PLEหันจับงานเล็ก-ขยายสู่ตปท.เพิ่มหวังประคองรายได้ปีนี้เท่า51ที่9พันล.


ASTVผู้จัดการรายวัน(16 มิถุนายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

เพาเวอร์ไลน์ฯ ปรับแผนรับงานขนาดเล็กในประเทศและขยายงานในการ์ต้าเพิ่ม หลังงานประมูลขนาดใหญ่ในประเทศลดตามภาวะเศรษฐกิจ หวังประคองรายได้ใกล้เคียงปีก่อน 9.14 พันล้านบาท เผยมีงานในมือกว่าหมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่องถึงปี 54 แจงน้ำมันแพงกระทบน้อยเพราะป้องกันความเสี่ยงไว้แล้ว

นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE เปิดเผยว่า ในปี 52 แนวทางการบริหารงานของบริษัทคงจะเน้นเข้าร่วมประมูลโครงการภาคเอกชนขนาดเล็กในประเทศและขยายงานในประเทศการ์ต้า เพื่อทดแทนรายได้จากโครงการประมูลขนาดใหญ่ในไทยที่เริ่มน้อยลง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและชะลอตัวหลังเกิดวิกฤตทางการเงินลุกลามทั่วโลก

" ภาพรวมธุรกิจรับเหมาปีนี้ถือว่าค่อนข้างชะลอตัวลงหรือซบเซามากกว่าปี 51 และการลงทุนขนาดใหญ่จากทางภาคเอกชนน้อยลงเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา จึงทำให้ตอนนี้เราจำเป็นต้องปรับแนวทางรับงานมาเป็นโครงการขนาดเล็กมากขึ้น พร้อมทั้งเตรียมจะขยายการรับงานในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศการ์ต้า เนื่องจากมองประเทศดังกล่าวยังคงมีการลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง" นายเสวกกล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (backlog) แบ่งออกเป็น โครงการประเทศไทยมูลค่า 6-7 พันล้านบาท จากโครงการ เช่น โครงสร้างอาคารสูงจำนวน 3 ตึกของ IDEO และโครงการในต่างประเทศ อาทิ โครงการสร้างอาคารต่าง ๆ ในประเทศการ์ต้าประมาณ 7 พันล้านบาท ซึ่งงานในส่วนดังกล่าวจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 54

สำหรับ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเนื่องจนไปยืนเหนือระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาเรลล์นั้น ส่งผลกระทบบ้างเล็กน้อย เพราะมีการป้องกันความเสี่ยงในการรับงานในโครงการต่าง ๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะราคาเหล็กที่ปรับลงมาจากเดิมที่เคลื่อนไหวขึ้นลงค่อนข้างแรงนั้นไม่ได้มีผลดีอะไรมากเพียงแต่ให้ PLE สามารถคำนวณต้นทุนในการรับงานได้ชัดเจนมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ ทางบริษัทได้ถือโอกาสที่เกิดขึ้น ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพของพนักงาน โดยจะเริ่มมีการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทุกคน และประเมินว่ามีใครทำได้หรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากใครไม่ผ่านก็จะให้ออกจากงานเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการบริหาร พร้อมกับตั้งเป้าปี 52 จะมีรายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 9.14 พันล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/52 ยังไม่สามารถคาดเดาได้

อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 52 มติงดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น หลังผลประกอบการสิ้นปี 51 (ตั้งแต่ 1 มกราคม 51 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 51) ปรากฏว่าขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 251.51 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่กำไรสุทธิ 98.80 ล้านบาท หรือลดลง 350.31 ล้านบาท หรือคิดเป็น 354.57% ผลจากบริษัทมีรายได้ในการรับงานลดน้อยลงและต้นทุนวัตถุที่ใช้ในการบริหารสูงขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.