|
เสนามั่นใจเติบโตดี มีหนี้สินต่ำ หุ้นอสังหาฯไอพีโอตัวแรกของปี
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(27 กรกฎาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ระดมทุน 400 ล้าน ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯต่อยอดธุรกิจ ชูจุดเด่นอัตราเติบโตเฉลี่ย 20-30% หนี้สินต่อทุนต่ำ แถมมีปันผลล่อใจ ได้ฤกษ์เข้าเทรด 29 กรกฎาคมนี้
หลังจากในช่วงที่ผ่านมาในส่วนตลาดตราสารหนี้ได้มีการระดมทุนยกใหญ่ของกันไปแล้วท่ามกลางความสนใจของนักลงทุน ทั้งส่วนที่เป็นพันธบัตรรัฐบาลรวมถึงหุ้นกู้เอกชนของบริษัทต่างๆ ด้านของตลาดทุนแม้ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะมีการปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีแต่ทว่าภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยนักจึงทำให้มีเพียงหุ้นขนาดไม่ใหญ่นักที่เข้ามาระดมทุนในตลาด และล่าสุดก็คือหุ้นของ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการและกรรมการบริหาร บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) กล่าวถึงแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทได้ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่แก่ประชาชน (IPO)จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 175 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ1.98บาท และอีก 25 ล้านหุ้น รองรับการเสนอขายแก่ผู้จัดสรรหุ้นส่วนเกินสำหรับการใช้สิทธิในการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู ออปชั่น)ราคา 1.98 บาทต่อหุ้น โดยจะเข้าซื้อขายวันแรก 29 กรกฎาคมนี้
ทั้งนี้บริษัทมีความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเอง แม้จะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจผันผวน เนื่องจากจุดเด่นของบริษัทมีผลประกอบการค่อนข้างดีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยในระยะสั้นมีบ้านขายรอโอนประมาณ 407 ล้านบาท และมีโครงการเหลือขายอยู่ประมาณ 2,670 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมีอัตราเติบโตประมาณ 20-30% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 1,268 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิประมาณ 280 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำในไตรมาส 2 มีแค่ 0.5-0.6 เท่า ซึ่งหลังระดมทุนแล้ว D/E จะเหลือเพียง 0.3 เท่า
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในช่วงเดือนตุลาคมนี้ จำนวน 40% ของกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 1 และ 2 อีกด้วย โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกมีประมาณ 330 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ที่มีรายได้กว่า 330 ล้านบาทเช่นกัน และในอนาคตมีแผนที่จะขยายสัดส่วนค่าเช่าเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีรายได้แค่เพียง 2-3% เท่านั้นจากโครงการเสนาเฮาส์ เพื่อให้มีรายได้ต่อเนื่องและแน่นอน
สำหรับการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้กว่า 400 ล้านบาท โดยจะนำเม็ดเงินดังกล่าวมาพัฒนา 6 โครงการข้างต้น พร้อมทั้งจะนำเงินส่วนที่เหลือมาซื้อที่ดินเพื่อที่จะพัฒนาโครงการอื่นๆต่อไป เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเหมาะที่จะเลือกซื้อที่ดินทำเลดีในราคาที่ไม่แพง โดยราคาจะค่อนข้างถูกกว่าช่วงเศรษฐกิจบูม สำหรับพื้นที่ที่สนใจนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ โครงการแนวราบจะเน้นพื้นที่แถบชานเมือง อาทิ รังสิต รามอินทรา ขณะที่คอนโดมิเนียมนั้นจะเน้นพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|