SSI ออกหุ้นกู้ 3 ชุดรวด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 4 พันล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี
เสนอขายนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงจำนวน 10 ราย โดยนำสินทรัพย์ของบริษัทเป็นหลักประกันการกู้เงิน
เพื่อนำเงินขยายกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน
นายสิทธิชัย เธียรสถาพร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด
(มหาชน)(SSI)เปิดเผยว่า จากมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี
จำกัด (มหาชน) (SSI) ครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2546 ได้มีมติให้ออกและเสนอ
ขายหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 6,000 ล้านบาท
โดยบริษัทฯ ได้ทำการเสนอขายหุ้นกู้เป็น 3 ชุด จำนวนทั้งหมด 4,000 ล้านบาทซึ่งหุ้นกู้ชุดแรก
มูลค่า 1,800 ล้านบาท อายุ 3.5 ปี นับจากวันออกหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.5%
ต่อปี ชำระดอกเบี้ย ทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2550
และระยะเวลาปลอดเงินต้น 18 เดือน นับจากวันออกหุ้นกู้
สำหรับ หุ้นกู้ชุดที่ 2 มูลค่า 1,450 ล้านบาท อายุ 4.5 ปี นับจากวันออกหุ้นกู้
อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี ชำระดอกเบี้ย ทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยครบกำหนดไถ่ถอน
พ.ศ. 2551 และระยะเวลาปลอดเงินต้น 48 เดือน นับจากวันออกหุ้นกู้
หุ้นกู้ชุดที่ 3 มูลค่า 750 ล้านบาท อายุ 5 ปี นับจากวันออกหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ยคงที่
3.5% ต่อปี ชำระดอกเบี้ย ทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยไถ่ถอนปี พ.ศ.2551 และระยะเวลา
ปลอดเงินต้นชำระเงินต้น ณ วันครบกำหนด
สำหรับหลักประกันที่บริษัทนำไปใช้ในการกู้ คือ ที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้าง
เครื่องจักรและอุปกรณ์ของบริษัท และการโอนสิทธิผลประโยชน์จากการเอาประกันภัยในทรัพย์สินดังกล่าว
และหุ้นกู้ที่ออกนั้น จะขายให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจงจำนวนไม่เกิน 10 ราย
ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้ดังกล่าว เป็นผลมาจากมติที่ประชุม เพื่อจะนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน
โดยใช้งบประมาณ 3,600 ล้านบาท และให้บริษัทฯ เข้าร่วมลงนามสัญญาสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อการขยายกำลังการผลิตกับ
CONSORTIUM GROUP ประกอบด้วย บริษัท SMS Demag INNSE และ ASIRobicon ประเทศอิตาลี
บริษัท Stein Heurtey ประเทศฝรั่งเศส และ บริษัท AM General Contractor ประเทศอิตาลี
โครงการดังกล่าวข้างต้นและโครงการกัดกรดและเคลือบน้ำมัน (ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ
และแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว) จะใช้เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้
สัญญาเงินกู้ฉบับใหม่ และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน
โดยผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตสูงสุด เพิ่มจาก 2.4
ล้านตัน เป็น 3.2-4.0 ล้านตัน (ขึ้นอยู่กับส่วนผสมการผลิต) ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ
สามารถตอบสนองความต้องการเหล็กแผ่นรีดร้อนภายใน ประเทศที่เพิ่มขึ้นได้และทำให้บริษัทฯ
สามารถเพิ่มความหลากหลายในด้านขนาดของผลิตภัณฑ์ จาก 1.2-13 มม. เป็น 1.1-19 มม.
และเพิ่มสัดส่วนปริมาณ การผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนที่มีความบางต่ำกว่า 1.8
มม. ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีมูลค่าสูงขึ้น และยังทำให้บริษัทฯ
มีรายได้และกำไรสูงขึ้น