ดร. ป๋วย อึ๊งภาภรณ์ กับอาหารกลางวันพื้น ๆ ที่แบงก์ชาติ


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

วันหนึ่ง ๆ แขกแบงก์ชาติก็คงจะมีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแขกสำคัญบนโต๊ะอาหารมื้อกลางวันของผู้บริหารก็น่าจะมีเป็นจำนวนไม่น้อย

เพียงแต่แขกของแบงก์ชาติผู้นี้ ก็คงจะทั้งสำคัญและพิเศษเป็นพิเศษจริง ๆ

แขกของแบงก์ชาติผู้นี้ไม่ใช่แขกของกำธร สถิรกุล ผู้ว่าแบงก์ชาติหรือแขกของฝ่ายบริหารคนใดคนหนึ่ง กล่าวให้ตรงเนื้อหาสาระแล้วแขกผู้นี้เป็นแขกสำคัญของคนแบงก์ชาติทุกคน ตั้งแต่ยามรักษาการณ์เจ้าหน้าที่ระดับผู้น้อย ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับผู้ใหญ่และอาจหมายรวมถึงอดีตเจ้าหน้าที่ของแบงก์ชาติอย่างเช่น ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ ที่ได้ดิบได้ดีมีตำแหน่งทางการเมืองเป็นรัฐมนตรีช่วยคลังอีกด้วย

วันนั้นวันที่ 3 เมษายน 2530 เวลาใกล้เที่ยง

รถวอลโว่สีขาวใหม่เอี่ยมป้ายทะเบียนยังเป็นสีแดงของแบงก์ชาติเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังหนึ่งที่ปิดลับ (ทำไมต้องปิดลับด้วยก็อย่าไปตั้งคำถามเลย) ขับเคลื่อนเข้าประตูด้านหน้าของอาคารที่ทำการธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างช้า ๆ ที่ด้านหน้าอาคารนอกจากกำธร สถิรกุล ผู้ว่าแบงก์ชาติผู้บริหารเกือบทุกคนแล้วพนักงานแทบทุกระดับจำนวนนับพัน ยืนกับเบียดเสียดทุกคนกำลังรอพบอาคันตุกะผู้มาพร้อมกับวอลโล่สีขาวคันนั้น

ชายชรามากแล้ว แต่งตัวชุดลำลองไม่พิถีพิถันก้าวลงจากรถด้วยท่าทีไม่ทะมัดทะแมง ต้องมีคนช่วยประคอง กำจร สถิรกุล ตรงเข้ามอบช่อดอกไม้ท่ามกลางเสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหวของพนักงานแบงก์ชาติ

เสียงปรบมือนั้นยาวนานมาก ๆ หลายคนน้ำตาซึมด้วยความปิติที่มีโอกาสได้พบกับแขกสำคัญผู้นี้ ภายหลังมิได้พบกันนานนับสิบปี....อาจตั้งแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์วิปโยควันที่ 6 ตุลาคม 2519 แล้วกระมัง

แขกผู้นั้นก้าวเดินอย่างเชื่องช้า ตลอดทางเดินเพียงเปิดเป็นช่องแคบ ๆ ที่สองข้างถูกขนาบด้วยพนักงานแบงก์ชาติจำนวนมาก บางคนมอบช่อดอกไม้ หลายคนมีมะม่วงนำมามอบให้เพราะทราบว่าท่านชอบทานอย่างยิ่งและบางคนก้มลงกราบแทบเท้าด้วยความเคารพ

ไม่มีเสียงทักทายเนื่องจากแขกสำคัญนี้ป่วยจนกล่าววาจาไม่ได้นานแล้ว มีแต่เสียงปรบมือ น้ำตาที่ซึมออกมาอย่างไม่ตั้งใจและความพยายามที่จะเบียดเสียดเข้าใกล้ตัวเพื่อให้ได้มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิดบ้าง

เป็นบรรยากาศที่อบอุ่น ทรงเกียรติภูมิที่แขกผู้มาเยือนได้รับโดยไม่ได้มีการตระเตรียมให้มีพิธีรีตองล่วงหน้าเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างดำเนินไปด้วยหัวใจของทุกคนจริง ๆ

แม้กระทั่งอาหารกลางวันมื้อนั้นก็เพียงราดหน้าของว่างจำนวนหนึ่งกับข้าวเหนียวมะม่วงซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของแขกผู้นี้เท่านั้น

แขกสำคัญผู้นี้ครั้งหนึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

ยุคสมัยขณะดำรงตำแหน่งนั้นเป็นบุคสมัยที่แบงก์ชาติรุ่งเรืองและมีศักดิ์ศรีมาก ๆ หลายคนที่เป็นผู้บริหารแบงก์ชาติขณะนี้ล้วนเป็นลูกศิษย์ที่ท่านจัดหาทุนให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ

เสร็จอาหารกลางวัน แขกผู้นี้จึงเดินไปดูห้องทำงานเก่าของท่านภายในอาคารเก่าวังบางขุนพรหม จากนั้นการแวะเยี่ยมเยียนอย่างไม่มีพิธีรีตองก็จบลง

ทิ้งไว้เพียงความปลื้มใจและความอาลัยที่มีต่อแขกสำคัญผู้นี้

แขกที่จริง ๆ แล้วไม่อาจนับเป็นแขกเพราะท่านชื่อ ดร. ป๋วย อึ๊งภาภรณ์ อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคนที่เคยถูกตราหน้าอย่างหยามเหยียดระหว่างเหตุการณ์เลวร้าย 6 ตุลาคม 2519 กระทั่งต้องเดินทางไปพำนักที่ประเทศอังกฤษและไม่เคยเดินทางกลับบ้านเกิดอีก การมาเยี่ยมแบงก์ชาติวันนั้นเป็นวันหนึ่งของการเดินทางกลับไทยช่วงสั้น ๆ เพียงหนึ่งเดือนของ ดร. ป๋วย

ดร. ป๋วย เดินทางกลับมาอย่างเงียบ ๆ พยายามวางตัวไม่ให้เอิกเกริก

เพียงแต่เกียรติภูมินั้นยิ่งใหญ่นัก

หลายปีมานี้แบงก์ชาติก็คงจะได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่า "เกียรติภูมิ" ก็คงวันนั้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.