ธปท.เผยยอดบัตรเดบิตพุ่ง43% แบงก์โกยค่าฟี-แนะเพิ่มช่องใช้


ASTVผู้จัดการรายวัน(3 สิงหาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ธปท.เผยแบงก์เพิ่มกลยุทธ์ให้ลูกค้าหันมาใช้บัตรเดบิตแทนบัตรเอทีเอ็ม หวังเรียกค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น ล่าสุดสัดส่วนจำนวนบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดาบัตรพลาสติกถึง 43% ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน แนะแบงก์ลดค่าธรรมเนียมจากร้านค้า ขณะที่ธุรกรรมการเงินผ่านมือถือนิยมมากขึ้น คาดอนาคตใช้เป็นช่องทางชำระเงินระบบขนส่งมวลชน

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้จัดทำรายงานระบบชำระเงินปี 2551ฉบับล่าสุดโดยเผยแพร่ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ทิศทางของบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มีการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ในระบบได้มุ่งทำการตลาดให้ลูกค้าหันมาใช้บริการบัตรเดบิตแทนบัตรเอทีเอ็มมากขึ้น ซึ่งบัตรเดบิตมีสัดส่วนสูงที่สุดในจำนวนบัตรพลาสติกนับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว และแนวโน้มจำนวนบัตรเอทีเอ็มในระบบลดต่ำลง เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ ลดต้นทุนผู้ประกอบการ และเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้น

ทั้งนี้ ในปี 2551 ธนาคารพาณิชย์มีจำนวนบัตรเอทีเอ็มทั้งสิ้น 22.4 ล้านใบ ลดลง 0.9% เมื่อปีก่อนที่มีปริมาณบัตรทั้งสิ้น 22.6 ล้านใบ โดยเมื่อเทียบกับปริมาณบัตรเดบิตมีทั้งสิ้น 26.3% เพิ่มขึ้น 12.8% จากปีก่อนที่มีปริมาณบัตรประเภทนี้ทั้งสิ้น 23.3 ล้านใบ และหากพิจารณาบัตรพลาสติกในระบบ พบว่า จำนวนบัตรเดบิตมีสัดส่วนมากที่สุด 43% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วน 40% ขณะที่บัตรเอทีเอ็มมีสัดส่วนรองลงมา 36% ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วน 39% และบัตรเครดิตมีสัดส่วนทรงตัวอยู่ที่ระดับ 21%

ขณะที่ปริมาณการใช้บัตรเดบิตในปี 51 ไม่แตกต่างกับปีก่อนหน้า โดยผู้ถือบัตรเดบิตมีการใช้ทั้งสิ้น 760 รายการ โดยเป็นการใช้เพื่อเบิกถอนเงินสดในสัดส่วน 83% ใช้เพื่อโอนเงินภายในธนาคารเดียวกัน ใช้โอนเงินต่างธนาคารและชำระค่าสินค้าและบริการมีสัดส่วนเพียง 6% และ 15% ตามลำดับ ส่วนบัตรเอทีเอ็มมีปริมาณการใช้ทั้งสิ้น 531.9 ล้านรายการ หรือลดลงจากปีก่อน 39.4 ล้านรายการ โดยเป็นการลดลงในการเบิกถอนเงินสด 11.4% แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาฝากและโอนเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็มกลับเพิ่มขึ้นมาก 73% และ13.8% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ประกอบการพยายามมุ่งทำการตลาดในการออกบัตรเดบิตมาทดแทนบัตรเอทีเอ็ม พร้อมทั้งจัดรายการส่งเสริมการขาย และขยายจุดรับบัตร เพื่อจูงใจให้ลูกค้าหันมาใช้บัตรเดบิตมากขึ้นในการชำระสินค้าและบริการ ณ จุดขาย แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตยังคงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก โดยสาเหตุสำคัญ คือส่วนใหญ่ร้านค้ารับบัตรเดบิตยังคงมีปริมาณไม่มากนัก รวมถึงร้านค้าบางแห่งแนะนำให้ใช้เงินสดชำระแทนบัตรเดบิตด้วย

"เชื่อว่าหากมีบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและร้านค้าได้ดี โดยเฉพาะการพัฒนาเครือข่ายบัตรเดบิตในประเทศที่มีค่าธรรมเนียมการรับบัตรของร้านค้าต่ำลง และบัตรเดบิตสามารถรองรับการทำรายการบัตรเอทีเอ็มได้จะเป็นตัวสนับสนุนที่ดีในการชำระเงินผ่านบัตรพลาสติกมีปริมาณมากขึ้น"

รายงานฉบับดังกล่าว แจ้งว่า การชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Payment) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาพร้อมกับการแข่งขันที่มีมากขึ้นตาม เนื่องจากนับเป็นบริการที่ลูกค้าจำนวนมากสามารถเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้นและลดปริมาณการให้บริการผ่านสาขาธนาคารและตู้เอทีเอ็ม ซึ่งมีต้นทุนที่สูงกว่า ฉะนั้นคาดว่าในอนาคตผู้ให้บริการหลายรายจะพัฒนารูปแบบมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งมวลชนที่ต้องการความรวดเร็วในการชำระเงิน อาทิ รถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง เป็นต้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.