|
เงินหมื่นล้าน$ทะลักEM
ASTVผู้จัดการรายวัน(17 มิถุนายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
บลจ.อเบอร์ดีนเผย เม็ดเงินทะลักเข้าตลาดเกิดใหม่แล้วกว่าหมื่นล้านเหรียญ อานิสงส์นักลงทุนพร้อมใจ ควักเงินสดออกมาลงทุน หลังมั่นใจต่อเศรษฐกิจโลก แม้ปัจจัยพื้นฐานยังไม่ดีขึ้น หุ้นกลุ่มไอทีและพลังงานพุ่งแรงสุด ประเมินตลาดเอเชีย ยังไปได้ต่อได้อีกในระยะยาว แม้ราคาหุ้นขยับขึ้นสูงแล้ว แนะจับจังหวะเข้าลงทุน หากราคามีการปรับฐาน
นายคริสโตเฟอร์ หว่อง ผู้จัดการกองทุนในทีมตราสารทุนเอเชีย กลุ่มอเบอร์ดีน เปิดเผยถึง ภาวะตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ทั่วโลกว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ มีอัตราการเติบโตสูงว่าตลาดหุ้นของประเทศที่พัฒนาแล้ว 3-4 เท่า แต่เมื่อเกิดวิกฤตสถาบันการเงินขึ้นมา ตลาดของประเทศเกิดใหม่ก็ปรับตัวลงไปอย่างแรงเช่นเดียวกัน แต่ขณะนี้หลังจากผ่านไตรมาสแรกของปีนี้ นับตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่เริ่มปรับตัวขึ้นมาอย่างมากขณะที่ความผันผวนในตลาดก็เริ่มน้อยลง โดยมีเงินทุนไหลเข้าในตลาดประมาณ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และเมื่อเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันประเทศที่พัฒนาแล้วมีเงินทุนไหลออกไปจากตลาด 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
โดยดัชนี MSCI Emerging Market นั้น ได้ชี้ให้เห็นว่าหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการปรับตัวขึ้นมาอย่างแรงมากเมื่อเทียบกับในช่วงก่อนหน้าที่ลดลงไปอย่างมาก เนื่องจากประเทศผู้ส่งออกสินค้าเหล่านี้ เช่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปยังหรัฐฯ ขณะที่ราคานํ้ามันที่เริ่มปรับตัวขึ้นนั้น เป็นอีกตัวหนึ่งที่ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากตลาดเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนหุ้นในกลุ่มการอุปโภคบริโภคนั้นยังไม่ดีเท่ากับหุ้นในกลุ่ม เทคโนโลยีสารสนเทศ และกลุ่มพลังงาน
ทั้งนี้ เหตุที่ตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่น่าลงทุนนั้น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีประชากรจำนวนมาก ทำให้การอุปโภคบริโภคภายในประเทศจึงมีสูง ขณะเดียวกันยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกันในระดับประเทศและระดับองค์กรธุรกิจ อีกทั้งประเทศเหล่านี้มีศึกษาถึงปัญหาทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา เพื่อป้องกันตนเองและมีการเน้นไปที่การลดภาระหนี้สินต่างๆ รวมทั้งปัจจัยในเรื่องของการส่งออกจำนวนมากด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ในเรื่องของอัตราการออมนั้น กลุ่มประเทศเกิดใหม่มีอัตราการออมที่มากกว่าเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมทั้งเรื่องของการกู้เงินของภาคเอกชนนั้น มีการกู้ในระดับที่ไม่สูงนัก เนื่องจากมีงบดุลอยู่ในระดับดี ทำให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยกู้เงินที่มีอยู่ได้ทันทีซึ่งต่างจากในสหรัฐฯและยุโรปที่ต้องกู้เงินมาและทำการปล่อยกู้อีกทีหนึ่ง
นายคริสโตเฟอร์ หว่อง กล่าวต่อว่า สำหรับราคาหุ้นของประเทศเกิดใหม่ที่มีราคาแพงนั้น มาจากราคาซื้อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับหุ้นของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งหุ้นบางกลุ่มมีราคาสูงจากฐานราคาในอดีตและตัวเลขผลประกอบการที่อยู่สูง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของตลาดหุ้นและการลงทุนในประเทศเกิดใหม่นั้น มีปัจจัยทางเทคนิคอีกมากที่สามารถช่วยหนุนตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่ให้ปรับตัวขึ้นมาได้ในช่วงสั้นๆ ได้แก่ การที่ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ได้มีการถือเงินสดไว้จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา และนำเงินกลับเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อเห็นว่าตลาดเริ่มมีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้น
ขณะเดียวกันนโยบายการเงินของโลกที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้เกิดสภาพคล่องในระบบและไหลเข้าสู่การลงทุนในตราสารทางการเงิน รวมทั้งความมั่นใจของนักลงทุนที่มีมากขึ้น หลังจากมีข่าวเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งสะท้อนมาจากตัวเลขรายได้ของภาคธุรกิจในไตรมาสแรกของปีนี้ที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ภาวะตลาดดังกล่าวยังเทียบไม่ได้กับภาวะตลาดในช่วงที่อุปสงส์ปรับตัวขึ้นมาจากเรื่องของปัจจัยพื้นฐานอย่างแท้จริง
"เราอยากเห็นปัจจัยพื้นฐานที่เริ่มดีขึ้นซึ่งจะทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นไปอีก และหากหุ้นปรับตัวลงไปอีกก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุน เพราะเรามองว่าในระยะ 3-5 ปีต่อจากนี้ หุ้นของกลุ่มประเทศเกิดใหม่จะโตต่อไปได้อีก"ผู้จัดการกองทุนในทีมตราสารทุนเอเชีย ระบุ
นอกจากยังกล่าวเสริมอีกว่า ในเรื่องของราคาหุ้นประเทศเกิดใหม่ทั่วโลกนั้น หุ้นของประเทศเกิดใหม่ในเอเชียขณะนี้ราคาขึ้นไปมากและมีราคาสูงกว่าประเทศเกิดใหม่ในตะวันตกประมาณ 15-16เท่า และยังเชื่อว่าในระยะยาวแล้วจะมีเงินไหลเข้าลงทุนในประเทศเกิดใหม่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งผู้จัดการกองทุนจำนวนมากยังถือเงินสดกันอยู่ ถ้ามองตามเทคนิคแล้วหากบริษัทต่างๆเริ่มมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น เชื่อว่าจะมีเงินทุนไหลเข้าไปลงทุนในภูมิภาคเอเชียได้อีก โดยเศรษฐกิจของโลกในปัจจุบัน มีการเข้าลงทุนอยู่ในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงมีเรื่องของความผันผวนเข้ามากระทบอยู่บ้างตามปกติของตลาดเกิดใหม่
สำหรับการลงทุนในหุ้นของประเทศเกิดใหม่นั้น คริสโตเฟอร ์ หว่อง ระบุว่า ทาง บลจ. อเบอร์ดีน ให้นํ้าหนักการลงทุนไปที่เอเชียและกลุ่มประเทศละตินอเมริกาเป็นหลัก โดยในกลุ่มละตินอเมริกานั้นมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ประมาณ 26%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|