3แสนล.บลจ.จิบจ๊อยอนาคตขยายได้บาน


ผู้จัดการรายวัน(15 กันยายน 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.ชี้สินค้าไม่ล้นตลาด แม้มีกองทุนใหม่เข้ามาซื้อขายในระบบมาก แต่ขนาดของสินทรัพย์ในธุรกิจกองทุนเพียง 3 แสนล้านบาท ยังน้อยเมื่อเทียบเงินฝากทั้งระบบ ที่ยังล้นกว่า 5 ล้านล้านบาทปัจจุบัน ระบุปีนี้ธุรกิจกองทุนโต 50% จากปีที่แล้ว ซึ่งกว่า 80% มาจากเงินใหม่ เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยพุ่งถึง 8% ปีหน้าตามเป้าหมายทักษิณ ส่งผลดีธุรกิจจัด การลงทุนเติบโตได้อีกบาน บลจ.วรรณฉวยจังหวะกระทิงสิงห์ตลาดทุน โรดโชว์กองทุนใน ต่างตะวันออกกลาง-ยุโรป พร้อมทยอยขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 3 กองในไทยภายใน สิ้นปี ขณะที่ก.ล.ต.หนุนทุกด้าน เพื่อช่วยขยายฐานนักลงทุนสถาบัน สร้างสมดุลให้การลงทุน ในตลาดหุ้นที่ปัจจุบันนักเก็งกำไรครอบงำตลาดฯ

จากการที่คณะกรรมการบริหารของตลาดหลักทรัพย์ฯได้คัดเลือกกองทุนเพื่อลงทุนในหุ้นทุนที่เป็นการจัดตั้งร่วมกันระหว่างบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) รวม 13 กองทุน โดยตลท. ได้เตรียมจัดสรรเงินลงทุน 600 ล้าน บาทในกองทุนดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป เพื่อให้ผู้มีเงินออมมีทางเลือกใหม่ในการลงทุนกองทุน

สำหรับ 13 กองทุนดังกล่าว เป็นการยื่นข้อเสนอของบลจ. 10 แห่งและบล. 13 แห่ง แบ่ง เป็นกองทุนใหม่จำนวน 8 กองทุน มีมูลค่าโครง การรวม 13,000 ล้านบาท และกองทุนเดิมที่นำ มาขายใหม่ 5 กองทุน มีมูลค่าโครงการรวม 12,000 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 25,000 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบาย ลงทุนในหุ้นทุนของบริษัทจดทะเบียนไม่เกิน 30 บริษัทและเปิดเผยข้อมูลการลงทุนให้ผู้ลงทุนทราบเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบ และเรียนรู้เหตุผลของการตัดสินใจลงทุนของผู้จัดการกองทุน ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะทยอยเสนอ ขายตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป

สินค้ายังมีน้อยเทียบสภาพคล่อง

นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าปริมาณสินค้าที่ออกมาพร้อมกัน 13 กองทุน รวมถึงกองทุนอื่นที่ภาคเอกชนกำลังจัดตั้งและเสนอขายในเวลาเดียวกันไม่ได้ก่อให้เกิดการกระจุกตัวของสินค้าแต่อย่างใด หากพิจารณาจากเงินฝากในระบบ 5 ล้านล้านบาท กับมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนรวม ในปัจจุบันจำนวน 3 แสนล้านบาทนั้น ยังคิดเป็น สัดส่วนที่น้อยมาก ดังนั้นยังมีโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลเข้ามาในธุรกิจจัดการลงทุนได้อีก เพราะ หลายคนยังไม่รู้จักและเข้าใจการลงทุนในกองทุน การมีกองทุนให้เลือกหลากหลายก็จะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าใจการลงทุนมากยิ่งขึ้น ขณะที่ระบบการ ทำงานของกองทุนพัฒนาเพิ่มขึ้น

ธุรกิจกองทุนโต 50%

นอกจากนั้น การเติบโตของขนาดของสิน ทรัพย์กองทุนยังไม่รวดเร็วนัก แม้ปัจจุบันขนาด ของสินทรัพย์จะเติบโตเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 50% จากขนาดของสินทรัพย์เมื่อสิ้นปี 2545 ที่ 2 แสนล้านบาท โดยเม็ดเงินที่เข้า มาส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดเงินใหม่ถึง 80% โดยได้ปัจจัยหนุนมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และการลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความคึกคักมากขึ้น จึงมีนัก ลงทุนบางส่วนโยกเงินจากการลงทุนในตราสารหนี้มาลงทุนในหุ้นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณ ที่ดีสำหรับธุรกิจจัดการลงทุน

"ระยะหลังจึงเห็นได้ว่าขนาดของกองทุนหุ้น ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เช่น กองทุนไอเอ็นจีตราสาร ทุน ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นของบริษัทมีเม็ดเงินไหลเข้า มาภายใน 2 สัปดาห์ ทำให้ขนาดของกองทุนเพิ่ม เป็น 250 ล้านบาท จาก 60 ล้านบาท โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 80% และ 1 เดือนย้อนหลังที่ 18%"

กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี กล่าวแน่ใจว่าในระยะ 2 ปีข้างหน้า ไม่น่าจะมีปัจจัยเสี่ยง ที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยมากนัก เชื่อว่าอัตราการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้ 6% ปี หน้า 8% หากเศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ตลาดหุ้นจะเติบโตได้ 10 เท่า กำไรของบริษัทจด ทะเบียนเติบโต 20% ดัชนีราคาน่าจะอยู่ที่ระดับ 640 จุดได้ตามปัจจัยพื้นฐาน

สำหรับนักลงทุนที่จะเลือกลงทุนในกอง ทุนแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้น กองทุน ตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม สิ่งแรกที่ต้องคำนึง ถึงคือตนเองสามารถยอมรับความเสี่ยงในการลง ทุนได้มากน้อยแค่ไหน หากรับความเสี่ยงสูงเลือก ลงทุนในกองทุนหุ้น แต่หากรับความเสี่ยงได้น้อย ก็เลือกลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เป็นต้น

ปีหน้าเม็ดเงินล้นระบบ

นายอลัน แคม กรรมการผู้จัดการ บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า ไม่น่าเป็นห่วงสำหรับสินค้าที่ออกมาพร้อมกัน เพราะแต่ละกองทุนสามารถอธิบายความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้แตกต่างกัน ตามบุคลิกของแต่ละคน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกับอุตสาหกรรม เพราะทำให้นักลงทุนได้รู้จักการลงทุนในกองทุนมากขึ้น ส่งเสริมให้ธุรกิจ จัดการลงทุนพัฒนาไปในทางที่ดี เพราะเม็ดเงิน ที่ลงทุนในกองทุนคิดเป็น 5% ของเงินฝากทั้งระบบ เพราะฉะนั้น ธุรกิจกองทุนยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ โดยเฉพาะปีหน้ากำลังซื้อจะเพิ่มมากขึ้นจากสภาพคล่องที่เกิดจากการไถ่ถอน สลิปแคปส์

บลจ.วรรณเดินสายโรดโชว์ตปท.

ด้านนางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ กล่าวว่าบริษัทจะนำกองทุนเปิดสยามซีเล็ค ซึ่งเป็นกองทุนเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ เดินทางเพื่อเสนอข้อมูล (โรดโชว์) และเสนอขายหน่วยลง ทุนให้นักลงทุนกลุ่มประเทศตะวันออกลาง และยุโรป ช่วงไตรมาส 4 โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนต่างประเทศอย่างดี เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศสนใจลงทุนในประเทศไทยอยู่แล้ว เพราะอัตราผลตอบแทนการ ลงทุนตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้สูงถึง 30-40%

บริษัทคาดว่าผลจากการโรดโชว์ดังกล่าว จะทำให้กองทุนเปิดสยามซีเล็คขายหน่วยลงทุนได้ประมาณ 20-30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 820-1,230 ล้านบาท) จะทำให้มูลค่ากองทุนขยาย ตัวเพิ่มจาก 300 ล้านบาทปัจจุบัน ขึ้นไปที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท

สาเหตุที่บริษัทตัดสินใจโรดโชว์กลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง เนื่องจากประชากรกลุ่ม ประเทศ ภูมิภาคดังกล่าวมีเงินออมมาก การโรดโชว์ครั้งนี้ จะมีบริษัทเฟิรสท์ อีสเทิร์น (First Eastern) ซึ่งเป็นพันธมิตรจากฮ่องกงร่วมเดินทางด้วย ซึ่ง เฟิรสท์ อีสเทิร์นฐานลูกค้าประเทศแถบนี้อยู่แล้ว จึงสามารถแนะนำลูกค้าให้กองทุนฯ ได้

ส่วนยุโรปบริษัทมีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้วส่วนหนึ่ง เมื่อรวมกับภาวการณ์ลงทุนตลาดหุ้นไทย ที่แนวโน้มดีต่อเนื่อง จะเป็นแรงดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศลงทุนผ่านกองทุนเปิดสยาม ซีเล็คเพิ่มขึ้นตามเป้าหมาย นโยบายการลงทุนกองทุนเปิดสยามซีเล็คจะเน้นทั้งระยะปานกลางและยาวในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ใน ตลท. โดยจะเลือกลงทุนหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี แนวโน้มเติบโตธุรกิจสูง อีกทั้งมีนโยบายจะถือครองเงินตราต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องการลงทุน รวมถึงเตรียมรองรับการชำระค่าขายคืนหน่วยลงทุน

ขาย 3 กองทุนอสังหาฯ

นางวิวรรณ กล่าวอีกว่า บริษัทจะเปิดและเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) มูลค่ากองทุน 1,000 ล้านบาท ในไทยราวเดือนต.ค.นี้ โดยกองทุนดังกล่าว จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทย เพื่อให้เช่าต่อ เบื้องต้น จะเลือกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทสำนักงาน (ออฟฟิศ)

เนื่องจากปัจจุบันราคาค่าเช่าออฟฟิศในประเทศไทย เมื่อเทียบเป็นตารางเมตรราคาถูกกว่าต่างประเทศมาก ทำให้ราคา รวมถึงรายได้อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมีโอกาสเติบโตอีก กองทุนฯจะซื้อและถืออสังหาริมทรัพย์อย่างน้อย 1 ปี ซึ่งนอกจากจะมีรายได้ค่าเช่า หากบริษัทขาย อสังหาริมทรัพย์ ยังได้สิทธิยกเว้นภาษี ทำให้กองทุนฯดังกล่าวสามารถนำกำไรจัดสรรให้ผู้ถือ หุ้นหน่วยได้เต็มที่

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดกองทุนใหม่เพื่อลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม อย่างไรก็ตาม บลจ.วรรณ มีแผนจะขยายการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ด้วย อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโดมิเนียม โดยบริษัทจะออกพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ อีก 2 กองในเดือนพ.ย. และธ.ค.ตามลำดับ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนตั้งกองทุนเพื่อลงทุนตราสารหนี้-ทุนต่างประเทศ ตามนโยบายผ่อนคลายการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน ในตราสารต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่สนับสนุนให้นักลงทุนสถาบัน นำเงินลงทุนในตราสารหนี้-ทุนต่างประเทศได้ ซึ่ง ขณะนี้ขออนุมัติวงเงินจากธปท.แล้ว

โครงสร้างนักลงทุนสู่สมดุล

นางศรัณยา จินดาวนิค ผู้อำนวยการ สำนักเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าว ว่าการร่วมจัดตั้งกองทุนระหว่างบลจ. บล. และตลาดหลักทรัพย์นั้นนับเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะกอง ทุนใหม่เพราะจะเพิ่มปริมาณกองทุนในระบบให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจำนวนกองทุนที่จัดตั้งใหม่ 8 กอง ทุนนั้นไม่ถือว่ามากเกินไป สำหรับภาวะเศรษฐกิจ ที่ปรับตัวดีขึ้นแล้ว จึงทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกลงทุนใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น ตามนโยบายของแต่ะละ กองทุน

การที่ตลท.ร่วมกันจัดตั้งกองทุนกับภาคเอกชนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมแผนการขยายฐานนักลงทุนผ่านกองทุนให้เพิ่มมากขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้กับการลงทุนในกองทุน ทำให้สัดส่วนของนักลงทุนสถาบันในตลาดมีมากขึ้น ส่งผลให้โครงสร้างนักลงทุนมีความ สมดุล



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.