วันที่ตาแห้งผากแต่หัวใจฉ่ำเลือดของชายชื่อ"สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์"


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

ประตูถูกเปิดผางออก โดยฝีมือของทนายความทีมงานเดียวกับสุวัฒน์ พฤกษ์เสถียร กรรมการใหม่ของแบงก์แหลมทอง นักข่าวและช่างภาพของ "ผู้จัดการ" ถลันตามเข้าไปเนื่องจากอยู่ใกล้ประตูที่สุดและเตรียมพร้อมล่วงหน้าตั้งแต่เห็นสุวัฒน์กับพวกเดินลงมาจากชั้น 4 และตรงเข้าไปในห้องทำงานของ สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์… โดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตล่วงหน้า… ไม่ต้องแจ้งต่อเลขาฯ หน้าห้อง… ไม่แม้แต่กระทั่งเคาะประตูตามมารยาทสังคม

เพราะวันนั้นเป็นวันที่ 4 พฤศจิกายน 2530 วันที่กรรมการชุดใหม่ทั้ง 10 คน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากของแบงก์แหลมทองในการประชุมวิสามัญเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2530 ได้เดินทางไปรับมอบอำนาจจากอดีตผู้บริหารของธนาคาร… กรรมการชุดใหม่ที่มีอำนาจในการบริหารงานอย่างถูกต้องตามกฎเกณฑ์ธุรกิจและชอบด้วยกฎหมาย

"คุณ…เข้ามาทำไม" สมบูรณ์ไม่ยอมรับไหว้ของ "ผู้จัดการ" กลับตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดใส่ ก็น่าอยู่หรอกที่สมบูรณ์จะโกรธ เพราะการเชิญนักข่าวเข้าไปในห้องทำงานของสมบูรณ์ครั้งนั้น ไม่ใช่ตัวสมบูรณ์เป็นผู้เชิญ แต่เป็นสุวัฒน์ พฤกษ์เสถียร

"คุณ…" สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ อุทานออกมาได้อีกคำหนึ่งเพราะไม่ถึงครึ่งนาทีห้องทำงานของเขาก็เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพนักงานแบงก์แหลมทองมากว่าสิบปี ก็แน่นด้วยกลุ่มนักข่าว ช่างภาพจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่กรูเข้าไปในห้องเพราะเข้าใจว่าสมบูรณ์ให้คนบอกให้เข้าไป

ไฟแฟลชที่เกิดจากการลั่นชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปสาดแสงวูบวาบอยู่นานนับนาที สมบูรณ์ดูเหมือนจะช็อคไปกับเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน หันไปค้นแฟ้มเอกสารจากตู้ใกล้ตัว…หยิบขึ้นมาทีละแฟ้ม…โยนลงพื้นทีละแฟ้ม…หยิบขึ้นมาใหม่อีกแฟ้มหนึ่ง…และโยนลงพื้น…

"ไม่เป็นไร พวกคุณถ่ายได้เลย…ผมเป็นคนเชิญเข้ามา ผมเป็นคนรับผิดชอบเอง" สุวัฒน์ พฤกษ์เสถียร พูดขึ้นมา เมื่อคนสนิทของสมบูรณ์เข้ามาขอร้องช่างภาพว่าอย่าถ่ายรูปอีก

"ผมบอกแล้วไงว่า ผมจะมอบอำนาจให้ตอนเช้าวันจันทร์ (ที่ 9 พ.ย. 2530) ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงาน" สมบูรณ์พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาเหมือนกระซิบกับตัวเอง หลังจากที่สุวัฒน์พูดทวงดวงตราสำคัญของธนาคาร

"ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาทำงาน" "ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงาน"… สมบูรณ์ได้แต่พร่ำพูดซ้ำไปซ้ำมา อย่างม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ขณะนั้นอย่างไร น้ำเสียงและท่าทางในตอนนั้นความโกรธเกรี้ยวได้หายไปสิ้น

สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ที่ขึ้นชื่อเรื่องแกร่งกร้าวเจ้าอารมณ์ได้ตายไปเสียแล้ว เหลือแต่สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ ผู้เคยมีทุกสิ่งทุกอย่างในแบงก์แหลมทองแล้ว พลันพบว่าสิ่งที่ตนมีมันสูญหายไปสิ้น… สมบูรณ์ผู้มีหัวใจแตกสลาย

แบงก์ที่สมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ ต้องลาออกจากบริษัทแร่และยางเพื่อมาช่วยพ่อทำงาน (ใหญ่ นันทาภิวัฒน์) แบงก์ที่สมบูรณ์ใช้ชีวิตเป็นพนักงานของแบกง์ในตำแหน่งหัวหน้าแคชเชียร์มาตั้งแต่ปี 2491 จนเป็นกรรมการรองผู้จัดการในปี 2518 และในปีเดียวกัน เมื่อ ไพศาล นันทาภิวัฒน์ (สามีของเล็ก นันทาภิวัฒน์) กรรมการผู้จัดการเสียชีวิต สมบูรณ์ก็ได้รับตำแหน่งแทน…จนกระทั่งวันนั้น วันที่ 4 พฤศจิกายน 2530

ประวัติศาสตร์ของแบงก์แหลมทองของยุคสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ได้ปิดฉากลงแล้ว ประวัติศาสาสตร์ยุคต่อไปก็คือ ยุคของนักธุรกิจอินเดียชื่อ สุระ จันทร์ศรีชวาลา ไม่ว่าเขาจะอยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลังฉาก

"ผู้จัดการ" เดินออกจากแบงก์แหลมทองเมื่อเวลาทุ่มครึ่ง หวนคำถึงคำพูดของตัวแทน "เจ้าของ" คนใหม่ของแบงก์แหลมทองเมื่อตอนเย็น - สุระ จันทร์ศรีชวาลา พูดระบายความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มตื้นว่า ดีใจที่ได้เข้ามาในแบงก์อีกครั้งหนึ่งอย่างจริงจัง ดีใจจนพูดอะไรไม่ถูก ฯลฯ

"เฮ้ย… ไอ้เล็ก หาอะไรมารองหน่อยสิ เดี๋ยวโต๊ะเป็นรอยหมด" สุระพูดเสียงดังเมื่อเห็นลูกน้องเอาน้ำขวดมาวางให้นักข่าวบนโต๊ะในห้องประชุมกรรมการที่ใช้เป็นที่แถลงข่าว

ความรู้สึกเป็นเจ้าของเกิดขึ้นแล้ว !



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.