มุมมองต่อเศรษฐกิจไทย ได้เปลี่ยนแปลงไปจากภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ที่ยังมีความผันผวน
โดยเฉพาะความเสี่ยงของปัจจัยภายนอก ที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น อัตราเงินเฟ้อ ที่ต่ำตลอดปี
2543-2545 นำมาสู่การทรงตัวของภาวะดอกเบี้ยต่ำ ซิตี้แบงก์ และซาโลมอน สมิธ
บาร์นีย์ ได้คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยใหม่ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาว
สถาบันทั้งสองได้ร่วมกันเสนอบทวิเคราะห์ Asian Economic Out-look and
Strategy และได้รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทย โดยได้แนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน
(under-weight) ตราสารหนี้ต่างประเทศของ ไทย และให้สถานะ ที่เป็นกลางหรือไม่เปลี่ยนแปลงน้ำหนัก
(neutral) ตราสาร หนี้สกุลเงินท้องถิ่น
เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ดัชนีการบริโภคภายในประเทศแสดงให้เห็นว่า ยังอยู่ในภาวะ ที่อ่อนแอประชาชนยังคงมีความระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้จ่าย
สังเกตได้จากยอดขายรถยนต์ 15.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2542 หลังจากปีก่อนหน้าอยู่ในภาวะวิกฤติ และผู้บริโภคยังไม่ค่อยมั่นใจในสถาน
การณ์ทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ยืน ยันตัวเลขของผลิตภัณฑ์มวลรวมภาย ในประเทศ
(GDP) ของประเทศไทยในปีที่แล้วกับปีนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ ในปี 2545
คาดว่าอัตราการขยายตัวของ GDP จะเริ่มเห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
มีบางสิ่งบางอย่างที่ซิตี้แบงก์ และซาโลมอน สมิธ บาร์นีย์ คาดว่าจะมี
การขยายตัวเกิดขึ้น และจะทำให้เศรษฐ- กิจระดับมหภาคเติบโตสูงขึ้นตามไปด้วย
ถึงแม้ว่าการบริโภคของภาคเอกชนจะระมัดระวังอยู่ก็ตาม
โดยคาดว่าในปี 2545 จะโตประมาณ 4.8% เพิ่มขึ้นจากปี 2543 ที่คาดการณ์ไว้ ที่
4.4% สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เกิดจากประชาชนยังมองเห็นความเสี่ยงในระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ขณะที่ค่าใช้จ่ายของภาครัฐบาลอยู่ ที่ 3% ซึ่งเติบ โตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านการลงทุนของภาคเอกชน ตัวเลข ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2543 เป็นที่น่าพอใจ
ซึ่งคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอคาดว่าตัวเลขการลงทุนสิ้นปี 2543
อยู่ ที่ 250 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับ 169 พันล้านบาท
บทวิเคราะห์ดังกล่าว คาดว่าปีนี้เม็ดเงินสำหรับการลงทุนจะยังคงอยู่ในระดับนี้
เพราะได้แรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ อย่างไรก็ตามในปี 2545 การลงทุนบางสิ่งบางอย่างจะลดลงไปบ้าง
ส่วนการส่งออกสถาบันทั้งซิตี้แบงก์ และซาโลมอน สมิธ บาร์นีย์ยังมองโลกในแง่ดีตลอดสองปีนี้
สำหรับอัตราเฉลี่ยของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI inflation) คาดว่าปี 2543
ตัวเลขจะอยู่ระดับ 1.6% จาก 2.1% ในปีก่อนหน้า ส่วนปีนี้คาดว่าตัวเลข CPI
จะอยู่ระดับ 2.7% และจะเพิ่มขึ้นในปีหน้าไปอยู่ ที่ระดับ 3.5%
หากพิจารณาถึงตลาดเงิน จากอัตราเงินเฟ้อ ที่อยู่ในระดับอ่อน เช่นเดียวกับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ซึ่งยังคงอยู่ในระดับต่ำด้วย
เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงรักษาระดับตัวเลขดังกล่าวให้ต่ำไว้อยู่
แม้ว่าจะผ่านการเลือกตั้งไปแล้วก็ตาม
ทางด้านสภาพคล่องยังคงมีมาก มายในระหว่างการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดเงินจากการลงทุนจะสูงขึ้นมากกว่าเดิม
อัตราดอกเบี้ย ที่ต่ำเป็นไปได้ ที่จะทำให้ค่าเงินบาทไม่ค่อยมั่นคงต่อไป
นอกจากนี้ บทวิเคราะห์ได้วิเคราะห์ถึงความเสี่ยงในปี 2545 ว่าจะผ่อนคลายลงพอสมควร
โดยคาดการณ์ ว่าการเติบโตของอเมริกาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เศรษฐกิจอเมริกาจะโตประมาณ
3.1% และ 4.4% ในปีถัดไป และการลงทุนโดยตรงจะไหลเข้ามากกว่า ที่คาดการณ์ไว้เสียอีก
อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทยได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
จนกระทั่งมาถึงหัวหน้าพรรค ดร.ทักษิณ ชินวัตร ถูกตรวจสอบความไม่ชอบมา พากลของการโอนหุ้น
แต่ก็ได้รับการคาดหมายว่าขบวนการตรวจสอบจะใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งหมายความว่าหากพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง
ดร.ทักษิณ ชินวัตรก็จะได้เป็นผู้บริหารประเทศอยู่