ถ้าเอ่ยถึง มร. วี. เอ็ม. ดโวรัก ชาวเช็คโกสโลวาเกีย กรรมการผู้จัดการบริษัท
รองเท้าบาจาแห่งประเทศไทย ระหว่างปี 2502-2521 ซึ่งเสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจ
และณาปนกิจศพไปแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2530 ณ เมรุวัดธาตุทอง คงมีไม่กี่คนนักที่รู้จัก
แต่ถ้ากล่าวถึงรองเท้าบาจาคนทั่วไปจะรู้จักดีในฐานะรองเท้าที่มีราคาเป็นเอกลักษณ์ที่ลงท้ายด้วยเลข
9
และคนที่อยู่ในวงการตลาดหุ้นจะรู้ดีว่า ในปี 2520-2521 นั้นมูลค่าหุ้นบาจาสูงขึ้นถึง
800-900 บาท จากราคาพาร์ 100 บาท และในปี 2521 จ่ายเงินปันผลถึง 50 บาท/หุ้น
สำหรับนักศึกษาที่เรียนวิชาการตลาดมักจะรู้จักบาจาในฐานะที่เป็นนักศึกษา
ที่อาจารย์นำมาสอนเรื่องกลยุทธการตลาดและไม่เพียงนักศึกษาเท่านั้นที่ศึกษา
CASE ของบาจา แม้แต่ผู้ผลิตรายใหม่และรองเท้าที่กำลังมีชื่อขณะนี้บางยี่ห้อก็ศึกษา
CASE ของบาจาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนลงทุนด้วยซ้ำไป
คงไม่ผิดถ้าจะกล่าวว่าผู้มีส่วนสำคัญทำให้บาจาเป็นที่รู้จักเช่นทุกวันนี้คือ
ถึง มร. วี. เอ็ม. ดโวรัก อดีตกรรมการผู้จัดการ ที่ทำงานอย่างหนักมาตลอด
20 ปี
ถึง มร. วี. เอ็ม. ดโวรัก เข้าร่วมงานกิจการรองเท้าบาจาครั้งแรกที่เมืองชลิน
ประเทศเช็คโกสโลวาเกีย ในปี 2472 ขณะอายุได้เพียง 14 ปี และได้เข้ารับการศึกษาจนจบหลักสูตรจากโรงเรียนด้านเทคนิคด้านการผลิตและการจัดการของกิจการรองเท้าบาจา
ซึ่งเป็นสถาบันที่ฝึกสอนให้มีความรู้ความสามารถในการผลิตรองเท้าอย่างแท้จริง
จากนั้นก็ได้ร่วมงานกับกิจการรองเท้าบาจาในประเทศต่าง ๆ มาโดยลำดับ ในปี
2476 ที่ประเทศอังกฤษ ปี 2477-2480 ที่ประเทศออสเตรเลีย ปี 2491 ที่ประเทศอินเดีย
ปี 2492-2501 ที่ประเทศสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย และตั้งแต่ปี 2502-2521
ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการรองเท้าบาจาประเทศไทย จนกระทั่งปลดเกษียณ
"ท่านมารับตำแหน่งในต้นปี 2502 ขณะที่บริษัทฯ กำลังประสบปัญหาและความยุ่งยากในด้านการผลิตและจัดจำหน่าย
แต่ท่านก็ใช้บุคลิกความเป็นผู้นำและประสบการณ์นำทีมพนักงานบาจาฝ่าฟันอุปสรรคนั้นผ่านมาได้"
พนักงานระดับสูงของรองเท้าบาจากล่าวถึง ถึง มร. วี. เอ็ม. ดโวรัก ด้วยความชื่นชมและด้วยความสามารถในการทำงานอย่างมืออาชีพจึงทำให้ราคาหุ้นบาจาก่อนที่เขาจะปลดเกษียณสูงถึง
800-900 บาท ทั้งให้เงินปันผล 50 บาท/หุ้น
ไม่เพียงแต่ ถึง มร. ดโวรัก จะทำงานอย่างมีหลักการ ความรู้ KNOW HOW ที่พัฒนาอุตสาหกรรมรองเท้าได้อย่างแท้จริงเท่านั้น
ในด้านพัฒนาคน มร. ดโวรักก็เน้นการพัฒนาบุคลากรของบาจามาตลอดเวลาที่เป็น
M.D. ทั้งปฏิบัติต่อลูกน้องดุจพ่อปฏิบัติกับลูก
"ในช่วงที่ท่านอยู่และมีการสนับสนุนส่งคนไปฝึกอบรมหรือเรียนต่อในต่างประเทศนั้นท่านจะคอยดูแลทุกอย่าง
สอบถามถึงเอกสารที่ต้องใช้ ดูแลกระเป๋าเสื้อผ้าจะช่วยดูว่าเอาเสื้อนอกไปกี่ตัว
ถุงเท้ากี่คู่ พอกันหนาวได้ไหม" ผู้จัดการฝ่ายบุคคลรองเท้าบาจาเล่าให้
"ผู้จัดการ" ฟังถึงการที่ มร. ดโวรักปฏิบัติต่อพนักงานเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน
หลังจาก มร. ดโวรักปลดเกษียณ ตั้งแต่ปี 2522 บริษัทรองเท้าบาจาขาดทุนมาตลอด
เพราะช่วงเวลาดังกล่าวสถานการณ์เปลี่ยนแปลงมากมาย ตั้งแต่อัตราดอกเบี้ยสูงในปี
2522 การมีคู่แข่งใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดมากหน้าหลายตาขึ้น รวมทั้งการตลาดและระบบการจัดจำหน่ายที่สู้คู่แข่งรายใหม่
ๆ ไม่ได้ บาจาช่วงนั้นปรับตัวไม่ทัน จึงขาดทุนมาตลอดจนเพิ่งจะมีกำไรในปี
2529 ที่ผ่านมา
"ตลอดระยะเวลาที่บาจาขาดทุนนั้น มร. ดโวรักก็มีความเป็นห่วงเป็นใยบริษัท
แม้ขณะนั้นไม่ได้มีส่วนในการบริหารงานแล้วก็ตาม แต่ก็เยี่ยมเยียนบริษัทเสมอ"
"ครั้งที่ท่านป่วยหนักไปเยี่ยมบอกให้ดีใจว่า ปีที่แล้วบริษัทได้กำไร
ท่านก็ดีใจแต่ก็ยังถามด้วยความเป็นห่วงว่า บริษัทกำไรเท่าไร" เฉลิม
จันทรอุไร กล่าวถึง มร. ดโวรักที่ผูกพันกับบาจามาตลอด
มร. ดโวรักนั้นไม่มีครอบครัวและใช้ชีวิตในเมืองไทยมาตลอด ทั้งเป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาค้นคว้าพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
ถึงแม้ มร. ดโวรักจะจากไปโดยไม่มีคนในครอบครัวอยู่ข้าง ๆ แต่เขาก็สิ้นลมในแผ่นดินที่เขารัก
โดยมีคนที่เขาเทรนขึ้นมาและเพื่อนร่วมงานที่บาจาอยู่ข้าง ๆ มร. ดโวรักคือตำนานนักบริหารมืออาชีพที่บาจาจะต้องจดจำ
เช่นเดียวกันก็เป็นอีกตำนานของชาวต่างชาติที่รักเมืองไทยจวบจนวาระสุดท้ายบนเชิงตะกอน