The Campus ธีมห้องประชุมแห่งความหลัง...ยังมีหวัง

โดย สุภัทธา สุขชู
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กรกฎาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

เพราะเชื่อว่ากรุงเทพฯ ยังเป็นจุดหมายของตลาดไมซ์ (MICE) และตลาดไมซ์ถือเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งห้วงวิกฤติภาคธุรกิจการโรงแรมบวกกับความเชื่อที่ว่า วันวานอันแสนหวานของคนวัยทำงาน คือช่วงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ด้วยความเชื่อที่เปี่ยมความหวัง จึงเป็นที่มาของห้องประชุมดีไซน์ไม่เหมือนใคร "The Campus"

กริ่งๆๆ...เสียงสั่นระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนให้เข้า ห้องเลกเชอร์ (Lecture Hall) เก้าอี้เรียงแถวกว่าร้อยตัวหันหน้าเข้าหากระดานไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ที่หน้าห้อง ซึ่งอาจปรับ เปลี่ยนเป็นจอภาพขนาด 140 นิ้ว สำหรับฉายสไลด์หรือวิดีโอ

ถัดไปเป็นห้องเรียนลักษณะคล้ายกัน แต่ขนาดเล็ก กว่าอีก 3 ห้อง สำหรับแบ่งเป็นกลุ่มย่อย ซึ่งสามารถกั้นเป็นห้องย่อยความจุเพียง 8 คน หรือจะเปิดเชื่อมกันได้เพื่อรองรับ คนร่วม 70 คนก็ได้

ผู้คนแก่เกินวัยนักศึกษาเดินออกจากห้องสมุด ห้องอ่านหนังสือ (Reading Room) จากโซนอินเทอร์เน็ต คาเฟ่ บ้างก็จำใจเดินออกจากโต๊ะฟุตบอล วางมือจากเกม Nintendo Wii ที่กำลังสนุกกับเพื่อน หลายคนปลีกตัวจากซุ้มเครื่องดื่มและอาหารจากโซนอาหาร หรือ Cafeteria

ทุกคนทยอยเดินเข้าเลกเชอร์ฮอลล์ บ้างก็เข้าคลาสรูม ในมือพร้อมด้วยปากกาและสมุดจด ดูเผินๆ หลายคนอาจเข้าใจผิดว่ากำลังนั่งแอบมองชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยอินเตอร์ที่ไหนสักแห่ง หากจริงๆ แล้ว ภาพที่กล่าวถึงเป็นบรรยากาศ ภายในห้องประชุมแห่งใหม่ของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ที่มีชื่อว่า "The Campus"

"คอนเซ็ปต์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่ตัดสินใจว่าอยากมีห้องประชุมอีกแห่งที่นี่ ระหว่างที่ทุกคนกำลังใช้สมอง อังเดร สตาลเดอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์จากไฮแอท เอเชีย แปซิฟิก หลังจากที่เงียบอยู่นาน จู่ๆ เขาลุกขึ้นพูดว่า 'What is the meeting all about?' ตอนนั้น ก็ทำเอาทุกคนงงเหมือนกัน" ริชาร์ด กรีฟส์ ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมแห่งนี้เล่า พร้อมเสียงหัวเราะที่แสดงออกถึงความ ภูมิใจอย่างชัดเจน

ห้องประชุมธีมมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นจากแนวคิดที่ว่า ทั้งมหาวิทยาลัยและห้องประชุม มีแก่นแท้เหมือนกัน นั่นคือการเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และสังสรรค์ โดยเป้า หมายของทั้งสองสถานที่อยู่ที่การพัฒนาความรู้และความคิดใหม่ๆ ตลอดจนการสร้างมิตรภาพและเครือข่ายทางธุรกิจไม่ต่างกัน

แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ นับเป็นโรงแรมแห่งแรกในเครือที่มีเดอะแคมปัส ซึ่งใช้งบลงทุนกว่า 140 ล้านบาท เพื่อเนรมิตพื้นที่เกือบ 900 ตารางเมตร ณ ชั้นล่างของโรงแรม ประกอบด้วยห้องจัดงาน 7 ห้อง รองรับแขกได้ราว 400 คน โดยทุกพื้นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย และมี LCD กระจายทั่วพื้นที่เพื่อเป็นจุดดึงดูดความสนใจหรือใช้นำเสนอข้อมูลจากภายในห้องประชุมย่อย

ทุกห้องประชุมติดตั้งระบบเสียงและไฟที่ปรับได้ตามต้องการ ขณะที่ห้องเลกเชอร์ สามารถปรับไฟได้ถึง 270 สี ตาม mood&tone ของงาน ส่วนจอ LCD เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ไร้สายและเครื่องดีวีดี มีแท่น iPod ในหลายจุด กระดานไวท์บอร์ดอิเล็ก ทรอนิกส์ ซึ่งพิมพ์ข้อความบนกระดานหรือโอนข้อมูลลงใน USB ได้ทันที และตู้เก็บอุปกรณ์ ที่มีจุดเชื่อมต่อแบตเตอรี่สำหรับโน้ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือ

ไม่เพียงเทคโนโลยีที่ทันสมัย "เดอะ แคมปัส" ยังลงทุนและลงลึกในรายละเอียด ของทุกดีไซน์และของตกแต่งที่อยู่ในห้องประชุมแห่งนี้ด้วย

ตั้งแต่โลโกซึ่งมีดีไซน์และความหมายคล้ายตราของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ธงมหาวิทยาลัยที่ตกแต่งทั่วพื้นที่ รูปปั้นครึ่งตัวของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น รัชกาลที่ 5, ไอน์สไตน์, เชคสเปียร์ และกาลิเลโอ เป็นต้น เรือพายประจำมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นเรือฮัดสันที่ทีมชาติอเมริกันใช้ฝึกช่วงกีฬาโอลิมปิกที่ผ่านมา โดยแลกมาด้วยเงิน 7.5 แสนบาท ตลอดจนพนักงานในชุดเบลเซอร์คล้ายยูนิฟอร์มโรงเรียนฮอร์ควอร์คใน Harry Potter ก็ดูสนุกสนานตื่นตัวตลอดเวลา

ภายในเดอะแคมปัสยังมี Campus Store ร้านขายของใช้ ของขวัญ และของที่ระลึกในโลโกของที่นี่ เช่น เสื้อยืด แก้วกาแฟ และ USB ฯลฯ มีซุ้มอาหารให้เลือก ทั้งพิซซา เบเกอรี่ แฮมเบอร์เกอร์ กริลล์ ก๋วยเตี๋ยว สลัด ของว่าง ข้าวโพดคั่ว ผลไม้ ลูกอม ฯลฯ รวมทั้ง Campus Bar เสิร์ฟชา กาแฟ น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเกลือแร่ และเรดบูล โดยกลางคืนจะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเสริม ทั้งเบียร์ ไวน์ และค็อกเทล

"ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่ต้องการในการประชุม แต่สิ่งที่ที่นี่มี เพิ่มเติมก็คือความสนุกสนาน ซึ่งน่าจะช่วย ให้เกิดบรรยากาศแห่งความคิดสร้างสรรค์และกระตือรือร้น ทำให้การประชุมสัมมนา ดูไม่น่าเบื่อเหมือนห้องประชุมเดิมๆ" ผู้จัด การทั่วไปบอกเหตุผลของการลงทุน

ริชาร์ดเชื่อว่าภาพบรรยากาศในรั้วมหาวิทยาลัยเป็นวันวานยังหวานที่วัยทำงาน ไม่ว่าจะอายุ 30 หรือ 40 ขึ้นไป ทุกคนยังคงหวนรำลึกถึงวันคืนเก่าๆ และความรู้สึกในช่วงวัยนั้นได้เสมอ โดยเฉพาะความสนุกกับเพื่อนฝูง

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของเดอะแคมปัส เป็นธุรกิจไมซ์ 50% งานอีเวนต์ 25% และที่เหลือเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยเฉพาะงานเลี้ยงรุ่น งานชุมนุมศิษย์เก่า หรืองานแต่งคู่บ่าวสาวที่พบรักในวัยเรียน ซึ่งกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เดอะแคมปัสพยายามกระตุ้นในช่วงวิกฤติการท่องเที่ยวเช่นนี้ โดยทางไฮแอทฯ คาดหวังกับตลาดในประเทศแถบอาเซียน เอเชียใต้ และตะวันออก กลาง เป็นหลัก

"ตลาดไมซ์เป็นตลาดใหญ่ของไทย และมีความสำคัญสำหรับธุรกิจโรงแรม โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติท่องเที่ยว เพราะยังไงกลุ่มนี้ก็ยังต้องเดินทาง แต่ตลาดนี้ก็แข่งขันกันสูง ดังนั้นถ้าเราทำห้องประชุมเหมือนคนอื่นก็คงไม่ดึงดูด เพราะทุกวันนี้บริการห้องพักก็คล้ายกันหมดแล้ว"

ทั้งนี้ เดอะแคมปัสไม่ได้เป็นห้องประชุมมีธีมแห่งแรกของแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เมื่อ 5 ปีก่อน ห้องประชุมธีม "a big house" ที่ชื่อ The Residence ก็ดึงดูดความสนใจได้อย่างมาก มีคิวแน่นยาวจนได้ชื่อว่าเป็นห้องจัดเลี้ยงที่จองยากมาก

นอกจากนี้ยังมีห้องแกรนด์ บอลรูม เป็นห้องประชุมและจัดเลี้ยงสำหรับงานใหญ่ๆ ในรูปเทรดดิชั่นนอลที่เป็นทางการกว่า สามารถรองรับแขกได้กว่าพันคน

ริชาร์ดคาดหวังว่า ในปีแรกนี้เดอะแคมปัสจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 3 ล้านบาท ขณะที่ The Residence สามารถทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อเดือน

แม้จะดูไม่มากนัก แต่ในภาพรวม ธุรกิจห้องประชุมและจัดเลี้ยงสร้างรายได้ให้กับ โรงแรมแห่งนี้มากเป็นอันดับสองรองจากห้องพัก เพราะไม่เพียงรายได้ตรงจากห้องประชุม ธุรกิจนี้สร้างรายได้เพิ่มให้กับส่วนอื่นของโรงแรม ทั้งห้องพัก ร้านอาหาร สปา และบริการ เสริมอื่นๆ อย่างครบวงจร

"ทุกวิกฤติต้องมีจุดจบและเมื่อมันจบ เราก็หวังว่าเราจะโตแบบอัพสตรีมและ แข็งแรงขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมีวิกฤติ แต่เราก็ยังลงทุน เพราะถ้าไม่ทำตอนนี้ พอตลาดดีเราก็จะเสียโอกาสขาย แต่ถ้าเรา ลงทุนและสร้างให้ตลาดรับรู้ในวันนี้ พอทุก อย่างดีขึ้นเขาจะได้มาทันที" ริชาร์ดกล่าว

ภาวะวิกฤติท่องเที่ยวทำให้รายได้ห้องพักลดลง ดังนั้นสิ่งอำนวยความสะดวก ในโรงแรม (hotel facility) จึงมีความจำเป็น เพื่อดึงลูกค้ามาใช้บริการและสร้างรายได้ ไม่เพียงห้องประชุมแห่งใหม่ ณ วันนี้ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณลงทุนสร้างร้านอาหารแบบ fine dinning แห่งใหม่ขึ้นมาเพื่อพร้อมเปิดตัวในปลายปีนี้

อันเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนในแวดวงธุรกิจโรงแรม ต่างก็คาดหวังและภาวนาว่าวิกฤติจะคลี่คลายและจบลง โดยเฉพาะความวุ่นวายทางการเมืองไทยและวิกฤติเศรษฐกิจโลก


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.