ผมสร้าง ปตท.จากไม่มีอะไรเลย…


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

ดร.ทองฉัตร หงส์ลดารมภ์

เมื่อกล่าวถึงการบริหารงานที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยแล้ว ผมว่าการบริหารงานที่นั่นมันเป็นไปตามภารกิจ เมื่อมีภาระที่มอบหมายมาก็ต้องมีคนทำ

หลักการของผมก็คือ ผมพยายามใช้คนให้น้อยที่สุด เรียกว่า นโยบายคุมกำเนิด เราเคยพิจารณายอดอัตรากำลังคนเมื่อ 6-7 ปีก่อน จำได้ว่า คณะกรรมการพิจารณาแล้วกำหนดไว้ไม่ให้เกิน 3,700 คน จนกระทั่งเมื่อถึงปีที่ 8 แล้ว อัตรากำลังคนก็ยังไม่เกินจำนวนนี้ เราต้องการคนที่มีคุณภาพ เงินเดือนเราไม่มาก ถ้าคนไม่รักกันจริงก็ไม่อยู่แล้ว เราพัฒนาคนโดยวิธีล้างสมองส่งไปอบรมบ้าง พูดกันบ่อย ๆ บ้าง ส่งไปเรียนบ้าง

การบริหารที่ยึดกันมาเรื่อย ๆ ความจริงก็คือ ทฤษฎีต่าง ๆ มันมีมาก แต่พอทำจริง ๆ แล้วใช้ไม่ได้ สำหรับกรณีของไทยเรา ผมว่าสิ่งที่ทำให้ผมทำงานได้คือ ผมเป็นคนง่าย ๆ เมื่อผมทำอะไรผมจึงไม่คิดมาก แต่ผมก็มีหลักในการคิด ไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำ แต่หลักการของผมนั้น ผมพยายามทำให้ง่ายที่สุด ด้วยการ หนึ่ง - ทำงานอย่างมีแผน เป็นแผนที่ง่าย ๆ สอง - ตัดสินใจ

ขั้นตอนการตัดสินใจนี้ สำคัญมาก ผมว่าปัญหาหลักในการบริหารที่พบกันอยู่ทั่ว ๆ ไปก็คือ เมื่อถึงเวลาตัดสินใจแล้ว ไม่ตัดสินใจ ด้วยสาเหตุไม่กล้า ไม่รู้ หรือลืมก็แล้วแต่ เมื่อผู้บริหารไม่ตัดสินใจ งานมันก็ไม่เกิด แล้วก็ไม่ก้าวหน้า คนที่ทำงานกับผมเขาจะรู้นิสัยว่า ถึงเวลาตัดสินใจ ถึงเวลาคิดดีแล้วหรือยัง ถ้าหากว่าดีแล้วเมื่อมีปัญหาจึงค่อยมาแก้ ผมว่าอีกสิ่งหนึ่งที่นักบริหารหลายคนไม่ค่อยเอาใจใส่ก็คือ การกำหนดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมถือว่าสำคัญมาก ถึงเวลาทำแล้วต้องทำ สมมติเช่น รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ผมทำโรงแยกก๊าซตามแผนการ เมื่อถึงเวลาแล้วถ้าหากผมไม่ทำ งานก็ขาด รัฐบาลก็ยุ่ง ผู้ถือหุ้นก็ยุ่ง

ผมคิดว่า หลักการบริหารนั้น เราต้องวางระบบให้ง่าย ๆ ถึงเวลาแล้วตัดสินใจ อย่าลังเลมาก เราไม่สามารถการันตีได้ว่าอะไรได้ผลครบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครทำได้ แต่เมื่อเราแน่ใจว่าผลที่ได้จะมีมากกว่าเสีย เราก็เอา คือ ผมจะไม่ค่อยยอมให้มีการเลื่อนเวลาเกิดขึ้น รองผู้ว่า ปตท.ทุกคนรู้ดีว่า ถ้าเป็นเรื่องเลื่อนเวลาแล้ว นั่นต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายจริง ๆ ผมจึงยอมเพราะไม่งั้นงานไม่เสร็จ จะทำให้โครงการช้าไปอยู่เรื่อย ๆ

หลักการอีกอันหนึ่งที่ผมใช่เป็นประจำ คือ ทำงานต้องมีจุดยืน เมื่อเรามีเป้าหมายที่แน่นอน เราต้องมั่นคงอย่างเอนไปเอนมาและอย่าโลเล เมื่อครั้งที่ผมเข้ามาทำงานที่ ปตท.ในระยะแรก ผมพบกับปัญหาเรื่องการเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมหนักใจที่สุดในตอนนั้น คือ เราได้รับมอบหมายให้หาเงินมาซื้อน้ำมัน 65,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นจำนวนเงินในตอนนั้นเฉลี่ยประมาณ 2.2 ล้านเหรียญต่อวัน เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่เราต้องหามาให้ได้ภายใน 1 เดือนเพื่อนำมาซื้อน้ำมันที่ท่านรัฐมนตรีชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ติดต่อซื้อกับ ชีค ยามานี เอาไว้แล้ว ซึ่งถ้าหากเราหาให้ไม่ได้ เมื่อถึงเวลาเอาน้ำมันมาแล้ว ไม่มีเงินให้เขารัฐบาลก็เสียหน้า ตอนนั้น ปตท.เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นใหม่ ๆ เงินก็ไม่มีอยู่ในกระเป๋าเลย เมื่อผมบอกเรื่องนี้กับรองผู้ว่าศิรินทร์ (ศิรินทร์ นิมมานเหมินท์ รองผู้ว่า ปตท.) ท่านรองลมแทบใส่ แต่ผมเองก็ยังเชื่อว่า ผมกับรองศิรินทร์ต้องหาเงินจำนวนนี้มาได้ ตอนนั้นก็ไปกู้ญี่ปุ่นมาจำนวนหนึ่ง ผมยังจำได้ว่า ผมได้บอกกับรองศิรินทร์ว่า คุณมีน้ำมันอยู่ในกระเป๋าถึง 65,000 บาร์เรล แล้วน้ำมันก็เหมือนทองคำในตอนนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะกู้เงินไม่ได้ แล้วในที่สุดเรื่องมันก็จบลงอย่างง่าย ๆ ไม่ได้อะไรน่าหนักใจ เราก็หาเงินกู้ได้ไม่ยาก

สำหรับตัวผมเองแล้ว ความคิดในการจะสร้าง ปตท.ให้เป็นหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นที่เราจะต้องปรับปรุง ปตท.ให้ก้าวหน้าทันสมัย ซึ่งแนวความคิดนี้ ผมพยายามเน้นมากในการทำงานช่วง 2 ปีสุดท้าย ความก้าวหน้าทันสมัยที่ว่าจะต้องประกอบไปด้วยปัจจัยสำคัญสองประการ คือ หนึ่ง - ต้องปรับปรุงตัวแนวความคิดความอ่านให้ก้าวหน้า สอง - ปรับปรุงอุปกรณ์สิ่งแวดล้อมรอบตัวให้ก้าวหน้า ถ้าได้ติดตามจะเห็นว่า เราได้พัฒนาระบบการสื่อสารมาก ซึ่งอันนี้จะทำให้งานด้านโอเปอเรชั่นก้าวหน้า รวดเร็ว และถูกต้องมากยิ่งขึ้น ความพลาดพลั้งต่าง ๆ ก็น้อยลง ความปลอดภัยก็มีมากขึ้น

ตอนนั้นเราได้วางเป้าที่จะปรับปรุงระบบการสื่อสารให้สามารถเชื่อมติดต่อเข้าไปทุกคลังทั่วประเทศได้ และขณะนี้เราก็ได้มีวิทยุติดต่อให้แต่ละคลังสามารถติดต่อกับหน่วยซ่อมบำรุงได้หมดแล้ว แต่ละคลังยังติดต่อกับหน่วยซ่อมบำรุงให้เข้าไปบริการลูกค้าได้ เมื่อก่อนนี้จะซ่อมปั๊มน้ำมันให้ลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัดแต่ละครั้ง จะต้องส่งเข้ากรุงเทพฯ กว่าจะเสร็จกินเวลาถึง 6 เดือน แต่เดี๋ยวนี้หากลูกค้าจะซ่อมเองเราจะส่งคนไปหรือไม่ก็เข้าศูนย์ซ่อมแต่ละจังหวัดเรื่องการปรับปรุงนี้จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง

การปรับปรุงระบบการสื่อสารในขณะนี้ เราสามารถจะดัดแปลงเครื่องระบบไมโครเวฟสามารถส่งเอกสารได้ สามารถใช้ระบบติดตั้งโทรศัพท์ภายใน ซึ่งทำให้เดี๋ยวนี้สามารถพูดกับทางชลบุรี ระยองได้หมด ระบบข่าวสารนั้นผมว่ามันสำคัญมากเพราะธุรกิจของเรามันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผมยังคิดว่าเราควรที่จะมีศูนย์รับข้อมูลขึ้นมา และวิเคราะห์แจกให้กับผู้บริหาร ดังนั้นเราน่าจะสนับสนุนระบบ "อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็ม" ถึงแม้ว่าขณะนี้เราได้เริ่มไปบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่พร้อมทีเดียวนัก

ระบบสื่อสารมันเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำ แต่ก็ยังทำไม่เสร็จ

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การอยู่ที่ ปตท.นั้นมันมักจะมีเรื่องให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ ๆ และที่ผ่านมา ผมก็ภาคภูมิใจกับหลายสิ่งหลายอย่างที่ได้กระทำสำเร็จ ถ้าจะถามว่าสิ่งที่ภาคภูมิใจที่สุดของผมมีอะไรบ้าง ผมก็ขอตอบว่า ผมภาคภูมิใจอยู่ สามบวกหนึ่งประการ

ประการแรก ผมภูมิใจกับการเปลี่ยนภาพพจน์ของ ปตท. จากที่ประชาชนไม่มีความมั่นใจ ไม่เชื่อใจในคุณภาพ ไม่ยอมรับคุณภาพน้ำมันและการบริการของเรา เราได้เปลี่ยนภาพพจน์ โดยการเข้าไปปรับปรุงด้านตลาด ทำโฆษณา ทำโลโก้ใหม่ ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ตราของเรา แทนที่ให้ลูกค้าวิ่งเข้ามาหาเราเหมือนเมื่อก่อน เราก็วิ่งเข้าไปหาลูกค้า ด้วยการจัดทีมงานขายเข้าไปหาลูกค้า ไปให้คำแนะนำ ไปให้ความช่วยเหลือและบริการอย่างถูกต้อง รวดเร็วในบรรยากาศที่ดี จนปัจจุบันนี้ ลูกค้าของเรามีความภาคภูมิใจและมั่นใจกับเรา เปลี่ยนภาพพจน์จากลบให้เป็นบวกได้ ซึ่งผมคิดว่า งานปรับปรุงทางด้านการตลาดเป็นงานที่ผมและคณะภูมิใจมาก ประการหนึ่ง

ประการสอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจมากและถือเป็นความสำเร็จอีกประการหนึ่ง คือ การที่เราได้รับพิจารณาให้เป็นแกนในการร่างพิจารณาใช้ก๊าซธรรมชาติ จากจุดที่เราไม่มีอะไรเลย เราได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดหาทุนมาดำเนินการในเรื่องนี้ ช่วงนั้นเราได้กระทำตามแผนพัฒนาฉบับที่ 4 และที่ 5 ในเรื่องการพัฒนาการใช้ก๊าซธรรมชาติ เราทำได้สำเร็จครบทุกขั้นตอนตามแผน เราทำได้ตามเป้าหมายและเวลาตามที่รัฐบาลกำหนดให้เราทำ เราคิดว่าเราได้มีส่วนช่วยสร้างเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก การนำก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้เป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณประโยชน์ขึ้นมาใช้ ทำให้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องของปิโตรเลียม เช่น การผลิตก๊าซหุงต้ม การพัฒนาปิโตรเคมี เฉพาะประโยชน์จากการที่เรานำก๊าซธรรมชาติมาใช้เป็นเอเพลิง ทำให้สามารถประหยัดเงินตราได้เป็นจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ อย่าลืมว่าเราเริ่มจากจุดที่เราไม่มีอะไรเลย แล้วเราก็สามารถหาเงินมาทำโครงการนี้จนประสบความสำเร็จได้

ความภาคภูมิใจประการที่สาม ก็เห็นจะเป็นเรื่องของการนำก๊าซธรรมชาติสู่ชนบท ซึ่งเดิมไม่มีใครเคยคิดว่าเราจะทำได้ เราได้รีบดำเนินการโครงการ "พัฒนาตลาดก๊าซหุงต้ม LPG" ซึ่งเป็นโครงการกระจายก๊าซธรรมชาติของเราสู่ชนบท แต่กระจายไปในรูปของก๊าซหุงต้ม ดังนั้น เราจึงวางโครงการต่อจากโครงการโรงแยกก๊าซก่อน เป็นโครงการสร้างคลังภูมิภาค ซึ่งทำให้เราสามารถเสนอระบบราคาเดียวได้ แทนที่จะใช้ราคาในกรุงเทพฯ ราคาหนึ่ง ต่างจังหวัดอีกราคาหนึ่ง และเราก็หวังว่าสิ่งนี้จะเข้าไปเสริมเศรษฐกิจของภูมิภาคแทนที่ทุกอย่างจะมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ให้ทางภูมิภาคได้มีโอกาสพัฒนา

ผมกล่าวไว้ในตอนต้นว่า สิ่งที่ผมภาคภูมิใจนั้นมีอยู่สามบวกหนึ่งประการ คำว่าบวกหนึ่งที่ผมภาคภูมิใจก็คือ ผมได้มีส่วนในการสร้าง ปตท.ที่กล่าวมาทั้ง 3 ประการอาจจะเป็นงานเด่นของ ปตท. แต่ผมว่าสิ่งที่ผมภาคภูมิใจมากที่สุดก็คือ ผมได้มีโอกาสสร้างองค์การของรัฐขึ้นมาจากไม่มีอะไรเลย ทุนซึ่งเกือบจะเรียกว่าศูนย์ จริงอยู่ที่ว่า เราได้รับโอนเงินมาจากองค์การเชื้อเพลิงบ้าง จากองค์การก๊าซธรรมชาติมาบ้าง แต่มันก็นิดเดียว ผมจำไม่ได้แต่ก็รู้ว่าไม่กี่สิบล้านบาท แต่เมื่อเราเริ่มจัดตั้ง ปตท.ขึ้นมา เริ่มระดมคนเข้ามาเท่าที่ผมจะสามารถชักชวนมาได้ และได้เริ่มวางแผนงานเข้าไปดำเนินการก่อตั้งและจัดรูปแบบ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ ผมคิดว่า ปตท.อยู่ในสภาพที่แข็งแรงแล้ว เรามีเงินทุนถึงหนึ่งหมื่นหนึ่งพันล้านบาท และยังมี ASSET อีกหมื่นกว่าล้านบาท เราเป็นที่ยอมรับของประชาชน เรามีขีดขั้นความสามารถที่จะประกอบธุรกิจปิโตรเลียมครบวงจรตั้งแต่งานสำรวจ งานผลิต ขนส่ง งานคลังน้ำมัน งานถังก๊าซ งานกลั่นน้ำมัน จนกระทั่งถึงงานขายส่ง-ปลีกครบถ้วน ซึ่งทำให้ ปตท.เป็นองค์การที่มีประสิทธิภาพมีขีดขั้นความสามารถทางด้านเทคนิคทั้งวัสดุอุปกรณ์พร้อมเพรียง ทั้งเงินทุนที่จะประกอบธุรกิจที่จะไปลงทุนในกิจการธุรกิจได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนรัฐบาล

ผมเชื่อว่า ปตท.ตอนนี้มีกำลังพอที่จะสร้างเสถียรภาพให้รัฐบาลในแง่ของการรักษาเสถียรภาพทางด้านราคาน้ำมัน และแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงานได้ ผมเชื่อว่า ปตท.ตอนนี้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่จะทำได้ พร้อมที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล ซึ่งผมว่าอันนี้ก็เป็นความภาคภูมิใจที่สุดอีกอันหนึ่งของผม

เคล็ดลับของความสำเร็จของ ปตท. ผมว่า มันอยู่ที่เราต่างทำงานกันโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เราสนุกกับการทำงาน เรามีความสุข มันมีงานมีสถานการณ์ที่ทำให้เราตื่นเต้นกันอยู่ทุกระยะ ไม่ว่าน้ำมันจะแพงเราก็ตื่นเต้น น้ำมันถูกก็ตื่นเต้น น้ำมันล้นตลาดก็ตื่นเต้น น้ำมันขาดตลาดก็ตื่นเต้น ตอนที่มีคู่แข่งรายใหม่ก็ตื่นเต้น ตอนที่มีน้ำมันเถื่อนทะลักเข้ามาเราก็ตื่นเต้น เราจึงสนุกกับการทำงาน และผมก็ทราบดีว่า ทุกคนต่างช่วยกันอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

ทุกวันนี้ ผมอยากเห็นผู้บริหารทุกคนมีความคิดริเริ่ม พร้อมที่จะรับทุกสถานการณ์ มีความตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา มีความพร้อมอยู่เสมอ และต้องกระจายอำนาจให้ผู้ร่วมงาน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.