|
ดีทแฮล์มทุ่ม300ล.ผุดดีซี ยกไทยฮับเซาท์อีสท์เอเซีย
ASTVผู้จัดการรายวัน(22 มิถุนายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
กลุ่มดีเคเอสเอช มั่นใจศักยภาพประเทศไทย เดินหน้าการลงทุนต่อเนื่อง เตรียมเทอีก 300 ล้านบาท ผุดศูนย์กระจายสินค้าภาคเหลือและภาคใต้ ครึ่งปีแรกยังพอใจในรายได้ ทั้งปีมั่นใจเติบโตขึ้นอย่างน้อย 8%
นายเยิร์ก โวลเล่ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเคเอสเอช โฮลดิ้ง จำกัด ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ในประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ค่อยดี แต่สำหรับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดที่สำคัญของดีทแฮล์ม ซึ่งยังคงมองเห็นศักยภาพที่ดีอยู่ รวมถึงเป็นฮับและแม่แบบให้กับดีทแฮล์มอีกหลายๆประเทศในภูมิภาคแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นในแง่ของการลงทุนต่างๆจึงยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง
ล่าสุดในส่วนของการลงทุนเกี่ยวกับศูนย์กระจายสินค้า ในอีก 2 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปเปิดศูนย์กระจายสินค้าย่อยประเภทอาหารแช่เย็นและอาหารแช่แข็งในภาคเหนือและภาคใต้อีกภาคละ 1 แห่ง ภายใต้งบลงทุนที่วางไว้ 300 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ทางบริษัทได้ลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มศูนย์กระจายสินค้าประเภทอาหารแช่เย็นและอาหารแช่แข็ง บนพื้นที่กว่า 14 ไร่ บนถนนสุขุมวิท กม.30 อำเภอบางปู จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นการลงทุนในเฟส 2 และกำลังจะลงทุนในเฟส 3 ต่อไป
“การขยายศูนย์กระจายสินค้าย่อยในภาคเหนือและใต้ ถือเป็นการให้บริการที่ต้องการทำให้สินค้าเข้าใกล้ผู้บริโภคมากที่สุด ขณะเดียวกันเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนไทยที่เปลี่ยนแปลงไป มีการรับประทานอาหารแบบเดลี่มากขึ้น ซึ่งจะเริ่มในอีก 2 ปีนั้น โดยยังถือเป็นการลงทุนที่อยู่ในแผน ไม่ได้มีการเลื่อนออกไปแต่อย่างไร เพียงแต่ต้องรอให้การขยายศูนย์กระจายสินค้าประเภทอาหารแช่เย็นและอาหารแช่แข็ง บางปู เสร็จสมบูรณ์ก่อน อีกทั้งเพื่อเป็นการศึกษาหาสถานที่ที่ชัดเจนกว่านี้ด้วย”
อย่างไรก็ตามในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ดีทแฮล์ม เดินหน้าลงทุนตามแผนระยะยาวทั้งในเรื่องของศูนย์กระจายสินค้า ที่ให้บริการอย่างสมบูรณ์ไปแล้ว 2 แห่ง คือ ศูนย์กระจายสินค้าเกี่ยวกับคอนซูเมอร์ กู้ดส์ ที่บางนา และศูนย์กระจายสินค้าเกี่ยวกับเฮลท์แคร์ ที่บางนา เช่นกัน โดยในแง่ของบุคคลากรถือเป็นการลงทุนที่ทำต่อเนื่องเช่นกัน
โดยมีทั้งการอบรมพนักงานและเพิ่มศักยภาพอยู่ตลอดเวลา
นายเยิร์ก กล่าวต่อว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจ คือ การเป็นผู้นำช่วยคู่ค้าให้บริการด้านการตลาดการขายและ จัดจำหน่าย ใน 4 ธุรกิจหลัก คือ คอนซุเมอร์ กู้ดส์, เฮลท์แคร์, วัตถุดิบต่างๆ และด้านเทคโนโลยี ซึ่งทางบริษัทจะโฟกัสขยายการลงทุนใน 4 ธุรกิจนี้ในรูปแบบของการควบรวมกิจการ หรือซื้อกิจการจากเจ้าของบริษัทโดยตรง ซึ่งในขณะนี้มีเข้ามาพิจารณาอยู่หลายราย
นอกจากนี้ในส่วนของลูกค้าใหม่ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลูกค้าเพิ่มอีก 1 ราย ส่วนครึ่งปีหลังนี้ ได้เซ็นสัญญาเพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่อีกรายหนึ่ง คาดว่าอีกไม่นานจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ปัจจุบันดีทแฮล์ม เป็นผู้นำด้านการตลาดและการจัดจำหน่ายของโลก ที่มีสาขากว่า 35 ประเทศทั่วโลก โดยในปี 2551 ที่ผ่านมา มีผลประกอบการทั่วโลกสูงถึง 268,000 ล้านบาท โดยในส่วนของประเทศไทย มียอดขายมากถึง 110,000 ล้านบาท ปีนี้เชื่อว่าจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งครึ่งปีที่ผ่านมาดีทแฮล์มไทยแลนด์ มีตัวเลขรายได้เป็นที่พอใจ แม้ว่าภาพรวมสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่จะตกลง กลุ่มเทคโนโลยีจะชะลอตัว แต่สำหรับคอนซูเมอร์ กู้ดส์ และเฮลท์แคร์ยังเติบโตได้ดีอยู่
นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล ประธานอำนวยการ-ประเทศไทย บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ มองว่า มี 2 ปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบกับยอดขายว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง คือ 1.การเมือง หากการเมืองนิ่ง ก็จะมีผลต่ออารมณ์การซื้อของผู้บริโภค 2.ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อที่มีน้อยลง ดังนั้นทั้งปีจึงมองว่าภาพรวมของดีทแฮล์มไทยแลนด์ อย่างน้อยน่าจะมีรายได้เติบโตขึ้น 8%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|