เขาเติบโตจากครอบครัวชาวสวนเชื้อสายจีนแคะฐานะยากจนชีวิตวัยเด็กต้องดิ้นรนหนักหน่วงเมื่อ
30 กว่าปีที่แล้วเขากับพี่ชาย 2 คนร่วมกันสร้างธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์ขาย
ถึงวันนี้เขายืดอกได้อย่างสง่างามในฐานะ "ซาเสี่ย" ของอาณาจักรเหล็กกล้ามูลค่าพันล้านบาท
ถ้าไม่ตัดสินใจปลูกบ้านแล้ว บานปลายกลายเป็นต้องลงทุนร่วมกับเพื่อน ๆ ทำหมู่บ้านจัดสรรระดับหรูเลิศควบคู่ไปด้วย
ป่านนี้ก็คงไม่มีใครในวงกว้างรู้จักนายแบบกิตติมศักดิ์โฆษณาหมู่บ้าน "ศรีเจริญวิลล่า"
ที่ชื่อ อนันตชัย คุณานันทกุลเป็นแน่แท้
เขาโผล่ออกมาตอนท้ายของสปอตโฆษณา พูดกับผู้ชมเพียงสั้น ๆ ว่า "ครับ
ผมอยู่กับคุณที่นี้" บ่งบอกความเป็นเจ้าของโครงการ ในฐานะผู้ถือหุ้นและมีตำแหน่งบริหารเป็นกรรมการผู้จัดการหมู่บ้านศรีเจริญวิลล่าที่ก็มีบ้านปลูกอยู่ในหมู่บ้านนี้ด้วยหลังหนึ่ง
แต่คงจะยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่า อนันตชัย เป็นใครมาจากไหนนอกเหนือจากรรมการผู้จัดการหมู่บ้านจัดสรร
เขาเป็นคนท่วงทำนองเยือกเย็น พูดช้า ๆ แววตาบอกถึงความเป็นคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย
แต่น้ำเสียงดูเหมือนจะแฝงความภูมิอกภูมิใจอยู่ในระดับดีกรีที่สูงพอสมควรเมื่อบอกว่ากลุ่มธุรกิจของเขาคือ
"สยามสตีลกรุ๊ป"
กลุ่มธุรกิจที่ประกอบด้วย 8 บริษัท กับอีก 1 ห้างหุ้นส่วนจำกัด
- บริษัทศรีเจริญอุตสาหกรรม (1979) เป็นบริษัทที่รับผิดชองงานด้านการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เหล็กยี่ห้อ
LUCKY และ KINGDOM ควบคุมตลาด ทั้งในประเทศต่างประเทศ ปัจจุบันมีโชว์รูม
5 แห่ง ที่พระโขนง สุขุมวิท คลองเตย มาบุญครองเซ็นเตอร์และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.สยามโลหะภัณฑ์ ทำหน้าที่ผลิตเฟอร์นิเจอร์เหล็ก LUCKY
และ KINGDOM ส่งให้กับบริษัทแรกจัดจำหน่าย มีโรงงานตั้งอยู่ปู่เจ้าสมิงพรายสมุทรปราการ
ห้างหุ้นส่วนจำกัดนี้ มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า SIAM STEEL ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นชื่อของกลุ่ม
- บริษัทไทยดีคอรา ผลิต MELAMINE DECORATIVE LAMINATED SHEET ที่นิยมเรียกกันว่าแผ่น
FORMICA หรือ DECORA SHEET ภายใต้เครื่องหมายการค้า TD-BOARD ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการตกแต่งตู้โทรทัศน์
ตู้เครื่องเสียง ตู้เย็นและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ รวมทั้งใช้ในงานตกแต่งภายในอาคารสำนักงานและบ้านเรือนทั่วไป
ไทยดีคอราได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ และปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่ออกจากโรงงานมีทั้งที่จำหน่ายในประเทศและส่งออกไปขายต่างประเทศ
- บริษัท ไทยอัมพ์สตีล ผลิตเหล็กรูปรีดร้อน เป็นเหล็กรูปพรรณจำพวก เหล็กแหนบ
เหล็กเพลา เหล็กแข็งต่าง ๆ เหล็กรูปตัว L, U, I และ H เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่ได้รับการส่งเสริมฯ
- บริษัทสหไทย สตีลไพพ์ ผลิตเหล็กรูปรีดเย็น เช่น ท่อเหล็กดำ ท่อเหล็กชุบสังกะสีและเหล็กรูปต่าง
ๆ จำหน่ายทั้งในประเทศและนอกประเทศ
- บริษัทยูเนี่ยน ออโตพาร์ทส แมนแฟคเจอริ่ง กิจการที่ร่วมทุนกับญี่ปุ่นผลิตชิ้นส่วน
ยานยนต์ภายใต้การส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ
- บริษัทสหจักรยานไทย อุตสาหกรรม ผลิตจักรยานและชิ้นส่วนจักรยานภายใต้เครื่อง
หมายการค้า U.C.I จำหน่ายทั้งในประเทศต่างประเทศ
- บริษัทศูนย์บริการเหล็กสยาม เป็นศูนย์บริการเหล็ก เช่นบริการผลิตชิ้นส่วนขั้นต้น
ให้เป็นไปตามความต้องการและตามมาตรฐานของอุตสาหกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์
จักยานยนต์เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือโครงสร้างพร้อมอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างทั่วไป
- บริษัทศรีเจริญบ้านและที่ดิน ดำเนินงานหมู่บ้านจัดสรรศรีเจริญวิลล่าบนเนื้อที่
200
ไร่ ย่ายถนนเทพารักษ์ กม.ที่ 5.5 ที่กลายเป็นกิจการเปิดตัวอนันตชัยออกสู่สาธารณชน
ว่าไปแล้วก็ล้วนเกี่ยวข้องกับ "เหล็ก" แทบทุกบริษัท
"แม้แต่หมู่บ้านจัดสรร ก็ไม่อยากจะพูดว่า อยูนอกสายธุรกิจที่กลุ่มของเราจับเพราะจริงๆ
แล้วเหล้กก็เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยในแง่โครงสร้างของการก่อสร้างรวมทั้งการตกแต่งภายใน"
อนันตชัย คุณานันทกุล พูดถึงศรีเจริญบ้านและที่ดินที่ดูจะเป็นเลือดต่างสี
ในกลุ่มธุรกิจของเขามากที่สุดแต่ก็ยอมรับว่าการเข้ามาจับธุรกิจนี้สืบเนื่องจากต้องการสร้างบ้านตัวเองแล้วเผอิญเพื่อน
ๆ ชวนให้ร่วมลงทุน ท้ายสุดก็เลยต้องเข้ารับผิดชอบด้านการบริหารด้าน
สิบปีแรกของสยามสตีลกรุ๊ปเป็นการถอยกลับไปหาแหล่งวัตถุดิาบแตกแขนงไปผลิตจักรยานเริ่มมีกิจการที่ร่วมทุนกับคนจีนด้วยกัน
ส่วน 20 ปีหลังเป็นการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมหนักเต็มตัวเริ่มดึงญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทุน
"กลุ่มเราถือหุ้นอยู่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ในศรีเจริญบ้านและที่ดิน"
เขาบอก
สยามสตีลกรุ๊ปแท้ที่จริงมีวันนี้ได้เบื้องหลังคือการดิ้นรนต่อสู่อย่างทรหดตลอดระยะเวลากว่า
30 ปีของผู้ก่อตั้ง
เป็นตำนานของพี่น้อง 3 คน
พี่ใหญ่ชื่อสมชัย พี่รองชื่อวันชัย และอนันตชัย คุณานันทกุล เป็นน้องสาม
ทุกวันนี้พนักงานในกลุ่มตลอดจนผู้คนที่มีโอกาสสัมผัสกับอาณาจักรทุกส่วนหรือเพียงบางส่วนรู้จักพวกเขา
3 พี่น้องในนาม ตั้วเสี่ย (เสี่ยใหญ่) ยี่เสี่ย (เสี่ยรอง) และซาเสี่ย (เสี่ยคนที่สาม)
แต่ถ้ากว่า 30 ปีที่แล้ว อาจจะไม่มีใครรู้พวกเขาทั้ง 3 คือลูกชาย 3 คนของครอบครัวคนจีนเชื้อสายแคะที่อพยพเข้ามาทำสวนอยู่แถว
ๆ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
อนันตชัย ขณะนี้อายุ 45 และช่วงนั้นเขายังเล็กมาก แต่ยังพอจดจำได้ว่าครอบครัวประสบมรสุมอย่างหนักหน่วงเมื่อหัวหน้าครอบครัว-ตั้งจิ้น
แซ่คู เสียชีวิต ภาระทุกอย่างตกอยู่กับแม่-คูเจ็ง สี่ แซ่คู และพี่ชาย 2
คนที่อยู่ในวัยเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม
พวกเขาดิ้นรนประกอบธุรกิจทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ขาย เริ่มต้นแถว ๆ ย่านคลองเตยแล้วย้ายมาย่านซอยอารีย์
พระราม 4
จากเฟอร์นิเจอร์ไม้ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนมาเป็นเฟอร์นิเจอร์เหล็ก เพราะวัตถุดิบค่อนข้างจะหาง่ายกว่า
บวกกับความสนใจเรื่องเครื่องเหล็กของพี่ชายคนที่สองและความปรารถยาสร้างสรรค์สินค้าคุณภาพ
และจากิจการระดับครัวเรือนที่ใช้แรงงานคนในครอบครัวมีจำนวนลูกจ้างเพียง
2-3 คน ในปี 2500 หรือเมื่อ 30 ปีที่แล้วห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีเจริญอุตสาหกรรมก็ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลอันดับแรกเพื่อผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
สำหรับอนันตชัยเขาผ่านการศึกษาเพียงระดับมัะยมก็ต้องออกมาช่วยงานของครอบครัวเต็มตัว
อนันตชัยเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนอักษรวิทยา เรียนมัธยมช่วงกลางคืนที่โรงเรียนอมาตยศึกษาเขาออกจากโรงเรียนเมื่อปี
2505 ก่อนหน้านั้นเขาเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
พวกเขาทำงานกันอย่างเหน็ดเหนื่อยทุ่มเท เฟอร์นิเจอร์เหล็กจำพวกโต๊ะและตู้เอกสารถูกสร้างอย่างพิถีพิถันรักษามาตรฐานคุณภาพคงเส้นคงวา
จากผลิตเพียงขายปลีกที่ร้านขยับขยายกลายเป็นโรงงานขนาดย่อมผลิตเพื่อส่งร้านค้าอีกทอดหนึ่ง
เพียงช่วง 10 กว่าปีก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมากันได้ไกลมาก ๆ แล้ว
ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เหล็กภายใต้เครื่องหมายการค้า LUCKY และ KINGDOM
แม้จะไม่มีการจัดทำโปรโมชั่นครึกโครม แต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันแพร่หลายเพราะคุณภาพที่บอกกันจากปากสู่ปาก
ที่คิดว่าเป็นของต่างประเทศก็มีจำนวนไม่น้อย
ปี 2510 และปี 2511 ขยายกิจการออกไปด้วยการตั้งบริษัทสหไทยสตีลไพพ์ผลิตท่อเหล็ก
สำหรับประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์บริษัทนี้ต่อมาขยายเป็นผลิตท่อเหล็กอื่น ๆ อีกหลายชนิด
มีทั้งท่อเหล็กกล้า ท่อประปา ท่อร้อยสายไฟ ฯลฯ และ ตั้งบริษัทสหจักรยานไทย
อุตสาหกรรมผลิตจักรยานออกขายเพิ่มตัวสินค้าให้แตกแขนงออกไปบนพื้นฐานการใช้วัตถุดิบเหมือน
ๆ กัน - เหล็ก
ในปี 2512 ภายหลังขยายกำลังการผลิตมาตามลำดับก็ตัดสินใจแตกตัวครั้งแรกแยกการผลิตการจำหน่ายออกจากกัน
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ช.สยามโลหะภัณฑ์ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ผลิต ส่วนห้างหุ้นส่วนฯ
ศรีเจริญอุตสาหกรรมเปลี่ยนฐานะเป็นบริษัทศรีเจริญอุตสาหกรรม (1979) ทำหน้าที่เป็นบริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือ
ปี 2515 ก่อตั้งบริษัทไทยดีคอรา
ซึ่งเบื้องหลังก็คือการสร้างแหล่งผลิตชิ้นส่วน ที่ใช้ประกอบผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ในเครือแล้วก็จำหน่ายนอกเครือเป็นผลพลอยได้ด้วย
"ทิศทางเห็นได้ชัดเจนว่าสยามสีลกรุ๊ปเริ่มเป็นรูปเป็นร่างภายใต้กลยุทธ์ที่เดินย้อนกลับคือ
จากสั่งซื้อชิ้นส่วนมาประกอบเป็นสินค้าเฟอร์นิเจอร์เหล็กพวกเขาเริ่มมองลู่ทางการเข้าไปลงทุนผลิตชิ้นส่วนสำคัญ
ๆ เสียเอง"" แหล่งข่าวที่รู้จักกลุ่มธุรกิจนี้มานานนับสิบ ๆ ปีเล่าให้ฟัง
"แล้วจากฐานที่กลับลงไปนั่นเอง ที่ค่อยแตกแขนงไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ อย่างเช่นผลิตเหล้กเองก็ขยายไปทำชิ้นส่วนรถยนต์
จักรยานยนต์ เป็นต้น"
บริษัทไทยดีคอราเป็นบริษัทแรกที่เริ่มมีลักษณะร่วมทุนกับกลุ่มอื่น "โดยเราถือหุ้น
90% ขณะที่ ช.สยามโลหะภัณฑ์กับศรีเจริญอุตสาหกรรมเป็นของเรา 100% หุ้นส่วนในไทยดีคอราก็เป็นกลุ่มคนไทยที่รู้จักกับพวกเราเป็นอย่างดี"
อนันตชัยเปิดเผยกับ "ผู้จัดการ"
ในปี 2520 ก่อตั้งบริษัทไทรอัมพ์สตีลเพื่อดำเนินการผลิตเหล็กรูปพรรณต่างๆ
ส่วนหนึ่งใช้สำหรับกิจการในเครือ และส่วนที่เหลือจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศไทยอัมพ์สตีลเป็นบริษัทที่ร่วมทุนกับสิงคโปร์ฮ่องกง
และไต้หวัน ซึ่งคนที่เป็นผู้ประสานงานกระทั่งดึงกลุ่มทุนจากต่างประเทศชุดแรกเข้ามาร่วมด้วยได้นี้ก็คือ
วันชัย ยี่เสี่ยหรือพี่ชายคนที่สองของอนันตชัย
และวิชัยก็สามารถดึงเข้ามาได้อีกหลายกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กของญี่ปุ่น
ปัจจุบันเขามีบทบาทในกลุ่มสยามสตีลในฐานะคนที่ดูแลงานด้านต่างประเทศทั้งหมดส่วนพี่คนโตดูเรื่องการเงินและบัญชี
อนันตชัย ดูด้านการตลาดภายในประเทศและต่างประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์
ทั้ง 3 พี่น้องจะร่วมกันตัดสินใจในเกือบทุกเรื่องราวของอาณาจักรขนาดพัน
ๆ ล้านของพวกเขา บางครั้งบนโต๊ะอาหาร บนโต๊ะประชุม หรือในห้องทำงานของแต่ละคน
แต่ถ้าถามว่าใครมีพลังในการตัดสินใจสูงสุดโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของกลุ่มหรือการขยายกิจการแล้ว
ดูเหมือนคำตอบคือ "วันชัย คุณานันทกุล"
ในปี 2528 ร่วมมือกับบริษัทโอกายาของญี่ปุ่นก่อตั้งบริษัทยูเนียน ออกโตพาร์ทสแมนูแฟคเจอริ่ง
ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ บริษัทนี้กลุ่มลูกค้าสำคัญคือโรงงานประกอบจักรยานยนต์ซูซูกิ
ยามาฮ่า ฮอนด้า และคาวาซากิ เป็นต้น
และปีเดียวกันนี้เองที่สยามสตีลกรุ๊ปก่อตั้งบริษัทศูนย์บริการเหล็กสยาม
ที่เปรียบเสมือนหัวใจของอุตสาหกรรมเหล็กของกลุ่มขึ้นโดยได้รับความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคจากนิปปอนสตีลของญี่ปุ่น
ศูนย์บริการเหล็กสยามไปแล้วก็คือประตูแรกที่จะส่งผ่านผลิตภัณฑ์ของโรงงานไปสู่โรงานอื่น
ๆ ของกลุ่ม มีหน้าที่ผลิตชิ้นส่วนขั้นต้นตามความต้องการและมาตรฐานของอุตสาหกรรมประเภท
ทุกวันนี้อนันตชัย คุณานันทกุล มักจะนั่งอยู่ที่ ช.สยามโลหะภัณฑ์ ภาระหน้าที่ของเขาเน้นหนักอยู่ที่ธุรกิจดั้งเดิมของกลุ่มเฟอร์นิเจอร์เหล็ก
พี่ชายคนโตของเขานั้นปัจจุบันอายุ 55 พี่คนรองอายุ 48 ยังอยู่ในวัยกระฉับเฉงด้วยกันทุกคน
แต่กระนั้นอาณาจักรใหญ่โตของพวกเขาเริ่มมีคนรุ่นต่อไปเข้ามามีบทบาทบ้างแล้ว
"อย่างลูกชายพี่คนโตอายุ 27 ก็เพิ่งกลับจากต่างประเทศ เราก็ให้นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการศูนย์บริการเหล็กสยาม
แล้วก็มีอีกที่กำลังจะจบการศึกษา" อนันตชัยเล่าให้ฟัง
พวกเขามีพื้นฐานการศึกษาไม่ได้สูงส่งแม้แต่คนเดียว แต่อาศัยความมานะอดทนเรียนรู้จากประสบการณ์และชีวิตจริง
สร้างเนื้อสร้างตัวกันขึ้นมาอย่างเงียบเชียบกระทั่งเรียกได้เต็มปากว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าอิจฉา
อนันตชัยและพี่ ๆ ของเขายังมีเวลาอีกพอสมควรสำหรับการขยายอาณาจักรออกไปอีก
และพร้อมกันนั้นเขาเตรียมการสำหรับทายาทรุ่นต่อไปกันอย่างรัดกุม
"คิดว่าก็คงจะให้ไปเรียนต่างประเทศทุกคน อย่างลูกพี่ชายคนโตที่กลับมาช่วยงานแล้วคนนั้นจบจากญี่ปุ่น"
อนันตชัยบอก
อนันตชัยมีครอบครัวเมื่อปี 2511 ภรรยาของเขาปัจจุบันคุมการด้านการเงินอยู่ในบริษัท
2-3 บริษัทในกลุ่ม เขามีลูก 4 คน คนโตอายุ 17 เรียนอัสสัมชัญ คนที่สองอายุ
14 เรียนเซ็นโยเซฟคอนแวนต์ คนที่สามอายุ 13 เรียนอัสสัมชัญและคนที่สี่อายุ
5 ขวบเรียนโรงเรียนอนุบาลดิษยะศริน
เห็นได้ชัดว่าเขาวางพื้นฐานให้ทายาทได้ไม่มีที่ติ
ปัจจุบันนอกจากจะทำหน้าที่เป็นคีย์คนหนึ่งของสยามสตีลกรุ๊ปที่แอบใหญ่โตมโหฬารมาตลอด
30 กว่าปีแล้ว เขาเริ่มก้าวออกสู่วงสังคมมากขึ้น
อนันตชัยเพิ่งจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ
เขาชอบอ่านหนังสือโดยเฉฑาะหนังสือแนวธุรกิจและนิตยสารเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
ยามว่างชอบเดินชมห้างสรรพสินค้า ถ้าอยู่บ้านก็ดูทีวี
เสื้อผ้าค่อนข้างประณีตสั่งตัดเป็นพิเศษจากร้านดีโอนี่ที่กระเป๋าเสื้อเหน็บปากกาดูปองท์และข้อมือสวมโรเล็กซ์
ส่วนรถยนต์ที่ใช้ประจำคือเบนซ์ 280 เอสอีแอล
บ่งบอกมาดเสี่ยทุกกระเบียดนิ้ว
ซึ่งมองย้อนหลังกลับไป 30-40 ปีที่แล้ว อนันตชัยมาจากที่ไกลจนเกือบจะสุดขอบโลกทีเดียว