สีลมมาร์ดิกราส์ : การค้า การเมืองความสวยงาม และความเชื่อถือ


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

คลื่นมหาชนนับแสนบนถนนสีลมเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2530 เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของผู้จัด!?

"ประกวดรถบุปผาชาติและสีลมมาร์ดิกราส์" คือชื่องานวันนั้น

งานประกวดรถบุปผาชาติเดิมทีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งใจจัดเพื่อปีเฉลิมฉลองปีท่องเที่ยวไทย บนถนนราชดำเนิน

ส่วนสีลมมาร์ดิกราส์ เป็นงานรื่นเริงของถนนสีลมซึ่งจัดเป็นประจำเกือบทุกปีบนถนนพัฒน์พงษ์และถนนธนิยะ

งานสองงานนี้มาผนวกเข้าด้วยกัน โดยชาวสีลมชักชวน ททท.ร่วมจัดซึ่งแกนนำที่ผลักดันงานจนสำเร็จลุล่วงคือชมลมชาวถนนสีลม

จุดเริ่มต้นต้องย้อนไปปลายปี 2527 ได้มีข่าวปรากฏออกมาว่าทางกทม. จะทำการปรับปรุงถนนสีลม โดยมีวัตถุประสงค์จะนำเอาสายไฟฟ้า สายโทรศัพท์ ท่อประปา ฯลฯ ที่อยู่บนพื้นถนนและบนเสาไฟฟ้าและริมถนนลงฝังใต้ถนน ซึ่งจะต้องทำการรื้อถอนเสาไฟฟ้า เสาโทรศัพท์ ออก อันจะทำให้ถนนสีลมเป็นถนนทันสมัยสายแรกในประทศไทย งานนี้ต้องดำเนินงานถึง 8 เดือน

ข่าวนี้ ได้สร้างความวิตกกังวลแก่ชุมชนชาวถนนสีลมเป็นอย่างยิ่ง เพราะสองฟากฝั่งของถนนสีลมซึ่งยาวราว 3 กิโลเมตร เต็มไปด้วยบริษัทห้างร้าน ตลอดจนโรงเรียนและวิทยาลัยหลายแห่ง เพราะการซ่อมถนนโดยทั่วไป มักใช้เวลาเนิ่นนานเกินกำหนด และมักจะก่อให้เกิดความไม่สะดวกในการจราจร

แต่คราวนี้ทางหน่วยงานราชการทำให้ชาวสีลม "เซอร์ไพรส์" มากๆ เพราะสามารถทำการปรับปรุงเสร็จตามกำหนดและด้วยความเรียบร้อยไม่มีปัญหาการจราจรติดขัด อย่างที่คิด

ทั้งนี้เป็นเพราะการเอาใจใส่และการวางแผนอย่างรัดกุมของทุกฝ่าย ตั้งแต่กทม. การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง องค์การโทรศัพท์ เขตบางรัด เขตยานนาวา สถานีตำรวจบางรั-ยานนาวา-ทุ่งมหาเมฆ

ชาวถนนสีลมประทับใจการทำงานของหน่วยราชการในครั้งนั้น งานแท้งกิ้วปาร์ตี้ จึงเกิดขึ้น 8 ธันวาคม 2529 ที่โรงแรมนารายณ์

"งานแท้งกิ้วปาร์ตี้ครั้งนั้นนอกจากจะนำมาซึ่งความสัมพันธ์อันดี ระหว่างส่วนราชการและเอกชน ก็เกิดความคิดว่า น่าจะจัดอะไรให้แสดงถึงสปิริต แสดงถึงอะไรที่เป็นส่วนรวม (SERVICE CONSCIOUNESS) ก็เป็นทีมาของสีลมมาร์ดิกราส์ ซึ่งจะมีการปิดถนน (WALKING STREET) ดูการการแสดงและงานออหร้าน โดยมีการฟอร์มตัวกันเรียกว่า "ชมรมชาวถนนสีลม" กรรมการจัดงานท่านหนึ่งเล่าเบื้องหลังการจัดงานครั้งนี้

รุ่งอรุณวันอาทิตย์ถนนสีลมตื่นขึ้นกับรถบุปผาชาติ 30 คันที่หน่วยงานต่างตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ทยอยกันอวดโฉมให้คณะกรรมการตัดสิน ซึ่งปรากฏว่ารถบุปผาชาติที่ได้รับการตัดสินรางวัลยอดเยี่ยมอย่างเป็นเอกฉันท์คือรถประกวดของการบินไทย เป็นรูปครุฑกับพญานาคหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดับประดาด้วยดอกไม้สดทั้งหมดจำนวนมหาศาล

"เราใช้กลีบดอกบานไม่รู้โรยประดับทีละกลีบถึง 160,000 กลีบ ดอกอื่นเช่นกล้วยไม้ 200,000 ดอก บัว 3,800 ดอก ฯลฯ เรียกว่าค่าดอกไม้หมดไป 200,000 บาท หวังมากว่าจะได้รางวัล ก็นับว่านคุ้ม" ฝ่ายโฆษณาของการบินไทยเล่ากับ "ผู้จัดการ"

ผู้คนเริ่มทยอยเข้าถนนสีลมตั้งแต่สายๆ รานค้าตั้งแต่โรบินสัน, เอสแอนด์พี, เซว็นทรัล ฯลฯ คนวนเวียนเข้าออกเบียดเสียดยัดเยียดเต็มไปหมด ซึ่งเจ้าของร้านค้าแถวนั้นบอกกับ "ผู้จัดการ" ว่า วันนี้คงขายได้มากกว่าเดิมหลายเท่า และคงจะเป็นวันที่ขายดีที่สุดในปีนี้

นอกจากนี้ร้านค้าที่มาออกร้านอยู่กลางถนน 100 ร้าน เสียค่าเช่าหน่วยละ 5,000 บาท ซึ่งมีตั้งแต่อาหารการกินถึงเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ซึ่งขายเป็นเทน้ำเทท่าโดยเฉพาะเบียร์ ซึ่งเห็นขวดทิ้งเกลื่อนถนนไปหมด เพียงร้านขายลูกชิ้นร้านหนึ่งวันนั้นขายได้ 40,000 ไม้ เป็นเงินถึง 120,000 บาท

ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าวันนั้นเงินสะพัดหลายสิบล้านบาทเป็นแน่

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ฯและพระสวามีเสด็จเป็นองค์ประธานที่ประรำพิธีหน้าธนาคารกรุงเทพ เมื่อเวลา 15.00 น. ซึ่งอำนวย วีรวรรณในฐานะประธานอำนวยการ ธรรมนูญ ประจวบเหมาะ ผู้ว่าททท. รับเสด็จพร้อมกรรมการและแขกรับเชิญเป็นอันมาก

ขบวนรถบุปผาชาติทยอยเข้าถนนสีลมเพื่อทอดพระเนตรปรากฏว่าขบวนรถเข้ามาอย่างล่าช้ามาก จนกรรมการพากันอึดอัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งระดมมาเกือบพันคน ต้องทำงานอย่างหนักในการแหวกว่ายฝูงชนออกมา ขนาดงานนี้มีการถ่ายทอดทีวีพูลทั้ง 4 ช่องแล้วก็ตาม

ความจริงคณะกรรมการจะให้มีการถ่ายทอดในช่วงเวลา 19.00 น. - 20.00 น. เพราะตามกำหนดการเวลา 19.00 น. พลตรีจำลอง ศรีเมืองจะเป็นผู้นำกล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่การถ่ายทอดช่วงเวลานี้ "ถูกแบน" "งานนี้เลขานายกไม่ให้ถ่ายทอด ซึ่งผมคิดว่าเป็นเหตุผลทางการเมือง เพราะพลตรีจำลองเป็นผู้นำกล่าว ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ภาพมันจะออกมายิ่งใหญ่มาก ซึ่งอาจจะไปตัดหน้าพลเอกเปรม ซึ่งจะเป็นผู้นำถวายพระพรที่สนามหลวงวันที่ 5 ธันวาคม" แหล่งข่าวระดับสูงตั้งข้อสังเกตกับ "ผู้จัดการ" แบบทีเล่นทีจริง

ปัญหาหนึ่งซึ่งทางคณะกรรมการหนักใจมากคือ ฝนที่ตกลงมาทุกวันก่อนหน้างาน เพราะงานนี้เป็นงานกลางแจ้งทั้งสิ้น ซึ่งกรรมการก็ไม่รู้จะทำอย่างไรถ้าเกิดตกขึ้น ก็สะบักสะบอมโกลาหลอย่างช่วยไม่ได้

จงจิตต์ จันทมงคล ผู้จัดการศูนย์บริการกลางธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงงคนสำคัญครั้งนี้ ถึงกับบนบาลศาลกล่าวกับ เทวาลัยพระศรีมหาอุมาเทวีและพระลักษมีเทวีที่อยู่ตรงหน้าแบงก์กรุงเทพ "คนที่เขาสามารถติดต่อกับวิญญาณท่านได้เขาบอกว่าท่านรับปากว่าฝนจะไม่ตก ซึ่งผมบนว่าถ้าฝนไม่ตกจะถวายของ 7 อย่าง ซึ่งในที่สุดก็ไม่ตกจริงๆ ผมแก้บนไปแล้ว" จงจิตต์ กล่าวกับ "ผู้จัดการ" อย่างอารมณ์ดีกับงานวันนั้น (ยกเว้นเกาะกลางถนนซึ่งงงต้นไม้ตายเป็นอันมาก เป็นภาระของ กทม.)

งานนี้ทุกอย่างเป็นไปโดยเรียบร้อยด้วยความร่วมมือกับทุกฝ่าย (ยกเว้นเกาะกลางถนนซึ่งต้นไม้ตายเป็นอันมาก เป็นภาระของกทม.) งานยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานฉลองปีแห่งการท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระชนม์ครบ 5 รอบเป็นความสามารถของผู้จัด และโชคดีที่ดินฟ้าอากาศอำนวย

เรียกว่าเก่งบวกเฮง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.