"ซัสโก้"เชียร์รัฐเลิกอุ้มแอลพีจีหนุนกลไกตลาด


ASTVผู้จัดการรายวัน(10 มิถุนายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ซัสโก้หนุนรัฐเลิกอุ้มแอลพีจีทั้งภาคครัวเรือนและขนส่ง แนะให้กลไกราคาตลาดเป็นตัวบีบให้ประชาชนประหยัด หลังยอดการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งขยับเพิ่มสูงขึ้น ด้านปตท.วางแผนนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้นอีก โดยเดือนหน้าจ่อนำเข้าสูงถึง 8 หมื่นตัน

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน)หรือซัสโก้ เปิดเผยว่า หากนโยบายรัฐไม่ต้องการตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี)ต่อไป โดยจะปล่อยให้เป็นไปในทิศทางตลาดโลกนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อยอดการใช้แอลพีจีในภาคการขนส่งและอุตสาหกรรมลดลงแน่นอน เพียงแต่จะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับราคาแอลพีจีที่จะปรับขึ้นมา

ซึ่งในความเห็นส่วนตัวเห็นด้วยที่รัฐจะปล่อยให้ราคาแอลพีจีปรับขึ้นตามกลไกตลาด และไม่ควรอุ้มราคาแอลพีจีในภาคครัวเรือนด้วย เนื่องจากจะเกิดปัญหาการลักลอบนำก๊าซแอลพีจีครัวเรือนไปใช้ในภาคขนส่งเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายต่อชีวิต ควบคุมได้ยาก และยังลดภาระของภาครัฐด้วย

ขณะนี้ยอดการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งได้เพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่เดือนพ.ค.หลังจากราคาน้ำมันขยับสูงขึ้น เพราะเมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันแก๊สโซฮฮล์ 95 กับแอลพีจีพบว่าราคาแอลพีจียังถูกกว่ามาก ซึ่งยอดขายแอลพีจีของปั๊มซัสโก้ขณะนี้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.5 แสนลิตร/เดือน/ปั๊ม จากต้นปีนี้ที่ยอดขายลดลงมาก เนื่องจากราคาน้ำมันถูกทำให้คนหันไปใช้น้ำมันมากขึ้นแทนแอลพีจีทำให้ยอดขายลดลงไป 50%เมื่อเทียบกับช่วงที่น้ำมันสูงถึงลิตรละ 40 บาทพบว่าปั๊มแอลพีจีของซัสโก้บางแห่งมียอดขายสูงถึง 3-4 แสนลิตร/เดือน/ปั๊ม

"หากมีการปรับขึ้นแอลพีจีทั้งภาคครัวเรือนและขนส่งไปไปพร้อมกัน ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากเมื่อเทียบกับน้ำมัน ที่มีปริมาณการใช้สูงกว่ามาก ซึ่งตนเองเห็นว่าไม่ควรอุ้มราคาก๊าซฯในภาคครัวเรือน แต่ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด ทำให้เกิดการประหยัดในการใช้หากราคาสูงขึ้น โดยมองว่าปีนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกไม่น่าจะเกิน 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล "

แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.มีแผนนำเข้าแอลพีจีปริมาณ 6.6 หมื่นตัน แต่เมื่อประเมินดูสถานการณ์ความต้องการใช้แล้วอาจจะปรับลดลงเหลือ 2 ลำเรืออยู่ที่ 4.4 หมื่นตัน และเดือนถัดไปอาจจะมีการนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.8 หมื่นตัน คงต้องประเมินการใช้แอลพีจีเป็นรายวันเพื่อไม่ให้ผิดพลาด ซึ่งการนำเข้าแอลพีจีที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้เนื่องจากความต้องการใช้ภายในประเทศทั้งภาคขนส่งและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาน้ำมันโลกที่ปรับสูงขึ้น โดยราคาแอลพีจีนำเข้ามาอยู่ที่ตันละ 400 กว่าเหรียญสหรัฐ ทำให้รัฐต้องอุดหนุนราคาส่วนเกินที่สูงกว่าราคาควบคุมในประเทศหากสถานการณ์ความต้องการใช้แอลพีจีในประเทศไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาการตึงตัวเหมือนปีก่อนที่ผู้ค้าก๊าซฯไม่มีแอลพีจีจำหน่าย ขณะเดียวกันโรงแยกก๊าซฯและโรงกลั่นน้ำมันยังไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงในช่วงนี้ด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.