PFดึงปูนใหญ่-ทุนนอก ฮุบรง.พรีแฟบลดต้นทุน


ASTVผู้จัดการรายวัน(21 พฤษภาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

แมวเก้าชีวิต “ชายนิด โง้วศิริมณี” เตรียมรุกครั้งใหม่ เร่งเจรจาปูนใหญ่-บริษัทข้ามชาติ ลงขันซื้อโรงงานพรีแฟบ รองรับแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้างบ้าน ส่งมอบบ้านเร็วขึ้นจาก 8 เดือนเหลือ 5 เดือน อัดงบ1,000 ล้านบาท ซื้อที่ดิน 25ไร่ย่านอุดมสุขรับรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริง เล็งไตรมาส 2 ออกหุ้นกู้วงเงิน 1,000 ล้านบาท เสริมสภาพคล่อง ซื้อที่ดินลงทุนโครงการใหม่ พร้อมเปิดตัว8โครงการใหม่มูลค่า 14,000ล้านบาท รองรับกำลังซื้อ-ตลาดฟื้น หลังรัฐบาล “อภิสิทธิ์” กระตุ้นเศรษฐกิจรอบ2

นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวถึงแผนการปรับตัวของบริษัทฯ เพื่อก้าวสู่ความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันว่า ทางบริษัทฯมีแผนที่จะเข้าไปซื้อโรงงานระบบก่อสร้างสำเร็จรูป (ระบบพรีแฟบ) เพื่อรองรับการปรับระบบการก่อสร้างให้มีความรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลา และลดต้นทุนในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของบริษัท โดยตั้งเป้าจะลดระยะเวลาก่อสร้างบ้านจากเดิม 8 เดือนให้เหลือ 5 เดือน ซึ่งโรงงานจะมีกำลังการผลิตที่สามารถรับปริมาณก่อสร้างบ้านได้ 1,000 หน่วยต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 10,000 ล้านบาทต่อปี

“ เราได้ดึงพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาร่วมทุนอีก 2 บริษัท คือ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ เพื่อซื้อโรงงานพรีแฟบ เพียงแต่อยู่ในขั้นของการเจรจา คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้ ”นายชายนิดกล่าวและว่า

ในส่วนของแผนการเพิ่มสภาพคล่อง บริษัทฯได้ตัดขายที่ดินในย่านแจ้งวัฒนะ จำนวน 400 ไร่ มูลค่า 900 ล้านบาทให้แก่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมีแผนจะตัดขายที่ดินเพิ่ม 3 แปลง จำนวน 300 ไร่ ให้แก่สถาบันการศึกษา ซึ่งได้เจรจาขอซื้อเข้ามาแล้วทั้งหมด

นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมแผนออกหุ้นกู้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ วงเงินรวม 1,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 6% โดยทางบริษัทฯจะนำรายได้จากการขายที่ดินและการออกหุ้นกู้ มาใช้ในการจัดซื้อที่ดินและลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 8 โครงการภายในปีนี้ รวมทั้งเตรียมสำรองเงินสภาพคล่องของบริษัทให้คงอยู่ในระดับ 1,000 ล้านบาท

“ ทางพร็อพเพอร์ เพอร์เฟค ยังมีที่ดินรอการพัฒนา หรือ แลนด์แบงก์อยู่อีกประมาณ 2,000ไร่ จำนวนดังกล่าวสามารถรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคตได้ 2-3ปี ที่ดินส่วนใหญ่จะอยู่ติดกับแนวรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งสิ้น”

ผุดคอมเพล็กซ์มอลล์รับไลฟ์สไตล์คนเมือง

นายชายนิดกล่าวยอมรับว่า ที่ดินสะสมที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าที่มีการก่อสร้างและเตรียมเปิดใช้ มีแปลงเดียวบริเวณราชปรารภ ทำให้บริษัทต้องตัดสินใจซื้อที่ดินเพิ่มอีกจำนวน 25 ไร่ในย่านสุขุมวิท 103 อุดมสุข มูลค่า 1,000 ล้านบาท ในเบื้องต้น ได้ชำระเงินไปแล้ว 300 ล้านบาท และคาดว่าหลังการออกหุ้นกู้แล้ว จะสามารถชำระส่วนที่เหลือ

“ ที่ดินแปลงดังกล่าว เตรียมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและคอมเพล็กซ์มอลล์ เพื่อรองรับลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในแนวรถไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีแผนจะซื้อที่ดินในย่านบางใหญ่ ซึ่งอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงอีก 1 แปลง จำนวน500 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการอยู่อาศัยในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง”นายชายนิดกล่าว

ลดหนี้สินต่อทุน-เพิ่มเครดิตการเงิน

นายชายนิดกล่าวว่า ในช่วงไตรมาส2ของปี 52 บริษัทจะปรับกลยุทธ์การดำเนินงานใน 4 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ 1.เพิ่มการลงทุนในโครงการใหม่ 2. ปรับปรุงประสิทธิภาพในการก่อสร้าง โดยนำระบบพรีแฟบเข้ามาใช้ 3. แผนการลดหนี้สินต่อทุน (D/E)ให้ลดลงต่ำกว่า 0.8 เท่า(อนึ่ง ณ วันที่ 31 มี.ค. 52 บริษัทและบริษัทย่อย มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.87 เท่า และ 0.93 เท่า ณ วันที่ 31 ธ.ค.51) ซึ่งจะนำเงินจากการขายหุ้นกู้และขายที่ดินนำไปชำระหนี้บางส่วน และ 4.การปรับแผนการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้ามากขึ้น ภายใต้แนวคิด Happy Living โดยมีการจัดตั้งทีมงานบริการหลังการขาย

สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ คาดว่าจะมีจำนวน 8 โครงการใหม่ มูลค่า 14,800 ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ ได้แก่ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ พระราม 9 ราคาเริ่มต้น 8.47 ล้าน มูลค่าโครงการ 3,270 ล้าน , เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง-สุวรรณภูมิ “เลค โซน” ราคาเริ่มต้น 20.69 ล้าน มูลค่าโครงการ 820 ล้าน , เพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท 77-สุวรรณภูมิ “เดอะมาสเตอร์พีซ โซน” ราคาเริ่มต้น 16.89 ล้าน มูลค่าโครงการ 280 ล้าน , เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์ ราคาเริ่มต้น 4.39 ล้าน มูลค่าโครงการ 1,964 ล้าน นอกจากนี้ ยังมีทาวน์เฮาส์อีก 2 โครงการ คือ เดอะ เมทโทร สาทร ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้าน มูลค่าโครงการ 1,272 ล้าน และ เดอะ เมทโทร พระราม 9 ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้าน มูลค่าโครงการ 1,700 ล้าน รวมถึง คอนโดมิเนียม ได้แก่ เมโทร สกาย รัชดา ราคาเริ่มต้น 1.78 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,100 ล้าน และ เมโทร พาร์ค สาทร เฟส 3 ราคาเริ่มต้น 1.56 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,396 ล้าน

“การเปิดตัวโครงการมากถึง 8 โครงการ เนื่องจากแนวโน้มภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนได้จากการปรับตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกและตลาดหุ้นในประเทศ ช่วงไตรมาสที่ 2นี้ ประกอบกับสภาวะตลาดในประเทศก็เริ่มทรงตัว ส่วนปัญหาการเมืองเริ่มกลับเข้าไปใช้เวทีรัฐสภา ในการต่อสู้ด้านการเมืองมากขึ้น ซึ่งหากการออกพระราชกำหนดเงินกู้ 4 แสนล้านบาท สามารถผ่านสภาได้แล้ว เงินกู้ที่รัฐบาลจะนำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากนี้ จะช่วยให้เศรษฐกิจของไทย เริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.