"ผู้จัดการ" เคยลองตั้งปุจฉาไว้กับเมืองเชียงใหม่ว่า "จะเป็นเมืองขึ้นตลอดกาลกระนั้นหรือ"
และเพียงสามเดือนที่นำเสนอเรื่องนี้ การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง ที่รับทราบสุดยังเป็นเรื่องของการไหลบ่าของทุนต่างถิ่น
ที่ทนความเย้ายวนชวนให้น่าลงทุนในเชียงใหม่ไม่ไหวพากันโหมฝังทุนกันอย่างครึกโครม!!
หรือว่าปุจฉาการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจของศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคเหนือแห่งนี้ยากที่จะผันแปรไปเป็นอื่นเสียแล้วกระมัง!?
การซื้อขายที่ดินในเชียงใหม่ยังคงกระปรี้กระเปร่า หนำซ้ำในหลายพื้นที่ราคาพุ่งสูงขึ้นเป็นว่าเล่นอย่างเช่นที่ดินติดถนนสายสันกำแพง-บ่อสร้าง
ว่ากันว่าต้องจ่ายเงินเป็นตัวเลข 6-7 หลัก/ไร่เพื่อได้สิทธ์เป็นเจ้าของ และแม้จะอยู่ลึกเข้าไปราคาก็ยังว่ากันที่เลข
6 หลักเช่นเดิม
เมื่อ 4-5 ปีก่อนนั้นถ้าพูดถึงโดราเอม่อนจากกรุงเทพฯที่ขึ้นไปกว้านซื้อที่ดินในเชียงใหม่แล้วหละก็ต้องนึกถึงเพียงใจ
หาญพาณิชย์ แห่งกลุ่มแมนดาริน สุระ จันทร์ศรีชวาลา และกลุ่มศรีนคร ของเตชะไพบูลย์
แต่ถึงปัจจบันนี้มีนักซื้อหน้าใหม่ใจถึงไปเกิดขึ้นที่นั่นอีกหลายคนที่น่าจับตามองไม่ว่าประสงค์
พานิชภักดี ผู้ส่งออกข้าวกำลังแรง กลุ่มนายทหารที่กำลังคั่วขั้วอำนาจในกองทัพบกอย่าง
จปร.5 หรือแม้แต่นักการเมืองอกหักจากกลุ่ม 10 มกราที่ขึ้นไปซื้อที่ดินทำคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง
"อย่างกลุ่มจปร.5 นี่มีข่าวว่าคนสำคัญของกลุ่มคนหนึ่งรับหน้าที่เป็นนายหน้าติดต่อซื้อที่ดิน
ซึ่งก่อนหน้านี้กลุ่มเตรียมทบ.5 รุ่นพล.อ.อาทิตย์ก็ขึ้นมาจับจองกันไปแล้วหลายคนสำหรับนักการเมืองกลุ่ม
10 มกรานั้นพูดไปก็รู้จักกันดีเพราะตกเป็นข่าวครึกโครมรายนี้ชักใยอยู่เบื้องหลัง"
แหล่งข่าวในเชียงใหม่กล่าว
ทุกกลุ่มกระชุมกระชวยกันอย่างดี เห็นทีจะมีผิดหวังอย่างแรงคงไม่พ้น วันชัย
จิราธิวัฒน์แห่ง "เซ็นทรัลกรุ๊ป" เพราะกลุ่มนี้หมายมั้นปั้นมืออย่างมากที่อยากจะได้ที่ดิน
4 ไร่กว่าๆ บริเวณหน้าโรงแรมสุริวงศ์ของนางสาวนิศา กิติบุตร เศรษฐีนีม่ายลูกหลานตระกูล
"กิติบุตร" ซึ่งเป็นเจ้าที่ดินดั้งเดิมของเชียงใหม่ขนาดที่ว่าตัวเสี่ยวันชัยเองขึ้นไปเสนอต่อรองราคาอย่างงามหลายครั้งติดต่อกัน
แต่ทำไปทำมาก็ตกม้าตายเอาในยกสุดท้ายเมื่อถูกมือดีตัดหน้าไปอย่างน่าเจ็บแสบปวดร้อน
มือดีรายนี้ก็คือกลุ่มนิมิตการสุรา ซึ่งอดีตเคยเป็นเอเย่นต์เหล้าแม่โขงรายใหญ่ของภาคเหนือที่มีสาขาไปเกือบทั่วทุกจังหวัด
กลุ่มนี้เป็นเศรษฐีบ้านนอกจากพะเยา สิ่งที่น่าเจ็บใจมากที่สุดของ "จิราธิวัฒน์"
นาจะเป็นว่า ราคาที่กลุ่มนิมิตสุราเสนอต่อนางสาวนิศา กิติบุตรนั้นก็อยู่ในอัตราเดียวกันกับที่ทาง
"จิราธิวัฒน์" เสนอให้เหมือนกัน แต่ลูกล่อลูกชนในฐานะคนเมืองด้วยกันเลยได้รับการ
โอ.เค.
แต่เบื้องหลังของกลุ่มนิมิตการสุรานั้นข่าววงในว่าเป็นเพียงหน้าฉากเท่านั้นเพราะผู้ซื้อที่แท้จริงนั้นคือ
เจริญ ศรีสมบูรณานนท์อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มทีซีซี. "หงส์ทอง"
กับกลุ่มมหาคุณ ซึ่งเจ็บปวดมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเหล้าแม่โขง-หงส์ทองเฉกเช่นเดียวกับนิมิตการสุรา
และที่ "จิราธิวัฒน์" ต้องเจ็บปวดหนักขึ้นไปอีกก็คือความต้องการที่จะเข้าไปเซ้งกิจการโรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า
ซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาวของภาคเหนือให้มาอยู่ในเชนเดียวกับไฮแอทเซ็นทรัลเหมือนกับที่ชนัตถ์
ปิยาอุย เคยได้เชียงใหม่พลาซ่ามาเป็น "ดุสิตออินส์" ในเวลานี้
แต่แล้ว "จิราธิวัฒน์" อาจจะต้องผิดหวังอีก เมื่อมีข่าวแจ้งว่าคนที่จะเข้ารับภาระของโรงแรมเชียงใหม่พลาซ่าไปต่อนั้นคงเป้นกลุ่มของเจริญ
ศรีสมบูรณานนท์อีกเช่นเดิม โดยได้มีการตกลงรายละเอียดกันไปบ้างแล้วในเบื้องต้น
เจอหมัดเด็ดซ้อนๆ กันสองหมัดเล่นเอาเสี่ยวันชัย จิราธิวัฒน์ มึนงงไปไม่น้อย!!??
ก้าวเดินครั้งใหม่ของอดีตเจ้าพ่อหงส์ทองเป็นที่สนใจของคนในเชียงใหม่เป้นอย่างมากเพราะนึกไม่ถึงว่าจู่ๆ
จะมาตัดหน้าเซ็นทรัลกรุ๊ปไปได้อย่างหน้าตาเฉย อย่างนี้ถ้าไม่มีทีเด็ดอะไรๆ
ดีแล้วคงไม่กล้าแหยมเข้ามาหรอกจริงไหม !?
นอกจากกลุ่มนี้แล้วก็ยังมีกลุ่มของนายกเทศมนตรีลพบุรีที่ไปกว้านซื้อที่ดินบริเวณตลาดช้างเผือก
เพื่อที่จำทำเป็นคอมเพลชกซ์สมบูรณ์แบบที่สุดในภาคเหนือ โดยมีทั้งห้างสรรพสินค้า
สวนสนุก ดิสโก้เธค ฯลฯ กลุ่มนี้บอกกับคนเชียงใหม่อย่างมั่นใจว่า "ธุรกิจของตนไปได้สวยแน่นอน"
ใครหลายๆ คนบอกว่าเชียงใหม่นั้นเป็นเมืองปราบเซียน หลายรายมาแล้วที่คว่ำไปอย่างไม่เป็นท่า
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีคนเข็ด และอยากจะเชื่อเสียแล้วว่าไม่มีแน่ๆที่จะมีใครเข็ดจริงๆ
ให้ดิ้นตายในเชียงใหม่!!??