การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการอบรมเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

เราต้องยอมรับกันว่าคนเป็นจำนวนมากที่เข้ารับการอบรมไม่สามารถที่จะเก็บนำเอาความรู้ที่ได้รับไปได้มากเท่าที่ควร บ่อยครั้งที่ผู้เข้ารับการอบรมจะนั่งตัวสั่นอยู่ในเก้าอี้เมื่อถึงคราวถูกเชิญให้ออกไปพูดต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้น เล่นอยู่กับนาฬิกาของตน หรือคอยดูเวลาตลอดเวลา แกล้งทำเป็นคอยจดคำบรรยาย มีส่วนร่วมในการปฏิบัติการและอภิปรายน้อยมาก ซึ่งบางครั้งพฤติกรรมเหล่านี้เกิดจากการที่วิทยากรไม่มีความสามารถ หรือเตรียมตัวมาน้อยทำให้การสอนไม่เป็นที่ดึงดูดใจและน่าสนใจของผู้รับการอบรมมากนัก อย่างไรก็ตามในการเข้ารับการอบรมนั้นเพื่อให้บรรลุผลดีที่สุด ควรมีการสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดี ระหว่างวิทยากรจะต้องมีความรับผิดชอบในส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดความสำเร็จหรือล้มเหลว

ควรสร้างเป้าหมายในการเข้าอบรมให้ชัดเจน

โดยการตั้งเป้าต่อไปว่าต้องการที่จะเรียนรู้อะไร

หรือสามารถที่จะนำไปใช้ได้หลังจากการอบรม

ในที่สุดคุณก็จะรู้ว่าทำไมคุณจึงต้องเข้าอบรม

จากการวิจัยพบว่าปัญหาบางส่วนเกิดจากผู้เข้ารับการอบรมไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร ในการที่จะเลือกหรือได้รับให้มากที่สุดจากการเข้าอบรมของตน ซึ่งจากเหตุผลเหล่านี้จึงมีข้อเสนอแนะบางประการ ที่อาจจะนำมาใช้เป็นข้อแนะนำสำหรับผู้ได้รับเลือกและกำลังจะเข้าอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ

1. พิจารณาถึงเหตุผลในการที่จะเข้าอบรม โดยดูว่าความจำเป็นของการเข้าอบรมอยู่ในระดับใด คุณมีปัญหาเกี่ยวข้องที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ทั้งนี้เพราะขาดความรู้ความชำนาญ

คุณสามารถแก้ปัญหาโดยการกระทำที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระเบียบหรือนโยบาย ก่อนที่คุณจะลงทะเบียนเข้าอบรมในคราวต่อไป ควรสร้างเป้าหมายในการเข้าอบรมให้ชัดเจนโดยการตั้งเป้าต่อไปว่าต้องการที่จะเรียนรู้อะไร หรือสามารถที่จะนำไปใช้ได้หลังจากการเข้าอบรม ในที่สุดคุณก็จะรู้ว่าทำไมคุณจึงต้องเข้าอบรม

2. เลือกโครงการอบรมคราวต่อไปด้วยความระมัดระวัง โดยจำไว้ว่า จะต้องเป็นรายจ่ายของคุณ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้จ่าย ควรถามตนเองว่า "การอบรมนี้จะช่วยเสริมสร้างความรู้ในส่วนที่คุณต้องการหรือไม่ "วิทยากรสามารถที่จะให้ข้อมูลในสิ่งที่ต้องการหรือไม่" ลักษณะของวิยากรที่ดีจะศึกษาถึงความต้องการของผู้เข้ารับการอบรมว่าคาดหวังที่จะได้รับอะไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อจะได้ปรับให้เข้ากับหลักสูตรที่จะอบรม หน่วยงานที่จัดการฝึกอบรมจะมีหลักสูตรการอบรมที่จัดเตรียมไว้ ควรมาขอศึกษาดูก่อนและในการสมัครเข้าอบรม ควรดูหลักสูตรที่สามารถสนองความต้องการในแง่ของความรู้ ความเข้าใจ ระยะเวลาและเนื้อหา รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

ในการเลือกโครงการเข้าอบรมไม่ควรให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและวิทยากรมากนัก เพราะเขาเหล่านี้มีชื่อเสียง เนื่องจากรู้เรื่องในสิ่งที่เขาจะพูดดีที่สุด ในขณะเดียวกันไม่ควรที่จะละเลยวิทยาลัยชุมชน มหาวิทยาลัยหรือบริษัทฯที่ปรึกษาต่าง ๆ ซึ่งบุคคลต่าง ๆ ในวงการเหล่านี้มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นวิทยากรอยู่แล้ว นอกจากนั้นแล้วควรระวังและศึกษาให้ดีเกี่ยวกับโครงการที่โฆษณาว่าดีที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ควรเช็คเกี่ยวกับวิทยากรและหลักสูตรจากผู้ที่เคยเข้าอบรมแล้ว

3. เตรียมตัวให้พร้อมในการที่จะเข้าอบรม โดยการเตรียมกระดาษเปล่า 1 แผ่นโดยเขียนเหตุผลที่ต้องเข้ารับการอบรม ตัวอย่างเช่น เป้าหมายในการเข้าอบรม สิ่งที่เพิ่มอาจเป็นรายการปัญหาที่สงสัยหรือหัวเรื่องที่ต้องการให้บรรยายนั้นครอบคลุมาถึงคำถามที่ต้องการคำตอบที่เจาะจง ถ้าเกิดความสงสัย ให้ถามให้หายความข้องใจ อย่าเพียงแต่แกล้งนั่งฟังเฉย ๆ และทำเป็นรู้เรื่องทั้งนี้ เพราะจากการศึกษาแล้วพบว่าความรู้ใหม่ประมาณ 50% ที่คุณจะเรียนรู้มาจากผู้มีส่วนร่วมในการอบรมในหลักสูตรนั้นนั่นเอง

4. จัดเตรียมแผนการที่จะนำความรู้และความชำนาญใหม่ ๆ ที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ วิทยากรหลายคนจะจัดเวลาช่วงประโยชน์ วิทยากรหลายคนจะจัดเวลาช่วงหนึ่งในการอบรมของหลักสุตรเพื่อให้ผู้เข้ารับการบอรมได้จัดการ "การวางแผนเพื่อดำเนินการ" ซึ่งในช่วงนั้นคุณจะมีโอกาสได้พัฒนาวางแผนโดยการนำความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้รับในห้องอบรมมาปรับใช้ จงใช้เวลาช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด ในกรณีที่ไม่มีการแบ่งเวลาดังกล่าวให้ คุณควรจัดทำด้วยตนเองหลังการอบรมใหม่ ๆ ทั้งนี้เพราะข้อมูลต่าง ๆ จะยังคงอยู่ในความคิดของคุณ ทำให้การจัดทำเป็นไปอย่างง่าย ทั้งนี้เพราะคุณสามารถที่จะพัฒนาแผนนั้นได้ในระยะเวลาต่อมา

5. การนำความรู้ และความชำนาญที่ได้รับมาใช้ในงาน สิ่งที่มักเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ คือผู้เข้ารับการอบรมเมื่อกลับมาที่ทำงานมักจะนำเอกสารต่าง ๆ ที่ได้รับการอบรมเก็บเข้าไว้ในตู้เกสาร ไม่มีการนำออกมาปรับใช้ การที่จะใช้ประโยชน์จากการฝึกอบรมให้มากที่สุดจะต้องมีการปฏิบัติทันทีหลังการอบรม และที่ไม่ควรลืมคือการนำความรู้ที่ได้จากการอบรมได้ทราบด้วย การอบรมจะคุ้มค่าได้ประโยชน์ที่สุดเมื่อคุณสามารถที่จะนำความรู้ที่ได้รับมาให้ทุกคนทั้งผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทราบ

6. วิเคราะห์ความชำนาญและความรู้ของคุณเพื่อหาข้อบกพร่องที่ต้องการได้รับการปรับปรุงสิ่งที่ควรจำคือ วัตถุประสงค์ของการเข้ารับการอบรมของคุณก็ เพื่อที่ช่วยพัฒนาความรู้ของคุณและปรับปรุงคุณให้เป็นพนักงานที่ดีมีความรับผิดชอบขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าคุณยังรู้สึกว่ามีปัญหาอยู่ จะต้องเริ่มถามตนเองก่อนว่า จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเพื่อเตรียมการหรือ ต้องการการอบรมเพิ่มขึ้น ชี้ให้ทุกคนได้ทราบถึงความจำเป็นในการอบรม

จากที่กล่าวมาทั้งหมดอาจจะสรุปได้ว่า "การฝึกอบรมอาจจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด" ยกเว้นแต่คุณจะมีการเตรียมตัวในการฝึกอบรมให้พร้อมวางแผนที่จะลดเวลาและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และมีการนำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้ในหน่วยงาน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.