แบตเตอรี่REMเดือด ยีเอสเปิดศึกชิงบัลลังค์3K


ASTVผู้จัดการรายสัปดาห์(8 มิถุนายน 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดแบ็ตเตอรี่คึกคัก GS ขยับเข้าตีตลาด REM หลังตลาด OEM ซบเพราะได้รับผลกระทบจากสภาวะการหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก พร้อมส่งผลิตภัณฑ์เจาะทั้งตลาดรถยนต์นั่งและรถปิกอัพ ขอ 3 ปี ควบเบอร์ 1 ทั้ง REM และ OEM ด้าน 3 K แบตเตอรี่ ข่มคิดจะสร้างแบรนด์ในตลาด REM ต้องทำต่อเนื่องไม่ใช่ทำๆ หยุดๆ

ตลาดรถยนต์หดตัวลงทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ส่งผลกระทบผู้ผลิตแบตเตอรี่ ป้อนโรงงานผลิตรถยนต์หรือ OEM โดยเฉพาะ ยีเอส แบตเตอรี่ ผู้ผลิตรายใหญ่ และยังครองตำแหน่งผู้นำในตลาดแบตเตอรี่สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ ต้องปรับแผนเข้ารุกตลาดแบตเตอรี่ทดแทน หรือ REM ทั้งเป้า 3 ปี ต้องชิงส่วนแบ่งตลาดให้ได้ถึง 40% เพื่อครองตำแหน่งผู้นำในตลาด ทั้ง REM และ OEM

ประกาสิทธิ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด และบริษัท สยามยีเอสเซลส์ จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้เราได้วางแผนกลยุทธ์ และนโยบายการตลาด เน้นกิจกรรมเชิงรุกในตลาดรถยนต์ ส่วนบุคคล และรถปิกอัพ รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการขายในพื้นที่ และนวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภท เพื่อตอบสนองความต้องการมากขึ้น พร้อมให้ความสำคัญในการเรื่องบริการสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ การวางแผนจัดการวัตถุดิบที่ดีทันต่อการเปลี่ยนแปลงราคาวัตถุดิบในตลาดโลก และการวางแผนการผลิต ซึ่งปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการดำเนินงานทั้งการวางแผนการขาย และการตลาด โดยเชื่อมันว่านโยบายดังกล่าว ทำให้บริษัทฯรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ได้ และมั่นใจว่าผลประกอบการสามารถเป็นไปตามที่ได้คาการณ์ไว้คือราวๆ 6,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ยีเอส แบตเตอรี่ยอมรับว่าสถานการณ์การหดตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย จาก 6.5 แสนคันในปี 2551 ซึ่งคาดว่าจะลดลงเหลือเพียง 5 แสนคันในปีนี้ ส่งผลกระทบต่อยอดขายแบตเตอรี่ในตลาด OEM ยังไม่รวมตลาดรถยนต์ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เดียวกันอีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดี ตลาดแบตเตอรี่ทดแทน หรือOEMในประเทศ ในช่วงที่ผ่านมา กลับมีอัตราการเติบโต ทำให้ยีเอส จึงต้องเบนเข็มเข้ารุกตาดดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยในปีที่ผ่านมา ยีเอส แบตเตอรี่ ครองส่วนแบ่งในตลาด REM อยู่ประมาณ 35%

สำหรับแบตเตอรี่ในตลาด REM นั้น นอกจากแบรนด์ยีเอส แล้ว 3 K แบตเตอรี่ก็เป็นผู้ผลิตและทำตลาดรายใหญ่ โดยในปีที่ผ่าน 3K ระบุว่า ถือครองส่วนแบ่งในตลาดไว้ถึง 35% และครองตำแหน่งผู้นำในตลาด วีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการบริษัท ไทยสโตเรจแบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการบริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัดตลาดแบตเตอรี่รถยนต์ในปีนี้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น แต่รูปแบบของการแข่งขันจะเปลี่ยนไปจากเดิม ที่เป็นการแข่งขันในรูปแบบของการตัดราคา เป็นการแข่งขันในแง่ของการสร้างความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ รวมทั้งสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้บริโภคที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น

'ตลาดที่แข่งขันแรงขึ้นในปีนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการแข่งขันในเชิงสร้างสรรค์ ผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่หันมาให้ความสำคัญกับการสร้างผลประโยชน์ให้กับผู้บริโภค อย่างไรก็ตามการกำหนดกลยุทธ์ของแต่ละรายก็มีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการวางตำแหน่งและกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ บางรายอาจจะให้น้ำหนักต่อการสร้างภาพลักษณ์ให้เป็นแบตเตอรี่ที่ทนทาน ให้กำลังไฟสูง บางรายอาจเน้นการเข้าหาผู้บริโภคใน รูปแบบที่เป็นแมส ตามแหล่งชุมชนมากขึ้น'วีรวัฒน์ กล่าว

ส่วนการกำหนดกลยุทธ์การแข่งขันและรักษาความเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของ 3K ในปีนี้ จะแบ่งกิจกรรมออกเป็นสองส่วน โดยส่วนแรกเป็นกิจกรรมทางการตลาดที่สื่อสารกับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ทั่วไป อาทิ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม., การร่วมจัดกิจกรรมโรดโชว์ในห้างโมเดิร์นเทรด, การจัดโปรโมชั่นของสมนาคุณในรูปแบบต่างๆ ฯลฯ ในส่วนที่สองเป็นกิจกรรมทางการตลาดที่สื่อสารกับกลุ่มผู้ใช้แบบเฉพาะกลุ่ม ซึ่งในปีนี้เราสนับสนุนกีฬา Motor Sport อย่างจริงจัง โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้รักกีฬาการแข่งขันรถยนต์ ซึ่งมีการจัดกิจกรรมทั้งในส่วนของการสนับสนุนการแข่งขัน และสนับสนุนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์รายการต่างๆ

ขณะที่ วิชิต บัวศรี กรรมการผู้จัดการ สยามยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด บอกว่า 25% ของการผลิตทั้งหมดอยู่ในตลาด OEM อีก 60% อยู่ในตลาด REM ส่วนที่เหลืออยู่ในตลาดส่งออก โดยยีเอส มีผารผลิตอยู่ที่ 70% ของกำลังการผลิตที่มีอยู่ประมาณ 4 ล้านลูก โดยในตลาด REM นั้น มีแนวโน้มเติบโตอีกมาก เนื่องจากจำนวนรถเก่าในตลาดไม่ได้ลดลง

ศรันย์ ชินประหัษฐ์ กรรมการผู้จัดการ สยามยีเอสเซลส์ บอกว่า จากข้อมูลในตลาด REMนั้นมีการจำหน่ายแบตเตอรี่ประเภท Maintenance Free มีสัดส่วนเพียง 10% ยีเอสจึงได้วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ร่วมกันประเทศญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ "แบตเตอรี่ต้องสดเสมอ เมื่อฉีกฟอยล์" เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของแบตเตอรี่ในด้านการจัดเก็บสินค้า (Shelf Life) ซึ่งต้องมีการเติมประจุไฟฟ้า หากเก็บไว้นานเกิน 3 เดือน ในชื่อ"D-Tech" (Dry-MF Technology) แบตเตอรี่ชุดพร้อมใช้งานสำหรับรถยนต์นั่ง โดยมีข้อดีในเรื่องประจุไฟฟ้าที่ไม่ลดลงก่อนถึงมือผู้บริโภค คาดว่าจะสามารถผลิตเพื่อจำหน่ายได้อย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ในช่วงกลางปี บริษัทจะเปิดตัวแบตเตอรี่รุ่นใหม่ "N70Z High Plus" ด้วยการเพิ่มแผ่นธาตุให้ใหญ่กว่ามาตรฐาน มีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ประสิทธิภาพกำลังสตาร์ตของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น รวมทั้งให้กำลังการจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า

"สำหรับกิจกรรมการตลาด บริษัท เน้นรูปแบบกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงทุกช่องทางการจำหน่าย ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าส่งแบตเตอรี่, ร้านจำหน่ายแบตเตอรี่ทั่วประเทศ, ร้านจำหน่ายอะไหล่ทั่วประเทศ, โมเดิร์นเทรด และศูนย์บริการรถยนต์ โดยปัจจุบัน มีร้านจำหน่ายแบรนด์ "ยีเอส" ทั้งสิ้น 250 ร้าน และตั้งเป้าขยายให้ครบ 300 แห่งทั่วประเทศภายในปีนี้ พร้อมกันนี้ ยังวางแผนและดำเนินกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ กับกลุ่มดีลเลอร์ เพื่อส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยดีลเลอร์ที่มีศักยภาพในการขายจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้ดีลเลอร์พัฒนาการขายและขยายกลุ่มเป้าหมายของตลาดในพื้นที่ เช่น กิจกรรมและการส่งเสริมการขายบริเวณร้านค้า การจัดทริปสัมมนาให้ความรู้ผลิตภัณฑ์ใหม่และบริการในรูปแบบต่างๆ ส่วนผู้บริโภคที่ใช้แบตเตอรี่ (End-user) บริษัท ได้จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการดูแลรักษาแบตเตอรี่และเครื่องยนต์ อาทิ กิจกรรมตรวจเช็กแบตเตอรี่ ฟรีในช่วงเทศกาลต่างๆ หรือโปรโมชันพิเศษ" ศรันย์ กล่าว

ยีเอส ระบุถึงตัวเลขงบการตลาดว่า 80 ล้านบาทที่ตั้งไว้จะใช้สำหรับกิจกรรม บีโลเดอะไลน์ถึง 80% ที่เหลือเป็นการสร้างแบรนด์ผ่าน อะโบฟเดอะไลน์

ด้านวีรวัฒน์ จากแบรนรด์ 3 K แบตเตอรี่ ระบุว่าในสถานการณ์ตลาดรถยนต์หดตัว และการแข่งขันที่รุนแรก ผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ควรดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ไม่มุ่งเน้นการกระตุ้นยอดขายมากเกินไป แต่จะต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน กระแสเงินสด รวมทั้งอัตราส่วนกำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม นอกกากนี้การสร้างแบรนด์แบตเตอรี่ให้เป็นที่ยอมรับและวางใจของผู้บริโภคนั้น ผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ทุกรายจะต้องมีการดำเนินกลยุทธ์ รวมทั้งกิจกรรมทางการตลาดต่างๆอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ไม่ควรทำๆหยุดๆ เพราะจะทำให้การสื่อสารกับผู้บริโภคขาดตอน และไม่ส่งผลดีต่อแบรนด์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.