คริส สารสิน อัศวินเหล็กของ "โค้ก" เขาใหญ่ขึ้นมาได้อย่างไร


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

โคล่าวอร์ (COLA-WAR) ที่สัประยุทธ์กันมานานกว่าสามทศวรรษกับความเป็นจริงที่ประจักษ์ชัดในวันนี้ ไม่เกินเลยนักที่จะระบุว่า "คริวส สารสิน" นั้นเป็นห้องเครื่องสำคัญที่อัดพลังขับเคลื่อนอันดุดันให้ "โค้ก" ฝ่าฟันมรสุมวิกฤติกปรับเปลี่ยนฐานะจากลูกไล่มาเป็น คู่แข่ง (COMPE TITOR) ที่น่ากลัวและสมศักดิ์ศรียิ่ง และดูเหมือนจะเชื่อมั่นกันว่า "โค้ก" จะดำรงความแน่นหนักเช่นนี้ตลอดไป

คริสเป็นคนค่อนข้างแปลกที่หากไม่ดูถึงหลืบลึกความเป็นจริงบางเสี้ยวมุมของชีวิตเขาอยางจะแจ้ง บุคลิกลักษณะที่แสดงออกตรงไปตรงมาทุกโอกาสทุกสถานที่จะโดยเจตนาหรือเป็นความบังเอิญบางครั้งอาจพบความขัดแย้งบางอย่างที่ซ่อนตัวเงียบ ๆ กับการจัดวางจังหวะชีวิตที่ถูกกำหนดไว้อย่างเหมาะสมกลมกลืน

คริสดูเหมือนเป็นคนที่ไม่มีอะไรปิดบังซ่อนเร้น พร้อมเสมอที่จะเป็นกันเองในหลาย ๆ เรื่องอย่างเจาะลึกถึงกึ๋นตามประสาสุภาพบุรุษนักรักบี้ฟุตบอลเก่า แต่ยังเหลือกึ๋นอีกอย่างที่คริสไม่อยากให้ใครเข้าไปล่วงรู้หรือแตะสัมผัสสักกระผีกริ้น กระทั่งคนสนิทบางคนที่ยังไม่อาจรู้จริงหรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "เขาเป็นทายาทของใครในสารสิน"

คาดเดาถ่ายทอดกันไปต่าง ๆ นานาว่าคริสเป็นลูกพจน์ สารสิน บ้าง พงส์ สารสิน บ้าง แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นความเลื่อนลอยมีผู้พยายามที่จะลักล้วงแฟ้มประวัติส่วนนี้จากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าท่าทีที่ได้รับตอบกลับมาคือ ความเงียบเฉย จนหลายครั้งคริสถูกแขวะว่า "ยียวนและกระด้าง"

ก็น่าแปลกและน่าสนใจอยู่หรอกว่าทำไม จักรกลสำคัญที่ทำให้ "โค้ก" พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จอันเอกอุเช่นเขาจะองอำพรางม่านชีวิตส่วนนี้ไว้ด้วย

คริสบอกว่า "นั่นมิใช่ความลับ" ที่สุดก็บอกกับ "ผู้จัดการ" ในนาทีถัดมาว่า "พ่อผมชื่อกิจ สารสิน ท่านเป็นน้องชายของคุณลงพจน์" คนที่ชิดเชื้อกับตระกูล "สารสิน" บอกเพิ่มเติมว่า กิจเป็นสารสินคนเดียวที่ปรารถนาเก็บตัวเองอยู่กับความเงียบและมุ่งมั่นต่อความสมถะของชีวิตเป็นที่ตั้ง

คริสไม่เหมือนพ่อ ความเชื่อมั่นในตนเองต่อการทำงานที่มีอย่างสูงเป็นมรดกตกทอดมาจากแม่ซึ่งมีเชื้อสายความเป็นผู้ดีอังกฤษต้นกำเนิดของความเป็นนักล่าอาณานิคม ผลพวงจากพ่ออาจเป็นความอ่อนโยนในบางขณะ เช่นเมื่อพูดถึงพ่อประกายตาสีฟ้าใสของเขาจะทอความหม่นเศร้าระคนความเจ็บช้ำเหน็บลึกออกมาให้เห็น "พ่อผมใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในต่างประเทศจนได้แม่เป็นชาวไอริช ครั้งหนึ่งพ่อเคยทำการค้าแต่ล้มเหลว"

"อย่าให้ผมรื้อฟื้นความหลังส่วนนี้มากไปกว่านี้เลย" คริสออกตัวแกมของร้อง

เพราะความเป็น "สารสิน" ที่ถูกเปรียบเปรยว่าเป็นเคนเนดี้ของเมืองไทย กิจกาแขนงใดที่บุคคลในตระกูลนี้เข้าไปเกี่ยวข้องความเป็นไปได้ที่ระบุไว้นั้นตอ้งเป็นเรื่องของความสำเร็จ ความล้มเหลวหากเกิดขึ้นกับสารสินคนใดแม้ว่าบางคราวเป็นภาวะเหลือวิจัยที่จำต้องยอมพ่ายแพ้กระนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่คู่ควรอยู่ดี

เส้นทางเดินตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีของคริสในบริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด เป็นเรื่องของความเหนื่อยหนัก ที่ต้องทุ่มเทชีวิตและวิญญาณให้กับงานราวกับว่าตัวเขาเองเป็น "ทายาท" โดยสมบูรณ์ ทั้งที่ความเป็นจริงคริสเป็นได้เพียงแค่ "ทายาทนอกสายตรง" หรือไม่ก็ "ลูกจ้างเกียรติยศ" ที่ต้องมาทำงานตั้งแต่ 6-7 โมงเช้า และกลับหลังคนอื่น

นับตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2510 ที่เข้าทำงาน จนถึงวันนี้ "คริสยังไม่มีเลยแม้แต่หุ้นเดียวในไทยน้ำทิพย์"

ไม่ใช่พระเจ้าที่คริสบอกว่าเป็นองค์เดียวเท่านั้นที่รู้ว่าทำไมเขาต้องมีแบบแผนปฏิบัติต่อชีวิตเช่นนี้ ตัวเขาเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้ดีว่า เขาต้องทำงานหนักเพื่ออะไร แน่นอนสำหรับหลายคนงานหนักเพื่อเงินที่คุ้มค่าและความก้าวหน้าที่โลดแล่นและเพื่อไทยน้ำทิพย์กับ "โค้ก" ได้ก้าวสู่ความเป็นหนึ่ง

แต่สำหรับคริสอาจมีความหมายมากไปกว่านั้น "เพราะสารสินคือเคนเนดี้ที่ล้มเหลวไม่ได้ การต่อสู้ทั้งที่ผานมา และที่จะดำเนินต่อไปในอนาคต ซึ่งเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีให้กับ "สารสิน" คนหนึ่งที่ผูกพันต่อชีวิตของเขามาตั้งแต่เล็ก ๆ คริสอาจเป็นนักประวัติศาสตร์ที่บันทึกความจำลงไปในสมุดประจำตระกูลว่า สารสินสายนี้ก็ไม่น้อยหน้าใคร

คริสเป็นคาทอลิคที่กลับได้มีโอกาสชื่นชมและเป็นเจ้าของรูปปั้นตัวแทนเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายสิบท่านภายในห้องทำงานที่เป็นเอามาก ๆ กับความรกรุงรังของกองเอกสารต่าง ๆ ที่ปล่อยพะเนินเทินทกมาอย่างนั้นนับเดือนนับปี มุมหนึ่งถูกจัดเป็นโต๊ะหมู่บูชาสังฆคุณเหล่านั้นและคริสก้ไม่หยุดที่จะแสวงหาเพิ่มอีก

ความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ความขัดแย้งในตัวที่เด่นชัดอีกอย่างของคริสก็คือ แม้ว่าพิมพ์ประพายและความรู้สึกในการตัดสินใจต่อปัญหาต่าง ๆ จะรับมาจากผู้เป็นแม่มากกว่าแต่ก็เป็นที่ยอมรับกันว่า ด้านการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ของเขานั้นกลับมีความเรียบง่ายที่มีความเป็นไทยมากกว่าคนไทยแท้ ๆ อีกหลายคน

คริสมาทำงานด้วยชุดทำงานเสื้อลำลองแขนสั้นสีสันไม่ฉูดตาเป็นประจำ แต่ละวันวัตรปฏิบัติทั้งตัวเขาและพนักงานทุกคนก็พยายามที่จะปล่อยให้เลื่อนไหลไปอย่างสบาย ๆ แบบไม่เคร่งเครียด ถึงกับบางคราวเขาสวมบท "ตัวตลก" ปลุกเสียงหัวเราะเสียเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่ภาจใต้กฎเกณฑ์พุ่งเข้าสู่ความสำเร็จที่ไม่มีสิทธิ์บิดพลิ้ว

ปรากฏการณ์ที่ฟ้องร้องความเป็นไทยได้ดีคงเห็นได้จากงานโฆษณาทุกชุดที่คริสต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนและตัดสินใจ แคมเปญที่ออกมาแต่ละครั้งไม่ว่าจะใช้ใครเป็นพรีเซ็นเตอร์ สิ่งหนึ่งที่ "โค้ก" มุ่งรักษาและสร้างสรรค์ให้ได้มากที่สุดก็คือ เอกลักษณ์ความเป็นไทยที่อยู่กันอย่างเอื้ออาทรและมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน

และนั่นก็เป็นความบังเอิญที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่สามารถทำให้ "โค้ก" สร้างภาพพจน์ (IMAGE) ที่ดีกับตลาดได้อย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน

"ความจริงที่ยอมรับกันอย่างหนึ่งของคนทำน้ำอัดลมสำหรับตลาดเมืองไทยแล้วก็คือผู้บริโภคหาความภักดีในตราสินค้า (BRAND LOYALTY) ได้น้อยเต็มที ภาระหนักอึ้งของผู้ผลิตจำเป็นจะต้องเดินหมากที่กุมหัวใจผู้ซื้อให้ได้ ซึ่งงานโฆษณาที่เป็นกันเองสามารถสะกิดหัวใจผู้ซื้อได้ไม่น้อยและโค้กทำได้ดีในเรื่องนี้" นักการตลาดท่านหนึ่งกล่าว

คริสเป็นคนร่าเริงแจ่มใสอยู่เป็นนิตย์ภาพเขาที่พบเห็นได้บ่อย ๆ กับการเอานิ้วชี้ขึ้นไปแตะที่รอยบุ๋มของลักยิ้มแก้มข้างขวา แล้วค้อนดวงตาสีฟ้าใสหลุบลงต่ำดูราวกับเยาว์วัยที่ไร้เดียงสา เป็นเสน่ห์น่ารักน่าใคร่อย่างหนึ่งที่ทำให้คริสเป็นสัญลักษณ์ของความสดชื่น

แต่จะมีใครคิดบ้างว่าเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มไร้เดียงสา เมื่อวางตัวอยู่ในสมรภูมิการตลาดที่ต้องเดินหมากกันอย่างสุขุมคัมภีรภาพกลับกลายเป็นศาสตราวุธที่เฉียงขาดในฉับพลัน กล่าวกันว่าถึงแม้คริสจะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทั่วไปของไทยที่น้ำทิพย์แต่งานหลักที่เขาไม่เคยทิ้งเลยก็คือ "การลุยตลาดด้วยตนเอง"

คริสย่ำไปหมดร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ไม่ว่าในป่าเขาที่ทุรกันดานเพียงใดเขาต้องไปสัมผัสด้วยตนเองเป็นข้อมูลชั้นปฐมก่อนที่จะให้ฝ่ายวางแผนรับไปดำเนินการต่อ แผนงานโฆษณาและเจาะตลาดชาวเขาที่ฮือฮามากในเขต จ.เชียงใหม่และ จ.แม่ฮ่องสอน ที่ "โค้ก" ครองตลาดได้เกือบ 100% "นั่นแหละไอเดียของคริสล่ะ"

เมื่อปี 2522 บริษัทโคคา-โคลา บันทึกสถิติความสำเร็จ จากบริษัทตัวแทนจำหน่ายทั่วโลกไว้ว่า ถ้านำขวดน้ำอัดลมของโค้กมาเรียงเต็มสนามฟุตบอลจะไดหอยคอยสูงถึง 719 กิโลเมตร หรือเทียบเท่ากับตึกที่สูงถึง 179.562 ชั้น หรือเทียบเท่ากับระยะทางไป-กลับระหว่างโลกกับดวงจันทร์ 414 เที่ยว

แน่นอนว่าในจำนวนขวดเหล่านั้นต้องมีขวดจากไทยน้ำทิพย์ที่เป็นผลิผลิตจากมันสมองของคริสและทีมงานไทยน้ำทิพย์ที่ฟันฝ่าพายุแข่งขันมาอย่างโชกโชนรวมอยู่ด้วย

"โค้ก" ในเมืองไทยได้รับการยกย่องกล่าวขานจากบริษัทแม่มากกว่า เป็นตัวแทนการพัฒนาแบบก้าวกระโดดที่น่าจับตามองจากแรกเริ่มที่มีส่วนแบ่งในตลาด (MARKET SHARE) สำหรับตลาดน้ำดำเมื่อ 20 ปีก่อนไม่ถึง 10% หรือเทียบอัตราส่วนกับคู่แข่ง 1/10 ปัจจุบันกลายเป็นว่าอัตราส่วนของโค้กกับคู่แข่งขยับขึ้นมาใกล้เคียงกันแล้วเป็น 4/6 หรือประมาณร้อยละ 55/45

เดือนเมษายน 2530 ที่ผ่านมาไทยน้ำทิพย์เปิดจุกขวดน้ำอัดลมเฉลิมฉลองความสำเร็จที่สามารถทำยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 4,000,000 ลัง มันเป็นตัวเลขที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยนับแต่ก่อตั้งบริษัทมาร่วม 40 ปีเต็ม

คนในวงการคาดหมายว่า หากคริสและผู้ใหญ่ของไทยน้ำทิพย์ สามารถกุมบังเหียนไม่ละล้าละลังที่จะเจาะนิวเจนเนอเรชั่นด้วยการกระจายผลิตภัณฑ์ (SEGMENTATION) ให้มากขึ้นเพื่อสร้างกลไกตลาดที่ไม่หยุดนิ่งตลอดเวลาเหมือนอย่างที่ปฏิบัติติดต่อกันมาในระยะ 2-3 ปีมานี้ เชื่อแน่ว่าในอนาคตอันใกล้ โค้กคงสามารถวัดดวงในตลาดน้ำดำที่ตนเองเป็นหมากตัวรองได้อย่างเต็มตาเต็มใจเสียที

และคนที่คงหมดโอกาสหวดสควอชกีฬาที่ตัวเองโปรดปราน เพื่อลงมาเคี่ยวกรำกับภาระงานที่แสนจะหนักอึ้งคงจะไม่พ้นคริส สารสิน-ทายาทนอกสายคนนี้

คริสมีชีวิตช่วงปฐมวัยในเมืองไทยค่อนข้างลุ่ม ๆ ดอน ๆ ผู้ที่ใกล้ชิดตระกูลสารสินเล่าว่า วัยเด็กของคริสมีความอบอุ่นที่ดูว้าเหว่ มีเกียรติศักดิ์ของสายเลือกผู้ดีเก่าที่แฝงเร้นด้วยความโหยหาของคนที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นชาวต่างชาติส่วนหนึ่ง แต่ภาวะทางจิตเหล่านั้นกลับหล่อหลอมความแข็งแกร่งและเชื่อมั่นให้คริสในทางอ้อม

คริสจบชั้น ม. 3 ที่กรุงเทพคริสเตียนก่อนไปเรียนที่ต่อด้านบริหารธุรกิจจนจบปริญญาตรีที่คิงส์ตัน คอลเลจ ประเทศอังกฤษแล้วกลับเข้ามาทำงานเป็นพนักงานประจำแผนกโฆษณาของไทยน้ำทิพย์เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2510 ก่อนที่จะขยับเป็นผู้จัดการแผนกในอีกสองปีถัดมา

คริสโชคดีอยู่บ้างตรงที่เป็นหลานที่ลุงอย่างพจน์ สารสิน โปรดปราน เป็นน้องที่พี่อย่าง พงส์ สารสิน รักใคร่เอ็นดูดังนั้นทั้งคู่จึงเปิดโอกาสให้คริสแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ และอีก 4 ปีให้หลังก็ไดรับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด

บันไดที่ขยับขึ้นมาแต่ละขั้นจากผู้จัดการฝ่ายการตลาดเป็นผู้จัดการฝ่ายโรงงานที่หัวหมากในปี 2520 และสู่ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการทั่วไปตำแหน่งใหม่ท่ตั้งขึ้นเพื่อรองรับเขาโดยเฉพาะ ในปี 2525 มีอำนาจหน้าที่ควบคุมการผลิต-การตลาดของโรงงานทั้ง 4 โรง คือหัวหมาก-ขอนแก่น - ปทุมธานี-ลำปาง คริสมิได้มาเพราะเขาเป็นหลานของผู้ก่อตั้งไทยน้ำทิพย์หรือเป็นน้องของทายาทตัวจริง

ความสำเร็จทั้งหมดคริสซื้อหาและและเปลี่ยนมันมาด้วยการทำงานที่มากด้วยประสิทธิภาพและสั่งสมควรรักใครจนเป็นที่ยอมรับของพนักงานเก่า 5,000 คน "อย่าลืมนะว่าคริสเขาไม่มีหุ้นเลยในบริษัท และถ้าเปรียบเทียบกับลูกของพงส์ที่จะเป็นทายาทตัวจริงในรุ่นต่อไป ว่ากันตามความรู้สึกเลือดย่อมข้นกว่าน้ำแต่ในความคิดเห็นของพงส์ยอมรับคริสมาก พงส์เปิดไฟเขียวให้คริสไปตลอดจนไม่แน่วาบางทีอาจให้คริสขี่หลังเสือตัวนี้ไปจนกว่าเขาอยากจะรีไทร์ตัวเอง" แหล่งข่าวท่านหนึ่งกล่าว

ประสบการณ์ที่อัดแน่นร่วมสองทศวรรษสร้างให้คริสเป็นนักการตลาดที่มีเขี้ยวเล็บพิษสงพอตัวคนหนึ่ง เขาเป็นต้นฉบับของบริษัทในเรื่องความกล้าได้กล้าเสีย-เด็ดขาดและฉับไว-ปราดเปรียวและมีความคิดที่ทันสมัยไม่หยุดนิ่ง

ในสมรภูมิการตลาดคริสดั่งเสือลำพองที่หื่นกระหายต่อการเข้าตามตะปบเหยื่ออันโอชะทุกวินาที

น้ำตาเสือตกในบางคราว ไม่สอนให้คริสถอยหลังเข้าป่า บาดแผลทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นตอกย้ำทุกเมื่อเชื่อวันว่า เขาจะต้องล้มเหลวอีกไม่ได้ จะต้องไม่มีความชอกช้ำซ้ำสองปรากฏขึ้นกับสารสินสายของเขาอีก

ความสามารถในการคาดการณ์และกล้าได้กล้าเสียของคริสฉายแววตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดใหม่ ๆ คริสสร้างความฮือฮาอย่างบ้าคลั่งด้วยการขยัยกิจกรรมทางการตลาดรุนแรงถึงสองครั้งติดต่อกันในระยะเวลาไล่เลี่ยเพียง 5 ปีเท่านั้น

หนึ่ง-ในปี 2513 ที่ไทยน้ำทิพย์วางตลาดน้ำสีด้วยแฟนต้ารสต่าง ๆ การหักมุมตลาดอย่างฉับพลันของไทยน้ำทิพย์ที่เบี่ยงเบนตัวเองออกจากตลาดน้ำดำซึ่งกำลังพันตูไปสู่ตลาดน้ำสี นับเป็นการเล่นเกมที่เข้าข่าย "แกว่งเท้าหาเสี้ยน" อยู่ไม่น้อย

เพราะ-ความผูกพันของผู้บริโภคกับน้ำดำยังคงเหนียวแน่น น้ำสีหรือน้ำเลมอนไลน์ในตลาดเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมก่อนหน้านั้นมีบริษัทหนึ่งได้ทดลองแล้วก็ล้มคว่าคะมำหงายอย่างไม่เป็นท่า ด้วยวัยเพียง 25 ปีกับการตัดสินใจที่เสี่ยงมาก ๆ ของคริสครั้งนั้นถ้าดีก็เสมอตัวถ้าพังก็นับว่าคนหนุ่มอย่างเขาต้องเสียค่าโง่ที่แพงที่สุดในชีวิต

ดวงเบญจเพศจะเข้าบทเฮงไม่อาจรู้ได้เกมพลิกตลาดของไทยน้ำทิพย์ ครั้งนั้นกลายเป็นรายการหมูชนปังตอ (FLOOR SALES) เข้าอย่างจัง ไทยน้ำทิพย์สามารถสร้างคะแนนนิยมในตลาดน้ำสีได้อย่างน่าทึ่งและครองความเป็นผู้นำตลาดส่วนนี้ กินมาร์เก็ตแชร์มากกว่า 80% มาได้จนถึงปัจจุบัน

สอง-การโชว์ฝีมือทางการตลาดอย่างลือลั่นในปี 2518 ที่ไทยน้ำทิพย์วางตลาดโค้กลิตรเป็นรายแรกในขนาด 15 ออนซ์ การออกผลิตภัณฑ์ตัวนี้ภายใต้การวางแผนงานอย่างลุ่มลึกของคริสและการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของพงส์ สารสิน ที่สำรวจข้อมูลแล้วสั่งการให้ดำเนินงานทันทีภายใน 1 วัน เป็นการตามจุดพลุเรียกคะแนนคืนตลาดน้ำดำได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

โค้กฉายเดี่ยวด้วยขวดลิตรนานเกือบ 5 ปีเต็มคู่แข่งถึงได้ย่ำรอยเท้าความสำเร็จตามติด แต่ยังไม่อาจที่จะกระหน่ำโค้กใหหลุดพ้นไปจากวิถีทางของความรุ่งโรจน์ไปได้

การออกโค้กขนาดลิตรนอกจากจะชี้ให้เห็นความเป็นนักการตลาดทันสมัยของคริสแล้ว ยังบ่งถึงการเป็นนักวางแผนงานที่มองเป้าหมายในอนาคตได้อย่างแยบยล ปีเดียวกันนี้ไทยน้ำทิพย์ได้ทุ่มกำลังขนายงานสร้างคลังสินค้าเพิ่มขึ้นกว่า 30 จังหวัด และเพิ่มรถขายที่ก่อนหน้ามีไม่กี่ร้อยคันเป็น 500 คันทั่วประเทศ

การทำตลาดน้ำอัดลมเป็นเรื่องที่ละเอียดและต้องพิถีพิถันพอควร เนื่องจากเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคไม่ได้นึกถึงเจาะจงมาล่วงหน้า ดังนั้นการสร้างความชื่นชมจำต้องมีกิจกรรมสารพัดรูปแบบโดยมีจุดไคล์แมกซ์อยู่ที่ร้านค้าซึ่งมีมากกว่า 150,000 แห่งทั่วประเทศ

ร้านค้าที่เป็นเส้นเลือดสำคัญเหล่านี้จำเป็นที่ต้องสร้างกลไกตลาดเข้าไปรองรับอย่างทั่วถึง และในภาวะที่ผู้ผลิตถูกบีบจากภาวะรอบด้านการที่จะสร้างมาร์จินขึ้นได้นั้นความเป็นไปได้ทางเดียวก็คือ ต้องอาศัยการขายให้ได้มากเข้าว่ากัน

การเพิ่มคลังสินค้าขยายรถขายจึงเท่ากับส่งคริสขึ้นไปนั่งบนหลังเสือ ไม่มีสิทธิที่จะกระโดดลงมาได้ง่าย ๆ ยังจะต้องเหนื่อยหนักกับการบริหารฐานการตลาดเหล่านั้นให้สอดคล้องกับความขัดแย้งทางการตลาดที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวและแปรเปลี่ยนได้ง่าย ๆทุกวี่วัน

บางวันของการทำงานที่ไม่ดูเคร่งเครียดมีช่องว่างให้คนขี้เล่นมีอารมณ์หวามไหว ภายในห้องทำงานที่ยังดูเหมือนห้องเก็บของ ผู้ชายคนหนึ่งตาจับไปที่ภาพเบื้องหน้าภาพหนึ่งเป็นความภูมิใจของเขาที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ดินรกร้างว่างเปล่าเมื่อ 30-40 ปีก่อนให้กลายเป็นขุมทรัพย์ของความอยู่ดีกินดีในปัจจุบัน

อีกภาพหนึ่งที่เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษ เป็นภาพแผนที่ประเทศไทยขนาดใหญ่ที่หมุดแดงเล็ก ๆ ปักลงไปบนรายละเอียดของตำแหน่งต่าง ๆ ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ และทุกจังหวัด

คำรามของความใฝ่ฝันที่ดังกึงก้องในใจของผู้ชายคนนั้น -คริส สารสิน เขาบอกกับตัวเองเงียบ ๆ ไว้ว่า "ยังมีที่ดินรกร้างอีกมาก" "แน่ละ - จะมีอะไรมากไปกว่าความเป็นจริงที่ว่าในอนาคตที่จะมาถึงในไม่ช้าไทยน้ำทิพย์จะต้องมีการก่อสร้างคลังสินค้และขยายหน่วยรถขายเพิ่มขึ้นอีก

คนอย่างคริสหยุดไม่ได้และที่สุดของความฝัน "ไทยน้ำทิพย์ต้องเป็นผู้นำตลาดอย่างแท้จริง"

คริสเคยได้รับของขวัญชิ้นหนึ่งก่อนหน้าที่จะขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท มันเป็นของขวัญที่เขาไม่อยากได้นักหรอกแต่ก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธ นั่นคือการปรับภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มครั้งใหญ่เป็น 22% จากราคาขายปลีกทำให้น้ำอัดลมต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจากเดิม 134%

ของขวัญชิ้นนี้เป็นเพชฌฆาตดี ๆ นี่เอง คำพิพากษาครั้งนั้นทำให้บริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลมทั้งหลายหัวทิ่มบ่อไปตาม ๆ กัน ยอดขายตกลงมาไม้น้อยกว่า 20% ในปีแรกของการขึ้นภาษี (2523) และไหลลงเรื่อย ๆ จนถึงปี 2529 สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ไทยน้ำทิพย์ต้องประสบกับภาวะขาดทุนสะสมไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท

เป็นช่วงเดียวกับที่ไทยน้ำทิพย์ปรับองค์กรให้คริสขึ้นมาบริหารงานอย่างเต็มที่จึงเท่ากับเป็นการวัดความสามารถของเขาไปโดยปริยาย

เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้คนในวงการรู้ซึ้งถึงความกล้าได้กล้าเสียของคริสอีกหน ขณะที่หลายบริษัทชะลอการผลิตเพื่อแก้ไขและไทยน้ำทิพย์กลับเลือกเอาหนทางเพิ่มการผลิตอย่างไม่บันยะบันยัง

ช่วงต่อของความเขม็งเกลียวไทยน้ำทิยพ์ผลักสินค้าออกสูตลาดนับสิบยี่ห้อไม่ว่าจะเป็นเมลโล น้ำทิพย์ แฟนต้าหลากรส หรือแม้แต่เครื่องดื่มบำรุงกำลังมาราธาน พร้อมกับเปลี่ยนจุกจากธรรมดาเป็นจุกเกลียว (DETACHABLE) เพื่อสร้างการสัมผัสที่คล่องตัวยิ่งขึ้น

ผลปรากฏว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกใหม่เหล่านั้นไปมีส่วนกระตุ้นตลาดในทางอ้อมอย่างน่าทึ่ง ทำให้สามารถรักษาระดับการขายของน้ำอัดลมอื่น ๆ ของบริษัทไม่ให้ตกไปกว่าเกณฑ์ปกติมากนัก และยังมีส่วนทำให้ได้รายได้ส่วนหนึ่งมาจุนเจือและขยายงานที่กำลังเริ่มตีตื้นสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งในปัจจุบัน

คริสเคยได้รับของขวัญชิ้นหนึ่งเมื่อก้าวขึ้นเป็นผู้อำนวยการทั่วไปของไทยน้ำทิพย์

นั่นคือการปรับภาษีสรรพสามิตสำหรับเครื่องดื่มเป็น 22% จากราคาขายปลีกทำให้น้ำอัดลมต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นจากเดิม 134%

คริสยังมีความเป็นนักโฆษณาโดยธรรมชาติ เป็นคนโฆษณาที่เข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทะลุปรุงโปร่งเป็นศิลปินที่กล้าท้าทายความแปลกใหม่ และเป็นนักประชาสัมพันธ์มือฉมังคนหนึ่งความสำเร็จของโค้กซึ่งพุ่งขึ้นสู่ด้านหนึ่งเป็นผลพวงจากงานโฆษณาที่จับเป้าได้อย่างเหมาะเหม็ง

เทปชุดเมดดินไทยแลนด์ที่ร้องโดยคาราบาวประชาสัมพันธ์โดย "โค้ก" กับฝูงชนที่แออัดยัดทะนานในสนามกีฬาหัวหมากปานเวทีจะถล่มทลายในอดีตปี 2528 นับเป็นความสำเร็จสูงสุดทั้งของคาราบาวและ "โค้ก"

เพียงสร้อยบทต่อท้ายเพลงสุดท้ายของเทปที่ว่า "โค้กส่งเสริมคุณค่าความเป็นไทย" นั้นจะมีใครเชื่อว่าทำให้โค้กได้แฟนหันมาดื่มเครื่องดื่มของโค้กมากขึ้นอีกไม่รู้กี่สิบเท่าตัวและภาพพจน์ที่ได้รับอย่างมากทางอ้อมก็คือ ทำให้สามารถสลายความเข้าใจที่ว่าไทยน้ำทิพย์และโค้กเป็นบริษัทนายทุนและศักดินาให้หลุดพ้นไปได้

เพราะเพลงของคาราบาวเป็นบทเพลงที่กระแทกกระทั้นเสียดสีสังคมและนายทุนอยู่แล้ว

กระสุนที่คริสลั่นออกไปนัดนี้จึงนับว่าสมค่ายิ่งนัก

การที่คริสร่วมเป็นสปอนเซอร์โปรโมทเพลงให้กับคาราบาว ชี้ให้เห็นถึงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวกล้าที่จะลองของกับความคิดแนวใหม่ของคริสเป็นอย่างมาก เนื่องจากระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมาแนวเพลงเพื่อชีวิตยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในตลาด บทเพลงแนวนี้ยังถูกค่อนแคะว่าเป็นบทเพลงตัวแทนกลุ่มซ้าย และที่สำคัญช่วงนั้นคาราบาวยังเป็นเพียงแค่วงดนตรีเล็ก ๆ วงหนึ่งที่ล้มเหลวกับงานเพลงมาไม่ต่ำกว่าสองชุด

คริสชอบบทเพลงของคาราบาวในชุดท.ทหารอดทน เอามาก ๆ ในการไปตรวจตลาดภาคใต้-สุราษฎร์ธานีกับเพื่อนสนิท 2 คนและหนึ่งในสองเป็นเพื่อนของแอ๊ด คาราบาว ทันทีที่รู้คริสให้ไปตามแอ๊ดมาพบพร้อมกับตกลงที่จะร่วมกันทำเพลงด้วยกันโดยเริ่มตั้งแต่ชุด "กัมพูเจีย"

แล้วก็มาถึงชุดเมคอินไทยแลนด์ที่ดังเปรี้ยงปร้าง คนในวงการโฆษณาอธิบายการทำงานโฆษณาของคริสว่า "เขาทำโฆษณาแบบวิถีโค้งที่ค่อนข้างอันตรายแต่ก็สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ"

"ผมไปที่อีสานเห็นคนเปิดเทปเมดอินไทยแลนด์หลายเที่ยวก็ดีใจแล้ว และเมื่อคาราบาวเล่นคอนเสิร์ต คนที่เข้าไปดูดื่มโค้กเราก็ถือว่าเราทำได้แล้ว" คริสคุยอย่างคนที่กำชัยชนะในกำมือ

"ถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่ดึงเอานักร้องดังต่างประเทศมาเป็นพรีเซ็นเตอร์จะเห็นได้ว่างานโฆษณาของโค้กประสบความสำเร็จเหนือกว่าหลายช่วงตัว นี่เป็นการสะท้อนให้เห็นความคิดแหลมคมที่เข้าใจธรรมชาติของคนไทยที่ยังต้องการอะไร ๆ ที่เป็นไทยอีกมาก หากคริสไปยึดเอาฮูลีโออิเกลเซี๊ยส ที่บริษัทแม่ใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จอย่างนั้นหรือเปล่า" นักโฆษณาท่านหนึ่งให้ความเห็น

ไทยน้ำทิพย์ในรอยต่อของกาลเวลาที่คริสก้าวขึ้นมามีบทบาทคุมงานอย่างเต็มที่พบเห็นความแปรเปลี่ยนไปมากมาย โดยเฉพาะงานส่งเสริมด้านกิจกรรมสังคมที่กลายเป็นยุทธศาสตร์เสริมสร้างตลาดทางอ้อมให้บริษัทฯก็ทำได้ดีจนคู่แข่งต้องบดไล่

คริสโปรดปรานการเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ เขาเป็นผู้ที่ผลักดันให้โค้กมีส่วนร่วมสนับสนุนกีฬาฟุตบอล "โค้กคัพ" ที่จัดมาแล้ว 7 ปี แต่ละปีหมดเงินเป็นล้าน ๆ ทว่าผลที่ได้ก็คุ้มค่าอย่างเหลือที่จะบอกกล่าว

วันหนึ่งคริสก้าวลงมาจากโรงแรมที่พักในเชียงใหม่ระหว่างที่ปล่อยความครุ่นคิดคำนึงว่าจะปลดเปลื้องพัมธนาการของชีวิตทิ้งไว้ทันระวังชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ถลาเข้าประชิดพร้อกับคำถามที่ยังความตระหนกตกใจแก่เขาโดยอัตโนมัติ คนคนนี้ประสงค์ดีหรือร้ายกันแน่

"คุณชื่อนายคริสใช่ไหม"

และก่อนที่คริสจะไขข้อข้องใจหรือเรียกหาความคุ้มครอง ชายคนนั้นก็ชิงตัดบทเสียก่อนว่า "ขอบคุณมากครับที่ทำให้เกิดฟุตบอลโค้กคัพขึ้นลูกชายผมได้เล่นฟุตบอลก็เพราะคุณ ผมและครอบครัวจะเป็นแฟนโค้กตลอดไป"

ชายคนนั้นลาจากไปโดยไม่ทันรับรู้ว่าคริสจะสนทนาวิสาสะกับเขาอย่างไรบ้าปล่อยให้คริสงุนงงอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะเปิดรอยยิ้งอันเบิกบาน และห้าวฮึกลำพองในหัวใจที่อิ่มเอิบว่า ประโยคสั้น ๆ ของชายคนนั้นนั่นเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่มีราคาค่างวดมากที่สุดของชีวิตนับตั้งแต่ที่เขาทำงานอย่างหนักให้กับโค้กมานานกว่า 20 ปี"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.