ข้าวถุงจ่อขึ้นราคาต้นปีหน้า เจียเม้งปรับทิศรุกข้าวสุขภาพ


ASTVผู้จัดการรายวัน(25 สิงหาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

เจียเม้ง หวั่นซัปพลายข้าวไม่พอ แม้ภาครัฐเปิดประมูลข้าว 3แสนตัน ระบุข้าวบรรจุถุงหอมมะลิสามารถตรึงราคาสิ้นปี ต้นปีส่อแววขึ้นราคาอีกระลอก ปรับตัวโฟกัสข้าวเซกเมนต์เพื่อสุขภาพ รับตลาดโต ปั้นวีไลฟ์ตอกย้ำบัลลังก์ผู้นำตลาดกวาดแชร์ 20% สิ้นปีรายได้โต 30% หรือ 1,700 ล้านบาท

นางโสพรรณ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายข้าวหงษ์ทอง เปิดเผยว่า สถานการณ์ข้าวในขณะนี้ซัปพลายยังไม่เพียงพอกับความต้องการตลาด แม้ว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยการเปิดประมูลข้าวในสต็อกจากโครงการรับจำนำข้าว 3 แสนตัน เพื่อให้ผู้ประกอบการตรึงราคาข้าวบรรจุถุงหลังจากมีแผนปรับราคาข้าวหอมมะลิบรรจุถุงขึ้น 10%ในเดือนสิงหาคม จากปัจจุบันขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 190-200 บาท ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ประมูลข้าว 1 แสน และภาครัฐยังคงเหลือข้าวในสต็อก 2 แสนตัน โดยในวันที่ 26 สิงหาคม นี้ รัฐบาลจะเปิดประมูลข้าวอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทมีข้าวในสต็อก 1-2 เดือน และจากการที่ประมูลข้าว 1 แสนตัน คาดว่าจะมีสต็อกได้นาน 3-4 เดือน จึงสามารถตรึงราคาข้าวได้นานประมาณถึงสิ้นปี และมีแนวโน้มว่าราคาข้าวจะปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2553 นี้ ปัญหาซัปพลายข้าวที่ไม่เพียงพอในขณะนี้ และต้นทุนค่าขนส่งที่ปรับขึ้น 10% จากราคาน้ำมันที่เพิ่มจากกว่า 20 บาท เป็นกว่า 30 บาท และราคาพลาสติก ค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถานการณ์ข้าวบรรจุถุงจะเริ่มมีการทำโปรโมชันลดลง จากที่ผ่านมาผู้ประกอบการ ลด แลก แจก แถม อย่างรุนแรง

“การประมูลข้าวจากโครงการจำนำข้าวในครั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องเข้าไปในตลาดซื้อขายราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทำให้ควบคุมราคาไม่ได้ ราคาข้าวไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงจากการที่มีผู้เข้ามาเก็งกำไร โดยโครงการประกันราคาข้าว น่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่าโครงการรับจำนำข้าว เพราะมีการทุจริต และทำให้กลไกราคาบิดเบือน”

นโยบายการตลาดบริษัทโฟกัสเซกเมนต์ข้าวเพื่อสุขภาพควบคู่กับความสะดวกสบาย รองรับตลาดข้าวเพื่อสุขภาพที่เติบโต 30% เมื่อปีที่ผ่านมาจากมูลค่า 450 ล้านบาท และคาดว่า 3 ปี มูลค่าเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท ล่าสุดได้เปิดตัวข้าว “วีไลฟ์ บาย หงษ์ทอง” 3 รายการ คือ ข้าวกล้องเพาะงอก ข้าวสามกษัตริย์และข้าวหอมชมพู

นางโสพรรณ กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดข้าวบรรจุถุงมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% เพราะไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆมากระตุ้นตลาด และเซกเมนต์ระดับกลางยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้คนหันไปกินข้าวระดับล่าง เมื่อเทียบกับข้าวระดับพรีเมียมไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่เซกเมนต์ข้าวเพื่อสุขภาพ เติบโตได้อีกมากในอนาคตเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20% จากมูลค่าตลาดข้าวบรรจุถุง 2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทจัดทำกิจกรรมการตลาด โดยเน้นการจัดบูธชงชิม เพื่อเข้าตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย การทำโปรโมชัน ณ จุดขาย ในช่วงเดือนตุลาคม รูปแบบเอ็กซ์คูลซีฟแต่ละช่องทางจำหน่าย ด้านคู่แข่งในข้าวเพื่อสุขภาพขณะนี้มี 10 ราย อาทิ ข้าวมาบุญครอง เป็นต้น ส่วนข้าวหอมมะลิบรรจุถุงกว่า 50 ราย และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกบริษัทตั้งเป้าข้าวเพื่อสุขภาพวีไลฟ์มียอดขาย 4 หมื่นถุง หรือมียอดขายจาก 50 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท และผลักดันส่วนแบ่งเพิ่มจาก 11% เป็น 20% ในสิ้นปีนี้รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดมูลค่า 450 ล้านบาท นอกจากนี้ยังวางแผนส่งออกข้าวเพื่อสุขภาพวีไลฟ์ทำตลาดต่างประเทศ

จากการปรับกลยุทธ์โฟกัสกลุ่มสินค้าพรีเมียมและระดับล่าง การทำโปรโมชันที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มจะ ผลักดันให้สิ้นปีนี้บริษัทเติบโต 30% หรือมีรายได้ 1,700 ล้านบาท โดยปัจจุบันข้าวหงษ์ทอง เป็นผู้นำตลาดข้าวบรรจุถุงหอมมะลิ ครองส่วนแบ่งมากกว่า 20% จากมูลค่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ข้าวหอมมะลิ 70% ข้าวขาว และข้าวเพื่อสุขภาพ 30%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.