|
PSLใจป้ำปันผลรอบสองปีนี้อีก40สตางค์ เมินกำไรหดเหลือ1.08พันล.เหตุค่าระวางต่ำ
ASTVผู้จัดการรายวัน(6 สิงหาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
บอร์ดพรีเชียสฯ ไฟเขียวจ่ายปันผลหุ้นละ40 สตางค์ แม้ผลงานไตรมาส 2 กำไรหดเหลือแค่ 1.08 พันล้านบาท ต่ำกว่าปี 51 ที่ทำไว้ 1.24 พันล้านบาท เหตุอัตราค่าระวางเรือลดและสัญญาเช่าเรือบางลำหมดอายุ เร่งขายเรือเพื่อลดจำนวนกองเรือหวังลดภาระค่าใช้จ่ายเดินเรือ พร้อมเตรียมเงินซื้อเรือมือสองแทนเรือที่ขายทอด เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ปีนี้เน้นปล่อยสัญญาเช่าระยะยาวป้องกันความเสี่ยง วางแผนซื้อเรือมือสองแทนเรือที่ขายไปเพื่อเพิ่มจำนวนกองเรือ
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาซิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 52 ว่าบอร์ดมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ ครั้งที่ 2 สำหรับปี 2552 จากกำไรสะสม ณ วันที่ 30มิถุนายน 2552 ที่อัตรา 0.40 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 กันยายน 2552 แม้ผลประกอบการสิ้นไตรมาส 2 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.08 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 1.24 พันล้านบาท หรือลดลง 0.16 พันล้านบาท คิดเป็น 12.90% ผลจากอัตราค่าระวางเรือ ( BDI ) ปรับลดลงและสัญญาเช่าเรือบางลำหมดอายุ
โดยก่อนหน้านี้บอร์ดบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครั้งที่ 1 สำหรับปี 2552 จากกำไรสะสม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 อัตราหุ้นละ 0.40 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 มิถุนายน 2552
นายคาลิดกล่าวว่าปัจจุบันบริษัทมีกองเรือทั้งหมด 28 ลำ จากช่วงต้นปี 52 ที่มีกองเรือ 44 ลำ โดยจำนวนกองเรือที่ปรับลดลงนั้นมาจากการทยอยขายเรือออกไป 16 ลำ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้จากแผนที่วางไว้ว่าจะขายเรือทั้งหมด 25 ลำ ซึ่งจากจำนวนเรือที่ขายไปแล้วนั้นยังคงเหลืออีก 1 ลำ ที่รอการส่งมอบเดือนสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ดี หากสามารถขายเรือได้ตามแผนที่วางไว้จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือต่อวัน ต่อลำเรือปรับลงมาอยู่ที่ 4,850 ดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่มีค่าใช้จ่าย ณ สิ้นมิถุนายน 52 อยู่ที่ 4,990 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเรืออีก 9 ลำ บริษัทมองว่าน่าจะขายออกไปหมดภายในระยะเวลา 12 เดือน
นอกจากนี้ทาง PSL ยังมีแผนจะซื้อเรือมือสองเข้ามาทดแทนจำนวนกองเรือที่ได้ขายออกไปทั้งหมด โดยใช้เงินจากกระแสเงินสดที่มีอยู่ 500-550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือเป็นเงินที่ได้จากการขายเรือทอดตลาด
" ปีนี้นโยบายการจัดการเกี่ยวกับสัญญาเช่าเรือ เราคงจะเน้นปล่อยเรือให้เช่าเป็นสัญญาระยะยาว เพราะเป็นการช่วยลดความผันผวนของตลาดรายวันในช่วงเวลานั้นได้ ซึ่งเป็นนโยบายเดียวกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ที่บริษัทประสบผลสำเร็จมาแล้ว ส่วนการที่ดัชนี BDI สิ้นไตรมาส 2/52 จะปรับตัวลดลงเหลือ 1,3950 ดอลลาร์ต่อวันต่อลำ จากพิษเศรษฐกิจนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะทำให้ต้องปรับเป้าหมายอัตราค่าระวางเรือ ปีนี้ที่ตั้งไว้ 14,000 ดอลลาร์ต่อวันต่อลำ เพราะตัวเลขดังกล่าวถือว่าใกล้เคียงกับเป้าที่ตั้งไว้ และบริษัทเองก็เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังอัตราค่าระวางเรือน่าจะปรับเพิ่มขึ้น ในระดับที่เราประเมินได้ " นายคาลิดกล่าว
สำหรับปี 52 บริษัทฯคาดการณ์ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจว่าจะยังคงไม่ค่อยดีนัก โดยจากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ( IMF ) ล่าสุดประเมินว่าการค้าของโลกจะหดตัวลงประมาณ 11% และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( GDP ) ของโลกจะปรับลงเหลือเพียง 1.3% แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปีหน้าอาจจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเล็กน้อย
ส่วนทิศทางการปลดระวางเรือในธุรกิจเดินเรือทั่วโลกที่ดำเนินการอยู่นั้นจะ เริ่มช้าลงอันเป็นผลมาจากการแข็งแกร่งของตลาดค่าระวางเรือในไตรมาส 2 ปีนี้ 52 พบว่าเรือ 60 ลำ ได้ถูกปลดระวาง ขณะที่มีเรือใหม่เข้ามาเพียง 28 ลำ ส่งผลให้กองเรือลดลงจาก 3,142 ลำ ลดเหลือ 3,100 ลำ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 52 ดังนั้น จึงคาดว่าน่าทำให้บริษัทที่มีกองเรือในกลุ่มเดียวกับ PSL มีจำนวนเรือลดลง 5-7% ต่อปี ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่จะทำให้อุปสงค์และอุปทานปรับตัวเท่ากันทำให้เกิดความ สมดุลมากขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|