|
หุ้นไทยรูดหนัก16จุดผวาจี8เสียงแตกแก้ศก.
ASTV ผู้จัดการรายวัน(16 มิถุนายน 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ตลาดหุ้นไทยปรับฐานครั้งใหญ่ ดัชนีรูดตามตลาดต่างประเทศกว่า 16 จุด หรือคิดเป็น 2.65% มูลค่าการซื้อขายรวม 2.3 หมื่นล้านบาท ระบุนักลงทุนผวากลุ่มจี 8 เสียงแตกแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เทขายหุ้นป้องกันความเสี่ยง บวกกับปัจจัยในประเทศการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 และเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ที่รุนแรงขึ้น ด้านโบรกเกอร์เผยแนวโน้มหุ้นไทย อิงกับตลาดหุ้นโลก หลังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน พร้อมแนะลดพอร์ตลงทุน ถือเงินสด 75%
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (15 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นแกว่งตัวค่อนข้างผันผวนในแดนลบ ซึ่งสอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก หลังจากที่เกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศและรัสเซีย (จี8) ที่เกียวกับการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และต่ำกว่าราคาปิดครั้งก่อนตลอดทั้งวัน
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเปิดการซื้อขายในภาคเช้า แตะระดับสูงสุดที่ 631.01 จุด และปรับตัวลดลงรุนแรงและต่ำสุดที่ 606.15 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ระดับ 611.92 จุด ลดลงจากวันก่อน 16.63 จุด หรือคิดเป็น 2.65% มูลค่าการซื้อขายรวม 23,094.02 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 607.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,184.28 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,576.68 ล้านบาท ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิตั้งแต่ต้นปี 2552 รวมแล้วกว่า 20,533.07 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 247 บาท ลดลงจากวันก่อน 11 บาท หรือคิดเป็น 4.26% มูลค่าการซื้อขายรวม 3,607.53 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ราคาปิด 140.50 บาท ลดลง 5.50 บาท หรือ 3.77% มูลค่าการซื้อขาย 1,771.73 ล้านบาท และบมจ. โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ราคาปิด 22.80 บาท ลดลง 0.88 บาท หรือ 3.39% มูลค่าการซื้อขาย 1,380.68 ล้านบาท
นายเตชธร ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้มีการแกว่งลดลงตามตลาดต่างประเทศ โดยปัจจัยหลักน่าจะได้รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งจากราคาน้ำมันอ่อนตัวลง จากความกังวลว่ากลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมัน (โอเปก) ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกลง โดยสัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลดลง 0.64 ดอลลาร์ หรือ -0.88% ปิดที่ 72.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
ขณะเดียวกัน ยังถูกซ้ำเติมจากปัจจัยในประเทศ ทั้งเรื่องการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 รายแล้ว จึงเกิดความวิตกกังวลให้กับประชาชนในการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงเหตุการณ์การก่อความมาสงบในภาคใต้ที่ขณะนี้ได้กลับมาก่อความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง จากเดิมที่เคยมีการทุเลาลงไปบ้างแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยทางการเมืองในเรื่องของเสถียรภาพทางการกอบกู้ปัญหาเศรษฐกิจของชุดรัฐบาล ในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามความเคลื่อนไหวปัจจัยต่างๆ อย่างใกล้ชิด
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดไว้ในมือประมาณ 75% ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่กำลังเหมาะสมกับภาวะตลาดหุ้นและสถานการณ์ในตอนนี้ที่ต้องจับตาดูไประยะหนึ่งก่อน โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 600 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 615 จุด
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เคทีซีมิโก้ กล่าวว่า วานนี้ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงเปิดตลาดการซื้อขาย ดัชนีตลาดหุ้นพยายามยืนในแดนบวก แต่ท้ายที่สุดได้อ่อนตัวลงและยืนในแดนลบ เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุนบรรยากาศการลงทุน รวมทั้งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยกดดันส่วนหนึ่งจากการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 201 ราย จากเดิม 150 ราย อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวไม่ใช่ประเด็นหลักที่ส่งผลต่อทิศทางของดัชนีตลาดหุ้นมากนัก แต่อาจมีผลกระทบในเรื่องของการสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน และอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งยังเป็นปัญหาที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ จากการประเมิน มีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก เนื่องจากถือว่าเป็นปัจจัยหลักที่มีน้ำหนักและชี้นำการลงทุน อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนการลงทุน ทั้งนี้ต้องติดตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกประกอบด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงานและการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ อย่างไรก็ตาม หากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดต่ำกว่า 600 จุด มีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 580 จุด
อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้ คือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่เดือนพฤษภาคมในวันอังคารนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อของเดือนพฤษภาคมในวันพุธนี้ สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะลดพอร์ตลงทุน โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 600 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 624-630 จุด
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวน โดยเฉพาะการซื้อขายในช่วงบ่ายที่ปรับตัวลดลงแรงเกือบ 4% โดยมองว่า ตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะปรับฐานครั้งใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากแรงหนุนของเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาไล่ซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน รวมทั้ง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ทำให้มีนักลงทุนเริ่มเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้น
ขณะเดียวกัน จากการที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นที่สามารถยืนเหนือ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ได้ ส่งผลกระทบต่อความวิตกของนักลงทุนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จนส่งผลให้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเริ่มหันหลับไปเก็งกำไรจากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าขึ้น ทำให้หุ้นไทยถูกแรงเทขายอย่างหนัก
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|