อมรเทพ ดีโรจนวงศ์ สั่งลาเอวอน "ฤาถึงการเปลี่ยนแปลง!?


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

โลกในปี พ.ศ.2429 ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังถูกหน่วงเหนี่ยวจอมจำทางความคิดที่ตีตราค่าชั้นให้เป็นเพียงตัวแทนทางเพศ ที่ต้องทำหน้าที่เพียงทำงานบ้านแลปรนนิบัตครอบครัวเท่านั้น คุณค่าและความงามแท้จริงถูกกลืนกลบลบหายไปกับข้ออัปยศทางสังคม

โลกในปีนั้นของผู้หญิงม่ายคนหนึ่งอย่างมิสซิสเอมส์แอลบี้ ที่ต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวเพียงลำพัง เธอต้องการเห้นสายใยพ้นไปจากความทุกข์ยาก และครอบครัวมีความเป็นอยู่ดีขึ้นจึงตัดสินใจสมัครเข้าทำงานเป็น "เซลส์" อาชีพที่ถูกคาดโทษไปในทางที่ไม่ดีนักของผู้หญิงทั้งหลาย

น่าอดสูและสมเพชเสียนี่กระไร!? เพราะโลกใหม่ของแอลบี้ที่ได้รับการว่าจ้างให้เป็นสาวจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงาม "เอวอน" เป็นคนแรก กลับเป้นความหวังที่ช่วยฉุดให้ครอบครัวหลุดพ้นจากปลักแห่งความยากจนได้อย่างน่าภาคภูมใจ

จากก้าวนั้นด้วยความคิดก้าวหน้าของมร.แมคคอนแนลต้นตำหรับคิดค้นเครื่องสำอางเอวอนกับความมานะบากบั่นของแอลบี้ ทั้งสองช่วยกันเปิดแนวรบแบบ "ได้เร็คเซลส์" อย่างรุนแรงจนทำให้ "เอวอน" สามารถส่งกลิ่นหอมขจรขจายมลรัฐแคลิฟอร์เนีย "ดินแดนแห่งแสงตะวันและมวลดอกไม้" ที่เป็นต้นกำเหนิดไปสู่ทั่วทุกประตูนครต่างๆ ทั่วโลก พร้อมผู้หญิงนับล้านๆ คนพร้อมใจสมัครเป็นสาวเอวอนด้วยความชื่นชม

ในเมืองไทยก็เช่นกันถ้าพูดถึงเครื่องประทินรินโฉมให้งามแล้วไซร้ชื่อ "เอวอน" ย่อมไม่มีทางหลุดหายไป เพียงการเดินทางจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในปี 2521 ที่เช่าห้องทำงานของอาคารสยามราษฎร์ คลองเตย เป็นออฟฟิศ ถึงวันนี้ย่างสู่ปีที่สิบด้วยยอดขายเพียงปีละไม่กี่ล้านบาทในช่วงแรกๆ กลับพุ่งพรวดสูงถึงพันล้านบาทในปีปัจจุบันพร้อมกับฐานที่มั่นใหม่บน ถ.รามคำแหงที่ใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งนัก

ความสำเร็จเช่นนี้นับว่าเอวอนเมืองไทยมาได้ไกลอักโข!!!

เอวอนทำให้ผู้หญิงทุกสาขาอาชีพไม่น้อยกว่า 30,000 คนมีโอกาสเพิ่มพูนรายได้พิเศษที่งดงามมากในแต่ละปี ยิ่งไปกว่านั้นเอวอนยังได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกงานขายไดเร็คเซลส์อย่างจริงจังขึ้นในเมืองไทยอีกด้วย

ด้วยปรัชญาสั้นๆของงานขายตรงที่ว่า "ณ จุดขายไร้คู่แข่ง" ถึงจะเป็นเรื่องยากลำบากในการทำความเข้าใจคุณภาพสินค้ากับผู้บริโภค แต่ในสิบปีที่ผ่านมาเอวอนได้ทำให้ทุกคนประจักษ์และยอมรับแล้วว่าสำหรับงานขายตรงนี้แหละคือ "อาวุธลับ" ทางการตลาดที่ทรงประสิทธิภาพเอามากๆ!!

ความสำเร็จเอกอุที่เกิดขึ้นนี้ย่อมไม่อาจปฏิเสธคนอย่าง "อมรเทพ ดีโรจนวงศ์" ไปได้ไม่ เขาไม่ได้เป็นเพียงพนักงานคนแรกของเอวอนเท่านั้น แต่ความกล้าที่จะทิ้งงานอันมั่นคงกับปูนซีเมนต์ไทยเพื่อมาสู่ระบบขายตรงทำให้กลายเป็นที่ยอมรับกกันมากว่าเขาคือ "ปรมาจารย์"

แข็งแกร่งหรือเปราะบางของเอวอนของงานขายตรงมีตรงไหนบ้างอมรเทพเข้าใจได้ถ่องแท้ การหนุนยันยอดขายอันไต่เพดานบนิอย่างฮวบฮาบ ทำให้บริษัทแม่แต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการของบบริษัทที่เป็นคนท้องถิ่นคนแรกของทุกสาขาและยังได้สิทธิถือหุ้นเป็นรางวัล

มองกันอย่างนี้อมรเทพควรนักที่จะได้ชื่นมื่นกับความสำเร็จที่ลงทุนลงแรงแผ้วถางมากับมือในวันข้างหน้าอีกต่อๆ ไปที่เอวอนกำลังจะลุกคืบเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง!?

แต่แล้วจู่ๆก็มีข่าวเล็ดลอดมาว่า "อมรเทพจะบ๊ายบายจากเอวอน" ไม่มีต้นสายแต่สำทับปลายเหตุด้วยหนังสือยืนยันอย่างหนักแน่นและเป็นจริงจากเขาเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาว่า "ผมขอลาออกจากตำแหน่งหน้าที่นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2531 เป็นต้นไป"

ปีใหม่ชีวิตใหม่ของบนทางเดนสายใหม่ทิ้งคำถามให้คลุมเครือขบคิดอย่างมากว่า "ทำไมเขาจึงตัดสินใจเช่นนี้ออกมา"!??

"ไม่มีความขัดแย้งใดๆ แค่ผมเห็นว่าเศรษฐกิจปีหน้ามันจะดีขึ้น อายุขัยที่ไล่หลังมามันบอกเวลาว่าจะต้องเป็นของตัวเองเสียที คิดได้ดังนี้ก็เลยอยากไปตั้งบริษัทที่ปรึกษางานขายตรง และเขียนหนังสือก็มีคนติดต่อมาบ้างแล้ว" เขาแย้มความในใจออกมาก่อนที่จะเปรยส่วนที่ลึกๆ ให้รู้ถัดมาอีกว่า

"สิบปีในเอวอนของผมไม่มีเรื่องเสียหาย ห่วงแต่ว่าต่อแต่นี้ไปอะไรๆ มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยเฉพาะในแง่ของสายสัมพันธ์ขององค์กรที่ต้องมีนโยบายใหม่ คนเก่าบางคนอาจไม่พอใจบ้างนะที่ว่าเมื่อผมไปแล้วพวกเขาควรได้รับโอกาสโปรโมทขึ้นมาไม่ใช่ดึงคนจากข้างนอก"

"ผมเองไม่มีอคติอะไรนะถึงแม้คนใหม่จะไม่เคยผ่านงานขายตรงมาก่อนก็ตาม เขาก็เหมือนผมที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ผมเชื่อว่าเขาจะนำเอวอนไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าได้แน่นอน เพียงงงนิดๆ ว่าบริษัทไม่เคยปรึกษาผมในเรื่องนี้บ้างเลย"

งงนิดๆ ของอมรเทพคงเป็นข้อกังขาที่น่าสนใจมากๆ ของหลายๆ คน จนดูราวกับว่าลึกๆ ของการจากไปนั้นมีบางสิ่งแอบแฝงอยู่หรือไม่ เพราะอย่างน้อยในฐานะคนที่รู้ปัญหาดีทุกอย่างเช่นเขาควรได้รับเกียรติขอคำแนะนำกันบ้าง หรือการที่เอวอนดึงคนที่ไม่เคยผ่านงานขายตรงมาก่อนจะเป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่อสู้อย่างไรหรือไม่!?

"อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้นะเพราะตอนนี้เอวอนเข้าไปเทคกิจการบริษัทขายปลีกแห่งหนึ่งมาแล้ว ถ้าเข้ามาเมืองไทยก็คงใช้ชื่อใหม่ทว่าคงยังไม่ถึงเวลานั้น" การคาดการณ์ครั้งสุดท้ายของอมรเทพทีมีต่อเอวอนกับ "ผู้จัดการ" ที่น่าจะชี้ทิศทางของบริษัทเครื่องสำอางชื่อดังแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี

"ถ้าเปรียบเอวอนเป็นต้นไม้ใหญ่ก็ถึงเวลาต้านลมแรงแล้ว ความเป็นจริงที่หนีไม่พ้นก็คือ ความลักลั่นในองค์กรที่คงต้องมีหักเหกันบ้าง มีหลายคนไม่พอใจที่บริษัทดึงคนนอกเข้ามาทั้งๆที่ความสามารถพวกเขาเชื่อว่าไม่เป็นรองที่นี้แหละจะรู้ว่าเอวอนจะเป็นหนึ่งแท้จริงเพียงไร" คนภายในกล่าวให้ฟัง

สำหรับตัวตายตัวแทนอมรเทพที่บริษัทคัดเลือกได้แล้วนั้นก็คือ "เกรียงศักดิ์ แสงทอง นักการตลาดหนุ่มอนาคตไกลจากค่ายบู๊ท ที่จะต้องมาพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนทราบว่า "เขาจะต้องทำงานทุกอย่างให้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่หรือให้เสมอตัว"

เอวอนจะยังคงเป็นหนึ่งไม่รองใคร และมีกลยุทธ์ใดๆผันแปรเพิ่มเติมหรือไม่นั้น "เกรียงศักดิ์ แสงทอง" กำลังจะเป็นผู้เขียนคำตอบที่แน่ชัดให้ทราบกันแล้ว!!!

แต่อะไรไม่สำคัญเท่าที่ "ผู้จัดการ" ทราบมาว่าได้มีบริษัทคู่แข่งเอวอนวิ่งเต้นทาบทามให้อมรเทพเข้าไปเป็นที่ปรึกษา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีท่าทีตอบรับแต่อย่างใดทว่าการณ์ข้างหน้าใครจะไปคาดเดาได้ว่าถ้าวันหนึ่งบริษัทของเขาเกินยอมรับงานขึ้นมาจริงๆ งานนี้คงโค่นกันมันส์หยด!!!

และเมื่อนั้นคงได้รู้ว่าวันที่อมรเทพจากมานั้นมันมีอะไรขัดๆ แย้งๆ กันจริงหรือเปล่า!?



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.