SCIBขาย340ล้านหุ้นดันเป็น"แบงก์เอกชน"


ผู้จัดการรายวัน(19 กันยายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์นครหลวงไทย (SCIB) พร้อมขายหุ้นส่วนกองทุนฟื้นฟูฯ 17% หรือ 340 ล้านหุ้น พาร์ 10 บาท แถมคอฟเวอร์วอร์แรนต์ 2 ชุด สัดส่วน 1 ต่อ 1 ให้ประชาชนทั่วไปในประเทศพ.ย.นี้ ลดสัดส่วนเหลือ 49% เพื่อให้เป็นแบงก์เอกชนเต็มตัว พร้อมปรับงานปล่อยสินเชื่อ หวังเพิ่มรายได้

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย เปิดเผยวานนี้ (18 ก.ย.) ว่ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 99.99% ของธนาคารจากทุนจดทะเบียนทั้งหมด ประมาณ 21,128 ล้านบาท อนุมัติในหลักการ แผนแปรรูปเพื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง โดยที่ปรึกษาการเงิน คือบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ บล.ฟินันซ่า และ บล.กิมเอ็ง เสนอให้ขายหุ้นส่วน ที่กองทุนฟื้นฟูฯถือภายในพ.ย. 340 ล้านหุ้น คิดเป็น 17% ของหุ้นทั้งหมดจากแผนเดิมที่กองทุนฟื้นฟูฯ จะนำหุ้นออกขายเพียง 10%

ขายหุ้นควบคอฟเวอร์วอร์แรนต์ให้คนไทย

นอกจากนี้ ธนาคารยังเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (คอฟเวอร์วอร์แรนต์-Covered Warrant) 2 ชุด 680 ล้านหน่วย ควบคู่กับหุ้นสามัญ โดยผู้ซื้อหุ้นสามัญ จะได้สิทธิ์ซื้อคอฟเวอร์วอร์ แรนต์ สัดส่วน 1 หุ้นสามัญต่อ 1 คอฟเวอร์วอร์แรนต์ อายุแปลงสภาพ หรือใช้สิทธิ์ 1 ปี นับจากวันที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปใน ประเทศ

หลังจาขายหุ้นสามัญ 340 ล้านหุ้นดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนฟื้นฟูฯต้องลดสัดส่วนถือหุ้นธนาคารเหลือประมาณ 83% เมื่อครบอายุแปลงสภาพวอร์แรนต์ และผู้ถือหุ้นใช้สิทธิทั้งหมด จะส่งผลให้ สัดส่วนกองทุนฟื้นฟูฯ ลดเหลือ 49% ซึ่งจะทำให้เป็นธนาคารเอกชนทันที ตามนโยบายทางการ

เป็นแบงก์เอกชน

ขั้นตอนแปรรูปอยู่ระหว่าง ขออนุมัติคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งการกำหนดราคาที่จะขายหุ้นสามัญ คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ช่วงควบรวมกิจการธนาคารนครหลวงไทยและศรีนคร มูลค่าบัญชี 10 บาทต่อหุ้น หลังจากนั้น 2 ปี มูลค่าบัญชีเพิ่มเป็น 18 บาท

"สาเหตุที่กำหนดสัดส่วนหุ้นเสนอขายเพียง 17% ของหุ้นทั้งหมด เพื่อต้องการทดสอบตลาด ว่าเป็นอย่างไร อีกทั้งหุ้นของแบงก์ ได้ถูกสั่งพักห้ามซื้อขายมาเป็นเวลานาน และรูปแบบการออกเสนอขายหุ้นครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นที่ยอมรับของกองทุนฟื้นฟูฯแล้ว ตามคำแนะนำของที่ปรึกษาทางการเงิน" นายอภิศักดิ์กล่าว

สำรองเผื่อถึง 3 ปี

ทางด้านนางสาวอังคณา สวัสดิ์พูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่าธนาคารมั่นใจว่าจะปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อ 25,000 ล้านบาท ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ธนาคารยอดสินเชื่อเติบโตสุทธิ 14,000 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มเป็น 20,000 ล้านบาท 9 เดือนแรก

ช่วง 8 เดือนแรก ธนาคารอนุมัติสินเชื่อแล้ว เกือบ 80,000 ล้านบาท โดยสินเชื่อที่อนุมัติ กระจายทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

หนี้เน่าเหลือ 1.2 พันล้านบาท

สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ธนาคารนครหลวงไทยมีปัญหาหนี้เอ็น พีแอลไม่มากนัก เนื่องจากสินเชื่อที่ปล่อยเป็นสินเชื่อใหม่เกือบทั้งหมด ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลเดิม โอนให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์เพชรบุรีก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ธนาคารเอ็นพีแอลคงเหลือประมาณ 1,200 ล้านบาท เป็นสัดส่วนเพียง 0.41% จากสินเชื่อรวมเกือบ 290,000 ล้านบาท

นางสาวอังคณากล่าวว่า ด้านฐานะการเงิน ธนาคารคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ยอดสินทรัพย์จะประมาณ 500,000 ล้านบาท ส่วนการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ ธนาคารตั้งตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุด ตั้งสำรองแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 9 เท่า เมื่อเทียบเอ็นพีแอลของธนาคารปัจจุบัน สูงกว่าเกณฑ์ ธปท. 7-8 เท่า

"จากตัวเลขสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่สูงกว่า เกณฑ์ของแบงก์ชาติ ส่งผลทำให้ธนาคารไม่มีความจำเป็นต้องตั้งสำรองอีกในระยะเวลา 3 ปีนับจากปีนี้ แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขเศรษฐกิจต้องมีอัตราเติบโตในระดับ 4-5% ต่อปี"

นางสาวอังคณากล่าวว่าการตั้งสำรองของธนาคารถือว่าสูงกว่าระบบเป็นนโยบายของธนาคารที่ต้องการให้ฐานะการเงินดี ที่สำคัญ ปัจจุบันธนาคารกำไรเพียงพอตั้งสำรองแล้ว การตั้งสำรองดังกล่าว จะไม่เป็นภาระธนาคารอีก อนาคต หากเศรษฐกิจไทยผันผวน อีกทั้งหนี้ที่ปรับโครงสร้างแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ระยะเวลาผ่อนชำระนาน หากลูกค้าไม่ชำระตามกำหนดจะไม่ส่งผลกระทบฐานะธนาคารไม่จำเป็นต้องตั้งสำรองเพิ่ม

ปรับโครงสร้างองค์กรหวังเพิ่มสินเชื่อ

ล่าสุด ธนาคารนครหลวงไทยปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยเพิ่มสายงานกลุ่มลูกค้าขนาดกลางอีกสายงานแยกจากสายงานลูกค้ารายใหญ่ เพื่อให้การทำงานคล่องตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันธนาคารมีสายงานสินเชื่อทั้งสิ้น 3 สายงาน คือ สายงานกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ สินทรัพย์ตั้งแต่ 2,000 ล้านบาทขึ้นไป สายงานกลุ่มลูกค้าขนาดกลางสินทรัพย์ 200-2,000 ล้านบาท และสายงานกลุ่มลูกค้าขนาดเล็ก สินทรัพย์ต่ำกว่า 200 ล้านบาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.