"ผมจำได้ว่าตั้งแต่ผมทำหน้าที่พ่อสื่อจับบริษัท 2 บริษัทมาแต่งงานกัน
ไม่เคยได้เงินค่าธรรมเนียมเกิน 100,000 บาทเลย ในขณะที่ต่างประเทศหน้าที่พ่อสื่อนี้ทำเงินได้แต่ละครั้งอย่างต่ำไม่น้อยกว่า
100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ประกิต ประทีปะเสนเจ้าหน้าที่ระดับผู้ช่วยกรรมการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์
ที่ปัจจุบันคุมรายงานด้านสินเชื่อ ได้เล่าถึงความตอนหนึ่งจากประสบการณ์ของตนเองในการเป็น
MERCHANT BANKER ที่เขานิยามเป็นภาษาไทยง่าย ๆ ว่า "พ่อสื่อ" ให้กับบรรดาสมาชิกและผู้สนใจที่เข้ามาร่วมสัมมนาหัวข้อเรื่อง
"การรวมกิจการ/การซื้อกิจการ" จัดโดยบริษัท บี.เอ็ม.เอส. และ สโมสรผู้บริหารการเงิน
(YOUTH FINANCIAL EXECUTIVE CLUB) เมื่อกลางเดือนตุลาคมนี้"
หน้าที่ "พ่อสื่อ" ในการรวมกิจการ หรือเข้าซื้อกิจการเป็นเรื่องที่ไม่ใช่จะทำได้ง่าย
ๆ ต้องใช้ความรู้และความสามารถในการเจรจาอย่างมากกว่าจะสำเร็จ แต่เถ้าแก่ในวงการธุรกิจไทยไม่ค่อยจะเห็นคุณค่าเท่าไรนักและที่น่าเห็นใจอย่างมาก
ก็คือเถ้าแก่มักจะตีค่าความยากลำบากนี้ในราคาถูก ๆ
ในหลายกรณี (CASE) ที่เกิดขึ้นเถ้าแก่มักจะแต่งงานกันเอง โดยไม่พึ่งพ่อสื่อ
เหตุผลสำคัญก็เพราะไม่สิ้นเปลืองค้าใช้จ่าย !
ด้วยความที่เป็นคนที่มีพื้นเพการทำงานในสายงานหารายได้เข้าแบงก์มาโดยตลอด
11 ปี ประกิต ประทีปะเสน จึงมีประสบการณ์หลากหลายในการ DEAL กับพ่อค้าทุกระดับ
และร่วงรู้ถึงสถานะการทำธุรกิจแต่ละประเภทได้ดีในฐานะที่เป็นผู้แทนของ "เจ้าหนี้"
ที่มีหน้าที่คอยดูแล "ลูกหนี้" ไม่ให้ล้มหายตายจากไป
ในราย "ลูกหนี้" ที่เข็นไปไม่ไหวจริง ๆ ประกิตจะหาทางออกให้ โดยทำหน้าที่พ่อสื่อหาบริษัทที่แข็งแรงกว่า
ส่วนใหญ่จะหามาจากกลุ่มลูกค้าของธนาคารไทยพาณิชย์เอง มาซื้อกิจการบริษัทลูกหนี้ที่มีปัญหา
กรณีซอสโรซ่าเป็นตัวอย่าง ประกิตเป็นผู้ดูแลลูกหนี้รายนี้ด้วยยอดหนี้ประมาณ
80 ล้านบาท เมื่อโรซ่าประสบปัญหาเรื่องการเงินเนื่องจากการจ่ายเกินตัว และการรั่วไหลทางการเงิน
อีกทั้งผู้บริหารมีความขัดแย้งกัน ประกิตเห็นว่าลักษณะของปัญหาเช่นนี้ยากต่อการแก้ไข
จึงหาบริษัทในเครือเต็กเฮงหยูชื่อ เอสจีไอ เข้ามาซื้อกิจการในราคา 31 ล้านบาท
กล่าวกันในวงการ BANKER แล้ว ฝีมือแก้ปัญหาลูกหนี้รายนี้ของประกิตเยี่ยมยุทธ์จริงๆเพราะงานนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ฟาดไปฟรี
ๆ 31 ล้านบาท ขณะที่เจ้าหนี้รายอื่น ๆ เช่น บงล.สินเอเชีย และสหธนกิจไทยกำลังอยู่ในอาการงง
ๆ เป็นไก่ตาแตก…แต่ประกิตไม่สนเพราะถือว่างานนี้ธนาคารไทยพาณิชย์ถือไพ่เหนือกว่าเจ้าหนี้รายอื่น
ในฐานะเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิ์
น่าเสียดาย งานพ่อสื่อรายนี้ ประกิตไม่ยักกะบอกกับ "ผู้จัดการ"
ว่า ฟาดค่าธรรมเนียมเข้าแบงก์เกิน 100,000 บาท หรือเปล่า
นั่นแหละที่ควบคุมดูแลลูกหนี้รายนี้จำนวนมูลค่าหนี้ประมาณ 50 ล้านบาท ความที่บริษัทสยามอินซูเลเตอร์ของเสี่ยธีระ
บุณยะโหตระ มีปัญหารผลการดำเนินงานนับว่าตั้งแต่เสี่ยธีระทะเลาะกับการไฟฟ้านครหลวง
ฐานการไฟฟ้า ฯ ไม่ซื้อลูกถ้วยไฟฟ้าจากบริษัท แต่ไปซื้อจากจีนแดงแทนตั้งแต่นั้นมาเสี่ยธีระก็เลยถูกการไฟฟ้า
ฯ ขึ้นบัญชีดำไว้เลย
สยามอินซูเลเตอร์ของเสี่ยธีระก็เลย "เสร็จ" มอดม้วยเพราะต้องพึ่งตลาดภายในจากการไฟฟ้า
ฯ เป็นส่วนใหญ่ หนี้สินที่มีกับเจ้าหนี้บิมสินทธิ์อย่างธนาคารไทยพาณิชย์ที่ประกิตดูแลอยู่ก็เลยมีปัญหา
ถึงทุกวันนี้ประกิตต้องปวดหัวกับลูกหนี้รายนี้มาก เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง
ประกิตงัดไม้เด็ดออกมาหากินอีก คือเป็นพ่อสื่อหาเสี่ยจากบริษัทอื่นมาให้เสี่ยธีระแต่งงานด้วย
แต่ดูเหมือนเสี่ยธีระจะไม่ยอมเอาด้วยแถมสำทับลงไปอีกว่า "ไปแนะนำใครที่ไหนมาก็ไม่รู้"
เจอลูกนี้เข้า ประกิตก็เลยปวดหัวหนักยิ่งขึ้นไปอีก
รายนี้เห็นที่บทบาทการเป็น "พ่อสื่อ" ของประกิตคงต้องรำกับเสี่ยธีระอีกหลายเพลง…ค่าธรรมเนียมเข้าแบงก์ยังไม่มีทีท่าจะได้เสียอีกด้วย!