ระยองเพียวฯเตรียมออกหุ้นเพิ่มทุน 15.83 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 5 บาทขายประชาชนทั่วไปหวังนำเงินระดมทุน 400 ล้าน บาทขยายปั๊มน้ำมันให้ได้ครบ 40 แห่งสิ้นปีนี้รวมทั้งก่อสร้างโรงกลั่น ขนาด 2,500 บาร์เรล/วันในเวียดนามและปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน ดีเซล ด้านบล.บีที ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน ประเมินราคา IPO เบื้อง ต้นระหว่าง 23-27 บาทต่อหุ้น มั่นใจเริ่มซื้อขายในตลาดหุ้นพ.ย.นี้

ขณะที่ ททบ.5 ปี 2547 จะได้รับเวลาบริหารสถานีจากสถานีโทรทัศน์กองทัพบกเพิ่มขึ้น 51.08% เทียบปีนี้ รับเวลาบริหาร 34,540 นาที เพิ่มเป็น 52,450 นาที การที่บริษัทใช้นโยบายขายเวลาโฆษณาส่วนใหญ่แบบเหมา (Bulk) ล่วงหน้า ทำให้บริษัทจะมีรายได้ส่วนใหญ่ค่อนข้างแน่นอน ขณะที่ก.ล.ต.นับหนึ่งแบบไฟลิ่ง เพื่อกระจายหุ้น ให้ประชาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว

วานนี้ (11 ก.ย.) บริษัท ระยองเพียวริฟาย เออร์ จำกัด (มหาชน) (RPC) แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ บีที เป็นที่ปรึกษาการเงินเพื่อให้คำแนะนำเตรียมความพร้อมนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังจากยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการขายหลักทรัพย์(ไฟลิ่ง) แก่ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยบริษัทฯจะขายเพิ่มทุนให้ประชาชน ทั่วไปจำนวน 15.83 ล้านหุ้น ราคามูลค่าหุ้นที่ตรา ไว้ 5 บาท

นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียวริฟาย เออร์ กล่าวว่าบริษัทฯคาดว่าจะได้เงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ประมาณ 400 ล้านบาท โดยเงิน ที่ได้จะนำมาใช้ขยายธุรกิจและเงินทุนหมุนเวียนในครึ่งปีหลัง

โดยบริษัทฯ จะขยายสถานีบริการน้ำมันเพียว จาก 14 แห่งทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 40 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 100 ล้าน บาท ก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันขนาด 2,500 บาร์เรล/วัน ที่ประเทศเวียดนาม ใช้เงินประมาณ 170 ล้าน บาท ปรับปรุงโรงกลั่นเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันตรงตามที่รัฐกำหนด โดยมีกำมะถันลดลง จากเดิม 0.05% ลงเหลือ 0.035% ใช้เงินประมาณ 40 ล้านบาท

ส่วนแผนสร้างโรงกลั่นน้ำมันที่เวียดนาม น่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ปลายปีนี้ ซึ่งจะดำเนิน การผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ โดยใช้คอนเดนเสทเป็นวัตถุดิบ โดยโรงกลั่นแห่งนี้นับเป็นโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของ เวียดนาม

นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บีที กล่าวว่าหุ้นระยองเพียวฯ น่าสนใจเมื่อเทียบหุ้นกลุ่มพลังงานตัวอื่น ฐานะการเงินค่อนข้างดี อัตราหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.7 เท่า หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุนแล้ว D/E จะต่ำกว่านี้อีก

ปัจจุบัน ภาวะตลาดหุ้นรวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงาน แนวโน้มดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ P/E 8 เท่า จึงเป็นโอกาสดีที่หุ้น RPC เข้าไประดมทุนในช่วงนี้ โดยจะทำ Book Build ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคมนี้ หลังจากพบปะนักลงทุนสถาบันในกลางเดือนตุลาคม และเทรดซื้อขายหุ้น ได้ประมาณกลางพฤศจิกายนนี้

จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้สถาบันประมาณ 25-30% ของหุ้นเพิ่มทุน โดยจะจัดสรรให้เฉพาะราย เนื่องจากจำนวนหุ้นไม่มาก สำหรับราคา IPO เบื้องต้น อยู่ที่ 23-27 บาทต่อหุ้น

ผลดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ กำไรสุทธิ 132 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 25% โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 4,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% คาดว่าทั้งปีนี้น่าจะมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 200 ล้าน บาท สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 179 ล้านบาท ซึ่ง นโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ โดยปีนี้คาดว่าจะจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว ด้วย

นับ 1 ไฟลิ่งททบ.5

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าสำนัก งานก.ล.ต. เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งบริษัท ททบ.5 แล้ว โดยบริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในเครือกลุ่มกิมเอ็งจากสิงคโปร์ เป็นที่ปรึกษาการ เงินเสนอขายหุ้นครั้งนี้

บริษัท ททบ.5 จะเสนอขาย (ไอพีโอ) 44 ล้านหุ้นให้ประชาชนทั่วไป เพื่อจะนำเงินชำระคืน เงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 50 ล้านบาท ช่วงไตรมาส 4/46 รวมทั้งมีแผนจะปรับปรุงสำนักงานและสตูดิโอปี 2547

ปี 2547 บริษัทคาดว่าจะได้รับเวลาบริหาร จากกสถานีโทรทัศน์กองทัพบก รวมทั้งปีตามสัญญาปัจจุบันทั้งสิ้น 52,450 นาที แบ่งเป็นเวลา โฆษณา 17,364 นาที และเวลาออกอากาศ 35,086 นาที เมื่อเทียบปีนี้ บริษัทรับบริหารเวลา 34,540 นาที แบ่งเป็นเวลาโฆษณา 9,685 นาที และเวลา ออกอากาศ 24,844 นาที

บริษัทมีรายได้หลัก ได้แก่ รายได้ค่าเช่าและบริการ แบ่งตามธุรกิจหลัก 4 ประเภท ได้แก่ รายได้กิจการโฆษณาและสื่อโฆษณา 76% ของรายได้บริษัททั้งหมด

บริษัท ททบ.5 ประกอบกิจการบริหารสถานี โทรทัศน์ดาวเทียม (Thai TV Global Network หรือช่อง TGN) แพร่ภาพออกอากาศ 170 ประเทศทั่วโลก ซึ่งได้รับสิทธิ์จากสถานีวิทยุโทร- ทัศน์กองทัพบกช่อง 5 บริหารเวลาออกอากาศ และเวลาโฆษณาของช่องTGN วันละ 16 ชั่วโมง 66.67% ของเวลาออกอากาศทั้งหมดของช่อง TGN

นอกจากนี้ ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องธุรกิจบริษัทผ่าน 3 บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ททบ.5 มาร์เก็ตติ้ง เป็นบริษัทบริหารการตลาดและสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ บริษัท ททบ.5 โปรดักชั่น แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ดำเนินธุรกิจผลิตราย การโทรทัศน์ และบริษัท ททบ.5 เรดิโอ ดำเนิน ธุรกิจบริหารสถานีวิทยุ ททบ.เอฟเอ็ม 94 MHz

บริษัท ททบ.5 ทุนจดทะเบียน 1.1 พันล้าน บาท ราคาพาร์ 10 บาท ปี 2545 หลังปรับโครง สร้าง บริษัทรายได้รวม 338.35 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2.99 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรก บริษัทรายได้รวม 142.82 ล้านบาท

ปีนี้บริษัทรับเวลาเพิ่มเป็น 34,540 นาที ซึ่ง แบ่งเป็นเวลาโฆษณา 9,685 นาที และเวลาออกอากาศ 24,844 นาที เป็นการทยอยได้รับเวลาเพิ่ม ขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยเวลาที่ได้เพิ่มขึ้น จะเป็นเวลา ช่วงที่คนดูมากที่สุด (Prime Time)

โครงสร้างผู้ถือหุ้นประกอบด้วยกองทัพบก ถือหุ้น 33 ล้านหุ้น คิดเป็น 50% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด บริษัท เทพารักษ์พัฒนาการ 4.4 ล้านหุ้น 6.67% บริษัท ไพรเวตมีเดีย 3.5 ล้านหุ้น 5.30% กลุ่มจิตคลองธรรม 1.73 ล้านหุ้น 2.62% บริษัท สุราสัมพันธ์ 1.4ล้านหุ้น 2.12% บริษัท เอ็ม.ซี.แอล. 1.4 ล้านหุ้น 2.12% บริษัท ซี เอ็นทีไวน์ แอนด์ ลิเคอร์ 1.1 ล้านหุ้น 1.67% กลุ่มซิลเวอร์ไลน์ แคปปิตอล 1.1 ล้านหุ้น 1.67% กลุ่ม ศิริภาณุเสถียร 0.77 ล้านหุ้น 1.17% เป็นต้น หลัง เสนอขายหุ้นประชาชนทั่วไป บริษัทมีนโยบายจ่าย เงินปันผลผู้ถือหุ้นอัตรา 60% ของกำไรสุทธิ