คิดไว้ทั้งหมดมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรือพูดให้ชัด ๆ
ก็เป็นไปไม่ได้เลยดีกว่า" แหล่งข่าวที่รู้เรื่องดีบอก "ผู้จัดการ"
วันนี้ สมชาย กิตติพราภรณ์ อาจเป็นผู้บริหารหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังจะประสบความสำเร็จกับโครงการใหม่ที่เขาบอกว่า
มีคนให้ความสนใจและจับจองเป็นเจ้าของมามากกว่า 80% แล้ว แต่โดยนัยกลับกันก็ไม่แน่ว่าถ้าเขาไม่สามารถค้นพบและวางแนวทางที่ถูกต้องให้แก่งานของเขา
โครงการนี้ก็อาจมีสภาพเหมือนโรงหนังที่ถูกทุบทิ้งหาคุณค่าอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน