บลจ.ชี้สินค้าไม่ล้นตลาด แม้มีกองทุนใหม่เข้ามาซื้อขายในระบบมาก แต่ขนาดของสินทรัพย์ในธุรกิจกองทุนเพียง
3 แสนล้านบาท ยังน้อยเมื่อเทียบเงินฝากทั้งระบบ ที่ยังล้นกว่า 5 ล้านล้านบาทปัจจุบัน
ระบุปีนี้ธุรกิจกองทุนโต 50% จากปีที่แล้ว ซึ่งกว่า 80% มาจากเงินใหม่ เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยพุ่งถึง
8% ปีหน้าตามเป้าหมายทักษิณ ส่งผลดีธุรกิจจัด การลงทุนเติบโตได้อีกบาน บลจ.วรรณฉวยจังหวะกระทิงสิงห์ตลาดทุน
โรดโชว์กองทุนใน ต่างตะวันออกกลาง-ยุโรป พร้อมทยอยขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก
3 กองในไทยภายใน สิ้นปี ขณะที่ก.ล.ต.หนุนทุกด้าน เพื่อช่วยขยายฐานนักลงทุนสถาบัน
สร้างสมดุลให้การลงทุน ในตลาดหุ้นที่ปัจจุบันนักเก็งกำไรครอบงำตลาดฯ
จากการที่คณะกรรมการบริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯได้คัดเลือกกองทุนเพื่อลงทุนในหุ้นทุนที่เป็นการจัดตั้งร่วมกันระหว่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม
(บลจ.) และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) รวม 13 กองทุน โดยตลท. ได้เตรียมจัดสรรเงินลงทุน
600 ล้าน บาทในกองทุนดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ผู้มีเงินออมมีทางเลือกใหม่ในการลงทุนกองทุน
สำหรับ 13 กองทุนดังกล่าว เป็นการยื่นข้อเสนอของบลจ. 10 แห่งและบล. 13 แห่ง แบ่ง
เป็นกองทุนใหม่จำนวน 8 กองทุน มีมูลค่าโครง การรวม 13,000 ล้านบาท และกองทุนเดิมที่นำ
มาขายใหม่ 5 กองทุน มีมูลค่าโครงการรวม 12,000 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น
25,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบาย ลงทุนในหุ้นทุนของบริษัทจดทะเบียนไม่เกิน
30 บริษัทและเปิดเผยข้อมูลการลงทุนให้ผู้ลงทุนทราบเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบ
และเรียนรู้เหตุผลของการตัดสินใจลงทุนของผู้จัดการกองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะทยอยเสนอ
ขายตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป
สินค้ายังมีน้อยเทียบสภาพคล่อง
นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี (ประเทศไทย)
จำกัด เปิดเผยว่าปริมาณสินค้าที่ออกมาพร้อมกัน 13 กองทุน รวมถึงกองทุนอื่นที่ภาคเอกชนกำลังจัดตั้งและเสนอขายในเวลาเดียวกันไม่ได้ก่อให้เกิดการกระจุกตัวของสินค้าแต่อย่างใด
หากพิจารณาจากเงินฝากในระบบ 5 ล้านล้านบาท กับมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนรวม ในปัจจุบันจำนวน
3 แสนล้านบาทนั้น ยังคิดเป็น สัดส่วนที่น้อยมาก ดังนั้นยังมีโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลเข้ามาในธุรกิจจัดการลงทุนได้อีก
เพราะ หลายคนยังไม่รู้จักและเข้าใจการลงทุนในกองทุน การมีกองทุนให้เลือกหลากหลายก็จะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าใจการลงทุนมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ระบบการ ทำงานของกองทุนพัฒนาเพิ่มขึ้น
ธุรกิจกองทุนโต 50%
นอกจากนั้น การเติบโตของขนาดของสิน ทรัพย์กองทุนยังไม่รวดเร็วนัก แม้ปัจจุบันขนาด
ของสินทรัพย์จะเติบโตเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 50% จากขนาดของสินทรัพย์เมื่อสิ้นปี
2545 ที่ 2 แสนล้านบาท โดยเม็ดเงินที่เข้า มาส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดเงินใหม่ถึง 80%
โดยได้ปัจจัยหนุนมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความคึกคักมากขึ้น
จึงมีนัก ลงทุนบางส่วนโยกเงินจากการลงทุนในตราสารหนี้มาลงทุนในหุ้นเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งถือเป็นสัญญาณ ที่ดีสำหรับธุรกิจจัดการลงทุน
"ระยะหลังจึงเห็นได้ว่าขนาดของกองทุนหุ้น ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เช่น กองทุนไอเอ็นจีตราสาร
ทุน ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นของบริษัทมีเม็ดเงินไหลเข้า มาภายใน 2 สัปดาห์ ทำให้ขนาดของกองทุนเพิ่ม
เป็น 250 ล้านบาท จาก 60 ล้านบาท โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 80% และ 1 เดือนย้อนหลังที่
18%"
กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวแน่ใจว่าในระยะ 2 ปีข้างหน้า ไม่น่าจะมีปัจจัยเสี่ยง
ที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยมากนัก เชื่อว่าอัตราการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้
6% ปี หน้า 8% หากเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ตลาดหุ้นจะเติบโตได้ 10 เท่า กำไรของบริษัทจด
ทะเบียนเติบโต 20% ดัชนีราคาน่าจะอยู่ที่ระดับ 640 จุดได้ตามปัจจัยพื้นฐาน
สำหรับนักลงทุนที่จะเลือกลงทุนในกอง ทุนแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้น กองทุน
ตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม สิ่งแรกที่ต้องคำนึง ถึงคือตนเองสามารถยอมรับความเสี่ยงในการลง
ทุนได้มากน้อยแค่ไหน หากรับความเสี่ยงสูงเลือก ลงทุนในกองทุนหุ้น แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อย
ก็เลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เป็นต้น
ปีหน้าเม็ดเงินล้นระบบ
นายอลัน แคม กรรมการผู้จัดการ บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า ไม่น่าเป็นห่วงสำหรับสินค้าที่ออกมาพร้อมกัน
เพราะแต่ละกองทุนสามารถอธิบายความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้แตกต่างกัน ตามบุคลิกของแต่ละคน
ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกับอุตสาหกรรม เพราะทำให้นักลงทุนได้รู้จักการลงทุนในกองทุนมากขึ้น
ส่งเสริมให้ธุรกิจ จัดการลงทุนพัฒนาไปในทางที่ดี เพราะเม็ดเงิน ที่ลงทุนในกองทุนคิดเป็น
5% ของเงินฝากทั้งระบบ เพราะฉะนั้น ธุรกิจกองทุนยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ โดยเฉพาะปีหน้ากำลังซื้อจะเพิ่มมากขึ้นจากสภาพคล่องที่เกิดจากการไถ่ถอน
สลิปแคปส์
บลจ.วรรณเดินสายโรดโชว์ตปท.
ด้านนางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม
(บลจ.) วรรณ กล่าวว่าบริษัทจะนำกองทุนเปิดสยามซีเล็ค ซึ่งเป็นกองทุนเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ
เดินทางเพื่อเสนอข้อมูล (โรดโชว์) และเสนอขายหน่วยลง ทุนให้นักลงทุนกลุ่มประเทศตะวันออกลาง
และยุโรป ช่วงไตรมาส 4 โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างดี
เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศสนใจลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว เพราะอัตราผลตอบแทนการ
ลงทุนตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้สูงถึง 30-40%
บริษัทคาดว่าผลจากการโรดโชว์ดังกล่าว จะทำให้กองทุนเปิดสยามซีเล็คขายหน่วยลงทุนได้ประมาณ
20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 820-1,230 ล้านบาท) จะทำให้มูลค่ากองทุนขยาย ตัวเพิ่มจาก
300 ล้านบาทปัจจุบัน ขึ้นไปที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท
สาเหตุที่บริษัทตัดสินใจโรดโชว์กลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง เนื่องจากประชากรกลุ่ม
ประเทศ ภูมิภาคดังกล่าวมีเงินออมมาก การโรดโชว์ครั้งนี้ จะมีบริษัทเฟิรสท์ อีสเทิร์น
(First Eastern) ซึ่งเป็นพันธมิตรจากฮ่องกงร่วมเดินทางด้วย ซึ่ง เฟิรสท์ อีสเทิร์นฐานลูกค้าประเทศแถบนี้อยู่แล้ว
จึงสามารถแนะนำลูกค้าให้กองทุนฯ ได้
ส่วนยุโรปบริษัทมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้วส่วนหนึ่ง เมื่อรวมกับภาวการณ์ลงทุนตลาดหุ้นไทย
ที่แนวโน้มดีต่อเนื่อง จะเป็นแรงดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศลงทุนผ่านกองทุนเปิดสยาม
ซีเล็คเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย นโยบายการลงทุนกองทุนเปิดสยามซีเล็คจะเน้นทั้งระยะปานกลางและยาวในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ใน
ตลท. โดยจะเลือกลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี แนวโน้มเติบโตธุรกิจสูง อีกทั้งมีนโยบายจะถือครองเงินตราต่างประเทศ
เพื่อเพิ่มสภาพคล่องการลงทุน รวมถึงเตรียมรองรับการชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุน
ขาย 3 กองทุนอสังหาฯ
นางวิวรรณ กล่าวอีกว่า บริษัทจะเปิดและเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์
(Property Fund) มูลค่ากองทุน 1,000 ล้านบาท ในไทยราวเดือนต.ค.นี้ โดยกองทุนดังกล่าว
จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อให้เช่าต่อ เบื้องต้น จะเลือกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทสำนักงาน
(ออฟฟิศ)
เนื่องจากปัจจุบันราคาค่าเช่าออฟฟิศในประเทศไทย เมื่อเทียบเป็นตารางเมตรราคาถูกกว่าต่างประเทศมาก
ทำให้ราคา รวมถึงรายได้อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมีโอกาสเติบโตอีก กองทุนฯจะซื้อและถืออสังหาริมทรัพย์อย่างน้อย
1 ปี ซึ่งนอกจากจะมีรายได้ค่าเช่า หากบริษัทขาย อสังหาริมทรัพย์ ยังได้สิทธิยกเว้นภาษี
ทำให้กองทุนฯดังกล่าวสามารถนำกำไรจัดสรรให้ผู้ถือ หุ้นหน่วยได้เต็มที่
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดกองทุนใหม่เพื่อลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ
อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม บลจ.วรรณ มีแผนจะขยายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ
ด้วย อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม โดยบริษัทจะออกพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์
อีก 2 กองในเดือนพ.ย. และธ.ค.ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนตั้งกองทุนเพื่อลงทุนตราสารหนี้-ทุนต่างประเทศ ตามนโยบายผ่อนคลายการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน
ในตราสารต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่สนับสนุนให้นักลงทุนสถาบัน
นำเงินลงทุนในตราสารหนี้-ทุนต่างประเทศได้ ซึ่ง ขณะนี้ขออนุมัติวงเงินจากธปท.แล้ว
โครงสร้างนักลงทุนสู่สมดุล
นางศรัณยา จินดาวนิค ผู้อำนวยการ สำนักเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
(ก.ล.ต.) กล่าว ว่าการร่วมจัดตั้งกองทุนระหว่างบลจ. บล. และตลาดหลักทรัพย์นั้นนับเป็นสิ่งที่ดี
โดยเฉพาะกอง ทุนใหม่เพราะจะเพิ่มปริมาณกองทุนในระบบให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจำนวนกองทุนที่จัดตั้งใหม่
8 กอง ทุนนั้นไม่ถือว่ามากเกินไป สำหรับภาวะเศรษฐกิจ ที่ปรับตัวดีขึ้นแล้ว จึงทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกลงทุนใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น
ตามนโยบายของแต่ะละ กองทุน
การที่ตลท.ร่วมกันจัดตั้งกองทุนกับภาคเอกชนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมแผนการขยายฐานนักลงทุนผ่านกองทุนให้เพิ่มมากขึ้น
สร้างความเชื่อมั่นให้กับการลงทุนในกองทุน ทำให้สัดส่วนของนักลงทุนสถาบันในตลาดมีมากขึ้น
ส่งผลให้โครงสร้างนักลงทุนมีความ สมดุล