เคทีซียันไม่แข่งอนุมัติบัตรเร็ว หลังยอดปลอมแปลงเอกสารพุ่ง


ASTVผู้จัดการรายวัน(16 มิถุนายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

เคทีซีชี้เศรษฐกิจฟุบดันยอดปลอมแปลงเอกสารขอทำบัตรเครดิตเพิ่ม ส่วนยอดการปลอมแปลงบัตรลดลงหลังติดชิพการ์ดป้องกันครบ 100% แล้ว พร้อมอุดช่องโหว่ด้วยการไม่แข่งขันด้านเวลาในการอนุมัติบัตรที่รวดเร็วและจ้างผู้ชำนาญมาตรวจเอกสารอย่างละเอียด หันป้องกันความเสี่ยงด้วยการบุกตลาดแบบเจาะจง หวังคุมคุณภาพหนี้ไม่เกิน 2% ระบุ 22-24 มิ.ย.เตรียมขายหุ้นกู้อายุ 3ปี จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 5.5%

นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้ ทางเคทีซีได้มีการตรวจสอบพบว่ายอดการทุจริตด้วยการปลอมแปลงเอกสารเพื่อสมัครบัตรเครดิตได้มีจำนวนมากขึ้น ส่วนยอดการทุจริตด้วยการปลอมบัตรเครดิตนั้นได้ลดลง เนื่องจากทางเคทีซีได้มีการติดชิพการ์ดบนบัตรเครดิตเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลครบทั้งพอร์ต 100% แล้ว

ทั้งนี้ รูปแบบของการปลอมแปลงเอกสารในการสมัครบัตรเครดิตนั้น จะมีตั้งแต่การปลอมเอกสารเกี่ยวกับเงินเดือน เอกสารการเงินต่าง ๆ รวมถึงบัตรประชาชนปลอม ซึ่งส่วนใหญ่ทางเคทีซีจะมีการตรวจสอบพบก่อนที่จะอนุมัติบัตรเครดิตให้ ซึ่งการทุจริตที่หลุดรอดเข้ามาได้นั้นได้มีน้อยมากหรือส่งผลต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) น้อยมากหรือประมาณ 0.01% ของยอดขายเท่านั้น

นอกจากนี้ทางเคทีซียังได้ลงทุนในการจัดการป้องกันการทุจริต ทั้งการจ้างผู้ชำนาญการมาดูเกี่ยวกับการตรวจสอบเอกสารโดยเฉพาะ อีกทั้งจะไม่มุ่งเน้นแข่งขันในด้านความรวดเร็วในการอนุมัติบัตรเครดิต เนื่องจากจะเป็นช่องว่างให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาก่อความเสียหายได้ ซึ่งปัจจุบันเคทีซีจะใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลและพิจารณาว่าจะอนุมัติบัตรเครดิตหรือไม่ประมาณ 7 วัน

"ต้นทุนในการจัดการดูแลเรื่องพวกนี้สูงมาก ค่าใช้จ่ายเป็นหลักสิบล้านบาท ซึ่งเราไม่อยากแข่งเรื่อวเวลาเพราะถ้าอนุมัติเร็วก็อาจเป็นช่องโหว่ได้เราจึงพยายามจะอุดช่องนี้ให้ได้ ซึ่งช่องโหว่ที่ผ่านมานั้นจะมีทั้งการตรวจสอบใบสมัครที่เร็วเกินไป การขาดผู้ชำนาญการในการดูเอกสาร รวมถึงเมื่อก่อนจะมีการโทรศัพท์ไปเช็คข้อมูลระหว่างธนาคาร แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำได้เพราะกฎหมายระบุไว้"

นายธวัชชัย กล่าวว่า ปัจจุบันยอดการอนุมัติบัตรเครดิตของเคทีซีอยู่ที่ประมาณ 45% ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากในช่วงต้นปีที่มียอดการอนุมัติอยู่ที่ 40% ส่วนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรรวมสูงขึ้นจากช่วงปีก่อน 10% แต่ยอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบัตรต่อเดือนนั้นลดลงเล็กน้อยจาก 7,100 บาท เป็น 6,600 บาท เพราะลูกค้ามีการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น แต่การใช้จ่ายในห้างสรรพสินค้าไม่ได้ลดลง แต่ที่ลดนั้นจะมาจากส่วนของน้ำมันที่มีลดลงจากลูกค้าหันไปใช้บัตรเครดิตของที่อื่นซึ่งมีโปรโมชั่นเกี่ยวกับการเติมน้ำมันและราคาน้ำมันที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับอัตราการผิดนัดชำระขณะนี้ได้มีการปรับตัวขึ้น 0.50% หรือจากกว่า 3% เป็น 4% ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากลูกค้าในกลุ่มที่เป็นผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนเอ็นพีแอลของบัตรเครดิตปัจจุบันอยู่ที่ไม่ถึง 2% ซึ่งตามแผนปีนี้ก็จะพยายามควบคุมให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป ขณะที่อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของบัตรเครดิตทั้งระบบอยู่ที่ 7 % และเอ็นพีแอลอยู่ที่ 3%

อย่างไรก็ตามการทำตลาดบัตรเครดิตของเคทีซีในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นแบบเจาะจงมากขึ้น โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กลุ่มแพทย์ พยาบาล ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และกลุ่มพนักงานของสถาบันการเงิน เป็นต้น ซึ่งกลุ่มเหล่านี้จะมีรายได้ที่สม่ำเสมอ โดยขณะนี้ทางเคทีซีได้เข้าไปหารือกับสมาคมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการเจาะกลุ่มลูกค้าดังกล่าวแล้ว และที่ผ่านมาในฐานลูกค้าของเคทีซีก็มีลูกค้ากลุ่มแพทย์อยู่บ้างแล้วซึ่งมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบัตรต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทขึ้นไป

คลอดหุ้นกู้3ปีดอกเบี้ย5.5%

นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานคอร์ปอเรต ไฟแนนซ์ บริษัท บัตรกรุงไทย กล่าวว่า เคทีซีเตรียมจะเปิดจำหน่ายหุ้นกู้อายุ 3ปี ให้กับประชาชนทั่วไป ในอัตราดอกเบี้ย 5.50% ต่อปี ตลอดอายุ 3 ปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยจะเสนอขายขั้นต่ำที่ 100,000 บาท และเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณของ 100,000 บาท โดยเป็นหุ้นกู้ระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันและมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ชำระคืนเงินต้นครั้งเดียวเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน ทั้งนี้ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ BBB+ โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสนับสนุนธุรกิจของบริษัทและรองรับธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น

โดยจะมีการเปิดจองซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวที่บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา และธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ และสาขาที่กำหนด ในวันที่ 22 - 24 มิถุนายน 2552

"ที่เลือกออกช่วงนี้คงเพราะเป็นจังหวะที่เหมาะสมแล้ว เพราะเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดยังต่ำอยู่ ทำให้หุ้นกู้ตัวนี้น่าจะเป็นที่สนใจมาก เพราะจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน และให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 5.5% อีกทั้งเท่าที่สำรวจในขณะนี้หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับความสนใจค่อนข้างมาก ส่วนวงเงินนั้นตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการสรุปอยู่ ซึ่งหากขายรอบนี้หมดแล้วจะมีการออกล็อตอื่นอีกหรือไม่ก็คงต้องรอดูความเหมาะสม เพราะหากล็อตแรกนี้ออกไปแล้ว แต่ธุรกิจของเราไม่ขยายตัวหรือไม่ได้มีการเติบโตที่รวดเร็วมากก็อาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องออกเพิ่ม"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.