66 ปีของ "เล้า ย่งคุน" ความสำเร็จของพ่อค้าจีนภาคเหนือตระกูล
"เล้า" ที่เริ่มต่อสู้ด้วยการเป็นผู้ค้ารายย่อยตวงวัดสุราขายเป็นขวด
ๆ ในอดีตไต่เต้าเป็นกำนันตำบลหัวดง อำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร จนชื่อเสียงเป็นที่รู้กันทั่วไปในหมู่พ่อค้าคนจีนชาวเหนือ
นับแต่พิจิตร นครสวรรค์ กระทั่งถึงเชียงใหม่ บทบาทในท้องถิ่นมีทั้งการค้าและการเมืองที่ผสมผสานกันจนไต่อันดับเป็นหัวฟน้าพรรคพัฒนาจังหวัดและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถึง
2 สมัย
ชื่อเสียงที่ขจรขจายด้วยระยะทางกว่า 400 กิโลเมตรเข้าสู่แวดวงธุรกิจในเมืองหลวงพร้อม
ๆ ตำแหน่งทางการเมืองในปี 2518 ในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.
คึกฤทธิ์ ปราโมช การขยับขยายฐานทางธุรกิจมาสู่สมัยปัจจุบันกระทั่งดำรงตำแหน่งในฐานะประธานกรรมการบริษัทในเครือตระกูล
"ภัทรประสิทธิ์" ไม่น้อยกว่า 7 แห่งรวมถึงงานบริหารแบงก์เอเชียในฐานะรองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร
ซึ่งเพิ่งจะได้มาไม่นานนักอันถือความสำเร็จสุดยอดในชีวิตเขา
อาณาจักรของ "ภัทรประสิทธิ์" อาจจะไม่ยิ่งใหญ่เหมือน "โสภณพณิช"
หรือ "เตชะไพบูลย์" แต่ก็นับว่า "เล้า ย่งคุน" หรือ
วิศาล ภัทรประสิทธิ์ สามารถไต่ขึ้นมาสู่ TYCOON คนหนึ่งซึ่งเมื่อยามจากไปเช่นนี้
เป็นการจากด้วยอาการสงบที่ได้นอนอย่างตาหลับภายใต้บรรยากาศการไว้อาลัยของคนในครอบครัวและญาติสนิทตลอดจนคนโตในวงธุรกิจ
หมายกำหนดการสวดพระอภิธรรมศพ ณ คฤหาสน์ริมฝั่งถนนวิภาวดีรังสิตที่เริ่มจากวันที่
21-27 ตุลาคมนั้นนับจำนวนผู้คนเข้าออกบ้าน "ภัทรประสิทธิ์" จากวันเริ่มงานจนถึงวันสุดท้ายแล้วก็เป็นคำตอบได้ว่าบารมีของผู้จากไปกว้างขวางสมกับบทบาทในยามมีชีวิตอยู่
พิธีการจัดโดยการตั้งศพสวดพระอภิธรรมภายในบ้าน ต่อระบบทีวีวงจรปิดออกมาทั้งหน้าและหลังบ้านให้กับบรรดาแขกที่มาร่วมงานจาล้นทะลักออกมาภายนอก
ประเสริฐ ภัทรประสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารเอเชีย ทายาทคนโตสุดออกมาคอยให้การต้อนรับผู้มาร่วมงานพิธีกรรมพร้อมพนักงานแบงก์อีกหลายคนที่คอยผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยงานตลอด
คนสนิททั้งจากพิจิตรและนครสวรรค์ทยอยกันมาเคารพศพแทบจะทุกวัน การจากไปของผู้นำครอบครัว
"ภัทรประสิทธิ์" มีทั้งผู้ตั้งคำถามและผู้ให้คำตอบหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าจะมีผลกระทบถึงธุรกิจในเครือหรือไม่
ซึ่งคนใกล้ชิดในงานบอกว่าทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ "ภัทรประสิทธิ์"
รุ่นหลังต้องรับภาระร่วมกันต่อไป
ค่ำคืนวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมาหมายกำหนดการวันสุดท้ายของงานสวดพระอภิธรรมศพ
หลังจากนั้นมาจะเป็นการรรอเวลาหาฟกษ์ยามที่ดีเพื่อนำศพไปบรรจุยังฮวงซุ้ย
ณ เขาโรงครัว ตำบลดงป่าดำ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร วันนั้นจึงเป็นบรรยากาศที่ทั้งสมาคมธนาคารไทย,
ธนาคารเอเชีย, ครอบครัวเอื้อชูเกียรติ, ธนาคารทหารไทย, บริษัทสุรามหาราษฎร์,
กลุ่มบริษัทสุราทิพย์และเครือบริษัท ทีซีซี. ล้วนรับเป็นเจ้าภาพร่วม
แขกที่มาร่วมงานคืนสุดท้ายมากมายกว่าทุกครั้ง พนักงานจากราชประสงค์ช็อปปิ้งมอล์ลต่างพากันยืนเข้าแถวต้อนรับจนยาวเหยียดจนกระทั่งเวลา
20.00 น. พิธีเป็นทางการก็เริ่มต้นที่ อุเทน เตชะไพบูลย์ เป็นประธานจุดเทียนร่วมกับ
พล.อ.ประยุทธ จารุมณี และ ยศ เอื้อชูเกียรติ โดยมี พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร,
เทียนชัย สิริสัมพันธ์, พงส์ สารสิน, วรรณ ชันซื่อ, ศิววงศ์ จังคะศิริ และ
นาวาโททินกร พันธ์กระวี, พล.ต.ต.ดำรง สุขอร่าม เข้าร่วมยืนเคารพศพ
พร้อมด้วยการถวายปัจจัยแก่พระภิกษุสงฆ์ของ เจริญ ศรีสมบูรณานนท์, เกียรติ
เอี่ยมสกุลรัตน์, กานดา เตชะไพบูลย์ และ โกเมน ตันติวิวัฒน์พันธ์ หลังจากที่พระพิธีทำการสวดพระอภิธรรมเสร็จบรรยากาศที่แสดงถึงความเสียใจต่อครอบครัวผู้จากไปเป็นไปด้วยความอบุอุ่นพร้อมๆ
กับเสียงเรียกจากพิธีกรในงานให้บรรดาโชเฟอร์นำรถขึ้นมารับผู้เป็นเจ้าของเป็นระยะ
ๆ ไล่หลังกันตลอดเวลา
กระที่งแขกที่มาร่วมไว้อาลัยทยอยกลับเหลือเพียงญาติและผู้ใกล้ชิดกันจริง
ๆ พร้อมคำไว้อาลัยของพนักงานและผู้ร่วมงานซึ่งเขียนเอาไว้มีใจความว่า "ขออำนาจกุศลผลบุญตลอดจนคุณงามความดีที่ท่านได้บำเพ็ญไว้จงดลบันดาลให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุคติในสัมปรายภพชั่วนิรันดร"
นั่นเป็นคำไว้อาลัยต่อ "เล้า ย่งคุน" หรือ "วิศาล ภัทรประสิทธิ์"
ผู้ถือชาตะเอาวันที่ 21 ธันวาคม 2464 และมรณะในวันที่ 21 ตุลาคม 2530