ความใฝ่ฝันของสุระ จันทร์ศรีชวาลาอาจมาถึง ถ้าไม่สะดุดดอกเบี้ยล้มเสียก่อน !?


นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

สุระ จันทร์ศรีชวาลา เติบโตจากรากฐานธุรกิจอันเกี่ยวข้องกับมหาชน ตั้งแต่ธุรกิจที่ดี บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และประกันชีวิต-ประกันภัย ในยามเขาเผชิญวิกฤติการณ์ด้านเศรษฐกิจ เขาจะมุ่งรักษาธุรกิจเหล่านี้ไว้อย่างสุดแรง และยังไม่มีทางแยกว่า จะทิ้งแนวเดิมแต่อย่างไร เขายังเล่นกับมหาชนต่อไป

และเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการเก็งกำไร หรือหมุนกระดาษอยู่อย่างไรก็อย่างนั้น

เพราะเขาต้องการสิ่งที่เรียกว่า "เครดิต" และแสวงหามันมาตลอดชีวิต แต่ดูเหมือนจะออกห่างตัวเขาออกไป ๆ "ผู้จัดการ" เคยอธิบายในเชิงจิตวิทยาไว้นานแล้วว่า เพราะความเป็นแขกอันเป็นปมด้อยฝังลึกในจิตใจด้วย

ผู้ใกล้ชิดบอกว่า สุระ ดูเหมือนเป็นคนนุ่ม สุภาพในสายตาของผู้สัมผัสอย่างผิวเผินภายนอก ซึ่งขัดแย้งกับบุคลิกของสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ คู่ปรับ ซึ่งก้าวร้าวและไม่เป็นมิตร แต่ส่วนลึกแล้ว สุระเป็นคนแข็ง โดยเฉพาะเขาจะไม่ยอมอย่างหัวเด็ดตีนขาดกับคำสบประมาทหรือคำขู่

ครั้งหนึ่งเขาเจรจาประนอมหนี้กับผู้ใหญ่ของแบงก์ไทยพาณิชย์ โดยจะใช้ที่ดินบริเวณสวนหลวงมาพัฒนาตามแผนพัฒนาที่ดินที่เขายกมาอ้างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เกือบจะตกลงกันอยู่แล้ว พอเขามารู้ภายหลังว่า ผู้ใหญ่แบงก์นั้นต้องการจะขอซื้อที่ดินของเขาในราคาถูกเพื่อป้อนโครงการหมู่บ้านปัญญา ผู้ใหญ่คนนั้นพูดจาเชิงสำทับในทำนองเพื่อแลกกับการประนอมหนี้อันจะลงตัวง่ายเข้าสุระดื้อแพ่งทันที

กับสมบูรณ์ นันทาภิวัฒน์ แล้วภาพที่สุระพยายามวาดออกมาให้คนเห็นก็คือ ความไม่พอใจต่อคำดูถูกดูแคลนของฝ่ายนั้นที่มีต่อเขา แต่แหล่งข่าวกล่าวว่า มีบางคนแสดงอาการดูถูกดูแคลนแขกยิ่งกว่าสมบูรณ์เสียอีก สุระยังยอม เพราะคน ๆ นั้นให้ประโยชน์กับเขา ลึก ๆ ลงไปแล้วสุระต้องการแบงก์แหลมทองเพราะต้องการ "เครดิต" น่าจะเป็นคำตอบที่มีน้ำหนักกว่า

เครดิตในสายตาของเขา เป็นเพียงสิ่งต้องการเบื้องต้นเท่านั้น จากนั้นก็คือ การใช้เครดิตให้ได้มาซึ่งอาณาจักรธุรกิจ เพื่อสะสมเครดิตที่ยิ่งใหญ่กว่าใหญ่โตไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็คงต้องการเงินทองสะสมไว้ในที่ไหนก็ได้ในโลก ?

เพียงบันไดขั้นแรก สุระยังต้องใช้เวลากับมันมากมาย จนถึงวันนี้เพียงเห็นรำไรในทัศนะเขา แบงก์แหลมทอง คือ "ตัวแทน" อันจับต้องได้ แสดงถึงเครดิต ขณะเดียวกันเขาก็ได้เรียนรู้ว่า กิจการบริษัทเงินทุนประกันภัย ซึ่งเขาหวงแหนดุจชีวิตนั้นมันก็เริ่มความเป็นเครดิตของเขาในอดีต แต่ก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวไปในทางโน้มต่ำลงตามกาลเวลา แรงบันดาลใจต้องการสิ่งใหม่แทนจึงสูงทับทวี

บางคนบอก "ผู้จัดการ" ว่า แรงกระตุ้นสำคัญก็คือ เจ้าหนี้รายใหญ่ 1-2 ราย พวกเขาต้องการให้สุระมีแบงก์จะได้ชำระหนี้เสียที ด้วยเหตุนี้กระมัง ฝ่ายสมบูรณ์จึงกล่าวแบงก์ชาติไม่ช่วยเขาก็ต้องการให้สุระเคลียร์หนี้กรุงไทย โดยใช้แบงก์แหลมทองเป็นหมากตัวสำคัญ

นักจิตวิทยาเชื่อว่า การเป็นคนจริงจังกับบางเรื่องจนเกินเหตุ อาทิ ความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างแรงกล้า ความแค้นฝังรากลึกนำมาซึ่งทัศนะอันคับแคบ มุ่งแสวงหาหรือฉกฉวยสิ่งเหล่านั้นด้วยทุกวิถีทาง บางครั้งอาจถลำลงที่ต่ำโดยไม่ตั้งใจ

มีคนถามต่อว่า สุระ เป็นแขกโพ้นทะเล และพฤติกรรมของเขามิได้มุ่งดำเนินธุรกิจปัหลักในประเทศไทยเท่านั้น เขายังมีธุรกิจในหลายประเทศ และซ้ำมีการถ่ายเททรัพย์สินไปมา เพื่อสร้างทรัพย์สินโดยรวมให้มากขึ้น เช่นเดียวกับ OVERSEA-CHINESE ซึ่งทำตัวเป็น "ผู้อพยพไม่สิ้นสุด" เช่นนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร

เขาอาจมาแล้วจากไป ซึ่งก็อาจจะจริงหรือไม่จริง ?

แต่จากการศึกษาประวัติการต่อสู้อย่างทรหดของเขาในประเทศไทยอย่างละเอียดลึกซึ้ง พบว่า สุระ จันทร์ศรีชวาลา วางจุดหนักของธุรกิจของเขาไว้ในประเทศไทย ส่วนที่ฮ่องกง อินเดีย นั้นเป็นเพียงแขนขาสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทั้งมีความหมายในแง่กระจายความเสี่ยงด้วย

ยิ่งอธิบายในกรณีแหลมทองแล้ว เขาแสดงเจตจำนงไม่ถดถอยเช่นนี้ สอดคล้องกับความจำเป็นต้องวางรากฐานธุรกิจของเขาในไทยนั้น

หากสุระเข้าแหลมทองได้สำเร็จ โดยไม่สะดุดดอกเบี้ยล้มเสียก่อน ก็ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการธุรกิจไทยของการต่อสู้แย่งชิงกิจการที่ยืดเย้อยาวนานที่สุด และสุระได้ชื่อว่าเป็นคนที่พยายามไต่เส้นแห่งอำนาจอย่างหวาดเสียง บวกกับการแสวงหาอำนาจเงินชนิดพลิกแพลงสุดเหวี่ยง ที่ยากจะหาคนเทียบได้

สำหรับยุคกลางเก่าลางใหม่แบบธุรกิจบ้านเราเช่นนี้ ก็ต้องยอมรับ สุระ จันทร์ศรีชวาลา เป็นคนเก่งคนหนึ่ง คู่ต่อสู้ที่พอสมน้ำสมเนื้อจากนี้ของเขาคาดว่าคงจะเป็นแบงก์ชาติ ?!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.